บทที่ 133 หย่ากันด้วยดีหรือหนังสือหย่า

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 133 หย่ากันด้วยดีหรือหนังสือหย่า

เชอะ……

หลังสิ้นคำพูดของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาตกตะลึงไปครึ่งนาที ใบหน้าแดงฉานอย่างรวดเร็ว หลังจากดึงสติกลับมาได้ก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาราวกับเจอผี จากนั้นก็พุ่งออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันได้สวมใส่

เย่แจ๋หยิ่ง : “……”

เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา หลานเยาเยาวิ่งมาถึงลานที่โดนเผาทำลาย ขึ้นไปแอบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่เคยมานั่ง

“ตึกตักตึกตัก……”

หัวใจที่เต้นอย่างรวดเร็วนั้นยากที่จะสงบลง ราวกับว่าเซลล์ทั่วร่างกายที่ตื่นตัวกำลังจะสลาย คลายตัวลงไป

นางยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายสมอง นั่งพิงลำต้นของต้นไม้

“เฮ้อ…….”

หลานเยาเยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในสมองปรากฎแต่ภาพที่อ่อนโยนของเย่แจ๋หยิ่ง จะสลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุดซักที

กับดักปีศาจ โดนกับดักปีศาจแล้ว……

ต้องโทษเจ้าระบบบ้าบอนั่น ทำไมจะต้องพัฒนาด้วยนะ? จริงๆแล้วควรจะเปิดระบบเครื่องมือทางการแพทย์และยาทั้งหมดไม่ดีกว่ารึไง?

ภารกิจ ภารกิจ ภารกิจงี่เง่าหน่ะสิ!

ไม่พัฒนาแล้วๆ สำหรับพิษกู่ของโหลวเย่วเล่า! งั้นนางจะลองไปสืบหาดู บนเส้นทางนี้ก็ไม่สามารถที่จะหาสมุนไพรใดมาใช้แทนสมุนไพรยาเหล่านั้นได้เลย ถึงยังไงก็ไม่ได้เร่งรีบอยู่แล้ว

ในขณะที่หลานเยาเยาแอบตัดสินใจอะไรอยู่ผู้เดียวนั้น ก็มีเสียงสนทนาดังแว่วมาจากสถานที่ที่ห่างออกไปไม่มากนัก

“ฮูหยิน ข้าน้อยเพิ่งจะมาเป็นพ่อบ้านที่จวนนี้ได้ไม่นาน ยังไม่คุ้นเคยกับลานตรงนี้เลยจริงๆขอรับ! คนเก่าแก่ที่คุ้นเคยกับลานตรงนี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในจวนนี้แล้วขอรับ” พ่อบ้านเดินตามอยู่ข้างหลังของจ้าวซื่อ เดินมุ่งหน้ามาทางนี้

“เรื่องนี้ ข้ารู้อยู่แล้ว ข้าพูดอะไร เจ้าแค่เพียงทำตามที่ข้าต้องการก็พอแล้ว” ดวงตาของจ้าวซื่อแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

“ได้ ได้ ได้ขอรับ ฮูหยินให้ข้าน้อยทำอะไรข้าน้อยก็จะทำเช่นนั้นขอรับ”

เมื่อได้เห็นแววตาที่ไม่เป็นมิตรของฮูหยินที่เพิ่งจะได้เลื่อนขั้นคนใหม่นี้ หน้าผากของพ่อบ้านเหงื่อเล็กผุดขึ้นมา

พวกเขาเดินมาถึงหน้าลานที่โดนเผาทำลาย เมื่อจ้าวซื่อหยุดยืนนิ่งตรงนั้น พ่อบ้านไม่รอช้าที่จะเรียกคนให้มาจัดการทำความสะอาดบริเวณลาน

“ก่อนหน้านี้ให้คนมาทำความสะอาดห้องของคุณหญิงฉูทั้งด้านนอกและด้านในแล้ว หาทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ก็ไม่พบกล่องใบนั้น”

พ่อบ้านไม่อาจรู้ได้ว่าจ้าวซื่อจะหากล่องของคุณหญิงฉูไปทำอะไร ทว่า หลังจากที่จ้าวซื่อกลับมาเป็นนายหญิงที่จวนนี้ ก็ได้ค้นหามาตลอด แสดงว่ากล่องนั่นต้องมีความสำคัญมากแน่ๆ

“ในห้องของนางไม่มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งลานนี้จะไม่มี ในเมื่อทั้งภายในและภายนอกห้องของนางก็ทำความสะอาดจนหมดแล้ว”

งั้นที่สำคัญคือต้องทำความสะอาดและค้นห้องของหลานเยาเยา ถึงแม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหา ก็จะต้องหากล่องใบนั้นให้เจอ” จ้าวซื่อกำมือไวแน่น

นางไม่เชื่อ……

กล่องใบนั้นจะสามารถลอยหายไปได้?

เพื่อให้นางได้นั่งในตำแหน่งที่สูงที่สุด นางจะต้องหากล่องใบนั้นให้พบ หากเป็นเช่นนี้ได้ ลูกสาวของนางหลานจิ่นเอ๋อก็จะได้เลื่อนขั้นตาม

หลานเยาเยาที่นั่งอยู่บนต้นไม้หรี่ตาลงเล็กน้อย ได้เห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง

เหอะ!

จ้าวซื่อจะหากล่องใบหนึ่ง?

และยังเป็นกล่องของท่านแม่ด้วย กล่องใบนั้นมีอะไรกันแน่? ทำไมถึงทำให้จ้าวซื่อต้องรีบร้อนหาเช่นนี้

สักครู่ต่อมา!

ชายรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งมาอยู่หน้าจ้าวซื่ออย่างรวดเร็ว พูดพร้อมความเหนื่อยหอบว่า:

“ฮูหยิน คณะแสดงละครเข้าเมืองมาแล้วขอรับ”

“อืม ส่งคนไปเชิญอ๋องเย่และพระชายาเย่ หลังทานอาหารเย็นเสร็จให้พวกเขามาชมละครด้วยกัน” จ้าวซื่อที่แววตานิ่งเฉย เมื่อได้ยินว่าคณะละครมาถึงแล้ว แววตาก็เริ่มทอประกาย

“ขอรับ!”

ขณะที่ชายรับใช้ผู้นั้นกำลังจากไป จ้าวซื่อก็เรียกเขาอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน ให้จิ่นเอ๋ออาบน้ำแต่งตัวไปเชิญอ๋องเย่กับพระชายาเย่”

“ขอรับ! ฮูหยิน”

ชายรับใช้ผู้นั้นจากไปได้ไม่นาน จ้าวซื่อมองดูร่องรอยที่ยังปรากฏอยู่ชัดเจนของลานที่ถูกเผาทำลายแวบหนึ่ง แววตาแสดงออกถึงความเย้ยหยัน จากนั้นก็จากไป

เมื่อจ้าวซื่อจากไป พ่อบ้านก็มีเรื่องให้จัดการจึงจากไปก่อน พวกข้ารับใช้ที่ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดลานทั้งหลาน จึงเริ่มผ่อนคลายลง

หลายเยาเยาใช้โอกาสที่พวกเขาไม่ทันได้สังเกต ปีนลงมาจากต้นไม้ เมื่อกลับมาถึงลาน เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

จนความมืดยามค่ำคืนเคลื่อนคล้อยมา หลายเยาเยาจึงได้เห็นเงาร่างของเขาอีกครั้ง

เขายืนอยู่หน้าประตูห้อง……

ยืนมองนางอยู่อย่างเงียบๆเช่นนั้น……

แววตาที่อ่อนโยนจนทำให้จิตใจของนางว้าวุ่นนั่น ปรากฏขึ้นอีกครั้งในดวงตาของเขา……

ขณะอยู่ในสายตาเขา หลานเยาเยาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมากะทันหัน จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปจ้องหน้าเขาแวบหนึ่ง

“มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง?”

เพิ่งสังเกตเห็นว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เย่แจ๋หยิ่งมีท่าทีแปลกๆ โดยเฉพาะแววตา

“เหอะ!”

เขาหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็ยื่นลำแขนยาวๆของเขาออกมาทางนาง “มานี่!”

ได้ยินดังนั้น!

หลายเยาเยาก็กอดจานองุ่นในอ้อมแขนไว้แน่นทันที

จะทำอะไร คิดจะแกล้งนางให้ตกใจเพื่อจะแย่งองุ่นไปงั้นหรือ?

เมื่อมองดูสายตาที่จริงจังของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจกอดองุ่นไว้แล้วเดินเข้าไปหา

เมื่อมาถึงตรงหน้าเขา ก็ถามอย่างระมัดระวังว่า : “มีเรื่องอะไร?”

นอกจากเรื่องจะกินของในมือนาง เรื่องที่เหลือก็ตกลงกันง่าย

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

เขาคิดทบทวนมาหลายวันแล้ว คิดว่าเรื่องนี้ควรจะคุยกับนางให้รู้เรื่อง แม้ว่าพูดออกมาแล้วจะทำให้นางโกรธ แต่ก็จำเป็นต้องพูดออกมา

“ท่านพูดมาสิ!” หลานเยาเยามองเขาด้วยความสงสัย ความระมัดระวังที่ปรากฏบนใบหน้ายังคงไม่ผ่อนคลายลง

“ข้าไม่สามารถรักษาสัญญาของพวกเราไว้ได้แล้ว!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป หลานเยาเยาก็ขมวดคิ้ว และยิ่งกอดจานองุ่นในอ้อนแขนแน่นขึ้น

“ท่านมั่นใจ?”

ไม่สามารถรักษาสัญญาได้ งั้นก็หมายความว่าเขาจะไม่ปกป้องนางอีกต่อไป จะไม่รับรองความบริสุทธิ์ของนาง ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจาก 3 ปีแล้วเขาไม่ให้เงินเหรียญจำนวนหนึ่งกับนาง

หากว่าไม่สามารถรักษาสัญญาได้แล้ว เช่นนั้นความเป็นสามีภรรยาในนามของเราก็จบสิ้นเช่นกัน!

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้าอย่างเย็นชา เขายังโกรธนางอยู่ แต่ว่านางไม่ได้

หลานเยาเยานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แววตาดูโศกเศร้าเล็กน้อย หลังจากนั้นนางก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่และพูดว่า : “ข้าหวังว่าจะเป็นการหย่ากันด้วยดี ไม่ใช่การหนังสือหย่า! แต่ว่าเงินค่าไม่รักษาสัญญาท่านก็ยังคงต้องจ่ายให้ข้า”

ในใจรู้สึกหวิวเล็กน้อย!

ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่นแบบแปลกๆ

“อะไร? เจ้าพูดอะไร? “ แววตาของเย่แจ๋หยิ่งแสดงออกมาถึงความสับสนงงงวย

“ท่านเป็นคนพูดเองว่าไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ไม่ได้แปลว่าจะปลดกับข้าหรอกหรือ?” พูดถึงเรื่องนี้ หลานเยาเยาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

ทั้งๆที่รู้สึกว่าต้องไม่เป็นแบบนี้

ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?

“ไม่ใช่ ข้าไม่สามารถรักษาสัญญาได้ เพียงเพราะ……”

“อ๋องเย่ น้องหก การแสดงของคณะละครกำลังจะเริ่มแล้ว ท่านแม่ให้ข้ามาเชิญพวกท่านไป”

เย่แจ๋หยิ่งพูดยังไม่ทันจบ ก็โดนหลานจิ่นเอ๋อพูดขัดจังหวะซะก่อน

หลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งหันไปมองนางพร้อมกัน แววตาของทั้งสองแฝงด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย หลานเยาเยาละสายตาจากหลานจิ่นเอ๋อมามองเย่แจ๋หยิ่ง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ข้าไปก่อนละนะ!”

เดิมทีนางคิดว่า คนอย่างเย่แจ๋หยิ่งจะไม่ใช่คนเช่นนี้ ไม่ใช่คนที่จะผิดสัญญาได้ง่ายๆ นอกซะจากว่าเขาจะพบกับคนที่ทำให้หัวใจของเขาว้าวุ่นได้

คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นหลานจิ่นเอ๋อ……

แม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่นางก็ตัดสินใจเดินออกมาก่อน

นางเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล!

“หลานเยาเยา!”

เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว คิดที่จะตามไป แต่หลานจิ่นเอ๋อก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง “อ๋องเย่ หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน”

“ไม่มีเวลา!” เย่แจ๋หยิ่งพูดปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด

เขาคิดว่าหลานเยาเยาจะต้องเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง……

“เรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนนี้ หม่อมฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้เพคะ”

เย่แจ๋หยิ่งเดินออกมาจนเกือบจะพ้นบริเวณลานได้หยุดฝีเท้าลง…