ตอนที่ 180 ท่านอาจารย์

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 180 – ท่านอาจารย์

 

หน้าประตูมีจออิเล็กทรอนิกส์ สามารถเลือกโหมดอัจฉริยะได้บนนั้น 

หลี่ซูถงกล่าวว่า “หนึ่ง เปลี่ยนไปที่โหมดนอน”

ทันที่ที่พูด ในห้องก็สลัวลง มีเพียงเส้นแสงสีเหลืองมัวไม่กี่เส้นบนพื้นสว่างขึ้นมา เส้นแสงนุ่มนวลเป็นพิเศษ 

หลี่ซูถงกล่าวว่า “หนึ่งเปลี่ยนไปที่โหมดนอน white noise”

ถัดจากนั้น กระจกเต็มผนังทั้งบานถึงกับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ชิ่งเฉินเห็นเม็ดฝนกระทบลงบนกระจก ในห้องก็มีเสียงฝนตกอันแผ่วเบาทว่าชัดเจนดังขึ้น 

ประกอบกับอุณหภูมิอันคงที่ในห้อง ชิ่งเฉินรู้สึกเสมือนว่ากำลังอยู่ในวันที่ฝนตกฤดูใบไม้ร่วง เหมาะแก่การซุกตัวนอนใต้ผ้าห่มบางเบาพอดี   

“เปลี่ยนเป็นโหมด white noise อื่น” หลี่ซูถงกล่าว 

หน้าต่างเต็มผนังไม่ได้โปร่งใสอีกแล้ว แต่กลับเหมือนจะเป็นหน้าจอฮอโลแกรมขนาดยักษ์ ฉากก็เปลี่ยนจากวันฝนตกเป็นเตาผิง 

ฟืนกำลังลุกไหม้ในเตาผิงย้อนยุค ในห้องส่งเสียงฟืนปะทุเบา ๆ   

หลี่ซูถงยิ้มแล้วมองไปทางชิ่งเฉิน “ตระกูลชิ่งใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อเซลล์ประสาทยกระดับเวลาตื่นของมนุษย์ แต่น่าขันที่คนในยุคนี้กลับยิ่งต้องการการนอนหลับ ความต้องการนอนกลายเป็นความฟุ่มเฟือยของคนมากมาย”

“ท่านอาจารย์ พวกนี้ไม่ถูกเลยปะครับ?” ชิ่งเฉินถาม “ตอนที่มา ผมเห็นอาคารของเขตที่ 6 ค่อนข้างเก่าหมดเลย สุขอนามัยแวดล้อมก็ไม่ได้ดีนัก การตกแต่งในห้องนี้มันไม่เข้ากับสิ่งปลูกสร้างภายนอกอยู่บ้างนะครับ”

“อืม” หลี่ซูถงพยักหน้า “ถึงจะอยากซื้อบ้านให้เธอ แต่ปัญหาคือไม่สามารถซื้อให้เธอจนดึงดูดความสนใจเกินไป ตำแหน่งเขตที่ 6 นี่กำลังพอดี ทั้งไม่อยู่ในสามเขตล่าง แล้วก็สามารถเข้าสามเขตบนได้ทุกเมื่อ พูดไปแล้วก็น่าอายมาก บ้านหลังแรกที่อาจารย์ให้เธอถึงกับธรรมดาปานนี้ ดังนั้นฉันให้หลี่ตงเจ๋อหาคนมาตกแต่ง ให้ที่นี่ดูไม่เก่าโทรมขนาดนั้น”

ชิ่งเฉินเงียบงันไป   

พ่อแม่ของโลกภายนอกเพิ่งจะขายบ้านของเขา ผลคือท่านอาจารย์ของโลกภายในก็ให้เขามาหนึ่งหลัง 

“ท่านอาจารย์” ชิ่งเฉินถาม “ทำไมจู่ ๆ อยากจะซื้อบ้านให้ผมล่ะครับ?”

“โอ๊ย เธอถามเรื่องนี้เหรอ” หลี่ซูถงคิดแล้วตอบว่า “อันที่จริงชมรมเหิงก็ควบคุมนักท่องเวลาไว้กลุ่มหนึ่ง ถึงจะยังไม่ได้คิดว่าจะเอาพวกเขาไปใช้ประโยชน์อะไรดี แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาก่อการร้ายไปทั่ว ฉันให้หลี่ตงเจ๋อช่วยฉันถามนักท่องเวลาพวกนั้นมา อยากดูว่าถ้าเป็นที่โลกภายนอก ตอนที่ลูกบรรลุนิติภาวะพ่อแม่ควรจะทำอะไรบ้าง มีนักท่องเวลา 89 คนบอกว่า พ่อแม่ควรจะเตรียมบ้านให้ลูกหนึ่งหลัง อย่างนี้จึงจะสามารถหาภรรยาได้…… คนหนุ่มของโลกภายในส่วนใหญ่เช่าบ้าน ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมพวกเธอต้องมีบ้านถึงจะสามารถหาภรรยา แต่เตรียมให้เธอไว้ก็ไม่ผิดไปได้หรอก”

ชิ่งเฉินมองชายกลางคนตรงหน้าอึ้ง ๆ   

เดิมเขานึกว่าท่านอาจารย์แอบพาตนเองกลับเมืองหมายเลข 18 เพราะต้องการจะทำเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเพียงอยากพาตนเองมาเยี่ยมชมบ้านที่ซื้อใหม่   

บุคคลอย่างหลี่ซูถงไม่ควรจะแค่ขยับมือขยับเท้าก็ทำเรื่องที่พลิกภูเขาผลาญทะเลหรือ 

ทำไมถึงสามารถเสียเวลาเพราะเรื่องเล็กน้อยในครอบครัวประเภทนี้ล่ะ 

ชิ่งเฉินย้อนคิดถึงคำพูดที่ท่านอาจารย์คนนี้เคยพูดกับเขาข้างกองไฟในคืนวันนั้นที่ยังไม่ได้เข้าไปในสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 “สิ่งที่คนอื่นมี นักเรียนฉันก็จะต้องมี” 

หลังจากอีกฝ่ายรู้ว่าตนเองกับบิดาแตกหักกันแล้วก็ตั้งตนขึ้นมารับหน้าที่ของบิดา

แต่คนอื่นควบคุมนักท่องเวลาจะปฏิบัติการแผนกวาดล้าง ท่านอาจารย์ท่านนี้ของตนเองหลังควบคุมนักท่องเวลาถึงกับถามคำถามที่ไม่มีคุณประโยชน์เช่นนี้ 

เกรงว่านักท่องเวลาพวกนั้นคงจะรู้สึกตกใจกันหมดสินะ 

ชิ่งเฉินมองหลี่ซูถง อีกฝ่ายราวกับจะยังรู้สึกผิดอยู่บ้างเพราะว่าบ้านที่ให้เขาไม่ดีพอ 

หลี่ซูถงกล่าวว่า “บ้านนี้เธออยู่ไปก่อน เธอจะต้องเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นเวลานานมากในอนาคต ดังนั้นที่นี่ค่อนข้างเหมาะสม แต่ฉันยังเตรียมเซฟเฮ้าส์หลังหนึ่งให้เธอที่เขตที่ 1 อาคารชิงหยางห้องเลขที่ 2013 ถ้าหากพบกับอันตรายเธอสามารถไปหลบภัยที่นั้น พาสเวิร์ดห้องคือ 010101 เลขผู้ต้องขังของเธอ……”

พูดจบ หลี่ซูถงวางไอดีการ์ดอีกใบไว้บนโต๊ะ “ไอดีการ์ดตัวตนใหม่ของเธอ ของนี่อย่าเพิ่งพกติดตัว วางไว้ในบ้านนี้ บ้านสองหลังล้วนอยู่ภายใต้ชื่อไอดีการ์ดใบนี้”

“ขอบคุณครับท่านอาจารย์” ชิ่งเฉินแสบจมูกขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี 

หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “เอาล่ะ จวนจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าเสแสร้ง”

“อืม ไม่เสแสร้ง”

……

……

ศิษย์อาจารย์สองคนนั่งข้างหน้าต่างเต็มผนัง หลี่ซูถงหยิบเบียร์หนึ่งขวดออกมาจากตู้เย็นมองไปนอกหน้าต่าง 

ชิ่งเฉินชี้ไปที่อาคารสีแดงหลังหนึ่งถามว่า “ท่านอาจารย์ครับ บนตึกนั่นมีเครื่องหมายกากบาทสีแดง เป็นโรงพยาบาลเหรอครับ? ทำไมตึกโรงพยาบาลสูงใหญ่ขนาดนี้”

“ที่นั่นไม่ใช่โรงพยาบาล” หลี่ซูถงส่ายหน้า “เป็นศูนย์ให้กำเนิด”

“ศูนย์ให้กำเนิด?” ชิ่งเฉินรู้สึกพิกล “เป็นโรงพยาบาลแม่และเด็กที่เชี่ยวชาญด้านการคลอดบุตรเหรอครับ?”

หลี่ซูถงกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ที่นั่นเป็นสถานที่จัดเตรียมมดลูกเทียมให้สตรี สองสามีภรรยาสามารถสกัดไข่และอสุจิมาผสมเทียมที่นั่น จากนั้นศูนย์ให้กำเนิดจะเลือกอันที่สุขภาพดีที่สุดจากตัวอ่อนสิบกว่าอันใส่ไว้ในมดลูกเทียมไบโอนิก อย่างนี้ ผู้หญิงก็สามารถหลีกเลี่ยงความทรมานของการอุ้มท้องสิบเดือนไปได้”

ชิ่งเฉินตกตะลึง “มีเทคโนโลยีอย่างนี้แล้วเหรอครับ? งั้นผู้หญิงไม่ใช่ว่าไม่ต้องทนทุกข์แล้วเหรอครับ”

“อืม” หลี่ซูถงพยักหน้า “ทารกอยู่ในครรภ์เทียมสิบเดือนก็สามารถถือกำเนิด แต่เกรงว่าเธอจะคิดไม่ถึงว่า นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่มการเงินเพื่อมุ่งหมายให้ผู้หญิงสามารถมีกำลังแรงงานและเวลาทำงานที่เทียบเท่ากับผู้ชาย”

หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “เทคโนโลยีนี้มีมาเป็นร้อยปีแล้ว เริ่มแรกเพื่อนร่วมชาติหญิงตื่นเต้นยินดี แต่สิบกว่าปีให้หลัง วุฒิสภาสหพันธรัฐภายใต้การควบคุมของตระกูลเฉินก็ผ่านกฎหมาย ‘ปรับระยะเวลาลาคลอด’ ตั้งแต่นั้นวันลาคลอดของผู้หญิงมีเพียง 7 วัน อีกทั้งหลังจากนั้นครอบครัวทั้งหมดล้วนจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายใหม่ นี่เป็นทางเลือกอย่างหนึ่ง คุณต้องลาออกเลี้ยงดูทายาทด้วยตัวเอง หรือไม่ก็จ่ายเงินใช้มดลูกเทียม”

ชิ่งเฉินนิ่งงั้น เทคโนโลยีนี้สำหรับคนมีเงินย่อมเป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนยากจนแล้ว ไม่เพียงไม่มีวันลาคลอด ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายราคาแพงเพิ่มขึ้นมา

สำหรับนักท่องเวลาของโลกภายนอกอย่างเขา นี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว   

“จริงสิครับท่านอาจารย์” ชิ่งเฉินถาม “ก่อนหน้านี้ทำไมคุณไม่บอกผมว่าหลังจากเต็มเติมเงื่อนไขรองรับหุ่นเชิดแล้ว ฆ่าคนอีกจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ?”

หลี่ซูถงยกแขนของชิ่งเฉินขึ้นมา ใช้แสงไฟมองไปที่ข้อมือของนักเรียน “ครั้งนี้ฆ่าไป 13 คนที่โลกภายนอก แต่ไม่ได้สังเวยร่างกายของพวกเขา? หลังจากเติมเต็มเงื่อนไขรองรับขั้นแรก ขอเพียงสังหารศัตรูกับมือตัวเอง รูปแบบขั้นที่สองของหุ่นเชิดจะปลดล็อคหนึ่งเซนติเมตร ถ้าสังเวยศพของศัตรูจะปลดล็อค 10 เซนติเมตร”

ชิ่งเฉินพยักหน้า “ดูท่าท่านอาจารย์รู้แต่แรก แต่จงใจไม่บอกผม”

“เจ้านายคนก่อน ๆ ของวัตถุต้องห้าม ACE-019 หุ่นเชิด ท้ายที่สุดล้วนไม่ได้จบลงด้วยดี ไม่บ้าคลั่งก็เสียสติ” หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉิน “ดังนั้นตอนที่พวกตาแก่ให้สิ่งนี้กับเธอ ฉันยังเกิดโมโหขึ้นมานิดหน่อย แต่ภายหลังฉันก็คิดดูแล้ว ถ้าเผื่อจิตใจของเธอไม่ได้รับผลกระทบจากมันล่ะ ฉันในฐานะครูควรจะเชื่อใจเธอถึงจะถูก”

“ขีดจำกัดของจำนวนคนที่หุ่นเชิดควบคุมได้คือเท่าไหร่ครับ?” ชิ่งเฉินถาม         

“ไม่มีคนรู้ขีดจำกัดของมัน” หลี่ซูถงตอบ 

ชิ่งเฉินตะลึง ที่แท้หุ่นเชิดนี่สามารถควบคุมคนได้มากมายจริง ๆ “แต่ว่าท่านอาจารย์ครับ ผมอยากรู้เรื่องหนึ่งมาตลอดเลย ถึงแม้ว่าการล่อลวงประเภทนี้จะสามารถทำให้คนเกิดความปรารถนาจะปลดล็อคไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับจะทำให้คนบ้าคลั่งไปปะครับ”

“ตอนที่เธอใช้มัน หรือว่าไม่ได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่ถูกควบคุมเหรอ?” หลี่ซูถงถาม “โดยเฉพาะความบ้าคลั่ง, หวาดกลัว, สำนึกเสียใจ, ขี้ขลาดของอีกฝ่ายตอนที่ถูกควบคุม อารมณ์ที่รุนแรงที่สุดมืดมนที่สุดบนโลกมนุษย์ประเภทนั้นจะกัดกร่อนจิตวิญญาณของคน”

“ไม่ได้รับรู้นะครับ” ชิ่งเฉินประหลาดใจ 

หลี่ซูถงก็ประหลาดใจ “ทำไมไม่มีล่ะ?”

“ท่านอาจารย์ ไม่มีจริง ๆ ครับ” ชิ่งเฉินตอบอย่างจริงจัง 

หลี่ซูถงสำรวจมองนักเรียนของตัวเองอย่างแปลก ๆ เขารู้สึกเสมอว่าบนตัวของอีกฝ่ายมีส่วนที่พิลึกพิลั่นมากเกินไป 

อันดับแรกคือหลุดพ้นจากฝันร้ายของหลินเสี่ยวเสี้ยวด้วยร่างกายของปุถุชน 

แล้วก่อนที่จะเปิดยีนล็อคก็ปรากฏสัญญาณของการเลื่อนระดับ 

ทันทีหลังจากเปิดยีนล็อค แรงก์เริ่มต้นก็สูงกว่าอัศวินทั้งหมดในอดีต 

ส่วนที่พิลึกสุดท้ายคือตอนนี้ คำบรรยายที่เกี่ยวกับหุ่นเชิดเป็นประสบการณ์ของอัศวินรุ่นก่อนคนหนึ่งหลังจากรองรับและใช้งานด้วยตัวเอง 

รุ่นก่อนคนนั้นเพียงใช้หนึ่งครั้งก็เก็บวัตถุต้องห้ามไว้ที่สถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 ไม่อยากให้มันได้เห็นแสงตะวันอีก 

ทว่าตอนนี้ หุ่นเชิดในมือชิ่งเฉินกลายเป็นหุ่นเชิดอย่างแท้จริง ไม่มีอารมณ์ ไม่มีการตอบสนอง 

ชิ่งเฉินถามว่า “หุ่นเชิดไม่ได้เป็นหุ่นเชิดเหรอครับ หุ่นเชิดทำไมถึงมีอารมณ์แปรปรวนล่ะครับ ท่านอาจารย์พลาดไปรึเปล่าเนี่ยครับ?”

หลี่ซูถงเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ว่า “เธออย่าเพิ่งใช้น้ำเสียงประเภทนี้พูดกับฉันนะ ให้ฉันคิดดูหน่อย……”

เขารู้ว่าตอนที่ยักษ์ติงตงเดินออกจากชั้นใน อันที่จริงในมือทั้งคู่ล้วนมีวัตถุต้องห้าม พวกตาแก่ให้เขามาดูชิ่งเฉิน ให้ติงตงเลือกเองว่าจะให้วัตถุต้องห้ามชิ้นไหนกับชิ่งเฉิน 

ผลคือ ติงตงเลือกให้หุ่นเชิดในมือขวา   

เวลานั้นหลี่ซูถงยังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ทำไมให้หุ่นเชิดล่ะ?

ตอนนี้คิดดูแล้ว ติงตงน่าจะใช้ลูกตาซ้อนสัมผัสได้ว่าถึงชิ่งเฉินจะใช้หุ่นเชิดก็จะไม่เป็นไร   

แต่สิ่งที่หลี่ซูถงคิดในขณะนี้คือ ถ้าให้วัตถุต้องห้ามสองชิ้นกับชิ่งเฉินไปด้วยกันเลยจะดีมาก……

เป็นความขี้เหนียวของพวกตาแก่! 

สำหรับผู้สืบทอดที่มีพรสวรรค์ประเภทนี้ควรจะให้มาก ๆ หน่อยสิ! 

“วัตถุต้องห้ามจะปลดล็อคขั้นที่สองได้ทั้งหมดเลยไหมครับ?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้         

“ไม่ใช่จะได้ทุกชิ้น” หลี่ซูถงส่ายหน้า “ฉันคิดมาเสมอว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่กำหนดจากแรงก์ของผู้เหนือมนุษย์ตอนมีชีวิต ผู้เหนือมนุษย์แรงก์ B ขึ้นไปจึงสามารถสกัดวัตถุต้องห้ามออกมา วัตถุต้องห้ามแรงก์ A มีสถานะปลดล็อคขั้นที่สอง แรงก์ S อาจจะมีขั้นที่สาม”

วัตถุต้องห้ามกับผู้เหนือมนุษย์ไม่เหมือนกัน มีเพียงสามแรงก์

ชิ่งเฉินอยากรู้ “ท่านอาจารย์เคยเห็นวัตถุต้องห้ามแรงก์ S ไหมครับ?”

“บางทีเร็ว ๆ นี้จะได้เห็นแล้ว” หลี่ซูถงกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

ชิ่งเฉินมองท่านอาจารย์ท่านนี้ เขาตระหนักว่าในมืออีกฝ่ายไม่แน่ว่าจะมีวัตถุต้องห้ามแรงก์ S แล้ว! 

“เดี๋ยวนะ” ชิ่งเฉินจู่ ๆ ถามว่า “ท่านอาจารย์ ผมคิดถึงเรื่องที่สำคัญมาก ๆๆ อย่างหนึ่งได้ หลังจากเลื่อนขึ้นเป็นอัศวินแล้วยังสามารถมีลูกได้ไหมครับ?”

“แน่นอนว่าได้!” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างเหนือคาด “……แต่ด้วยนิสัยของเธอต้องจะต้องพิจารณาเรื่องประเภทนี้ด้วยเหรอ?”

“ท่านอาจารย์อย่าโจมตีส่วนตัวสิครับ” ชิ่งเฉินเลิกคิ้ว “ผมได้ยินว่าคนที่เคยฉีดยาแปลงพันธุกรรมจะเป็นหมัน อัศวินกับพวกเขามีอะไรไม่เหมือนกันเหรอครับ ทำไมอัศวินหลังเปลี่ยนยีนแล้วไม่เกิดปัญหา?”

“มันคนละเส้นทางโดยสิ้นเชิงเลยนะ” หลี่ซูถงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เส้นทางเลื่อนระดับของอัศวินอยู่บนพื้นฐานของมนุษย์ ทำให้ยีนของตนเองสมบูรณ์แบบมากขึ้น เข้าใกล้ความเป็นเทพเจ้า “

“งั้นยาแปลงพันธุกรรมล่ะครับ?” ชิ่งเฉินถาม

“ยาแปลงพันธุกรรมเป็นยีนที่ไม่ใช่มนุษย์ที่ห้องวิจัยของกลุ่มการเงินพวกนั้นสกัดมาจากไหนไม่รู้ แล้วติดลงบนตัวมนุษย์” หลี่ซูถงกล่าว “ในแง่หนึ่งเธอจะเรียกว่าพวกเขาเป็นคนครึ่งสัตว์ก็ไม่ผิด คนกับคนครึ่งสัตว์ย่อมมีทายาทกันไม่ได้”

ชิ่งเฉินจู่ ๆ รู้สึกว่า สถานะของนักรบพันธุกรรมพวกนั้นในปากของท่านอาจารย์ตกต่ำลงไปมากโข…..

หลี่ซูถงอธิบายว่า “ผู้เหนือมนุษย์ดูแคลนนักรบพันธุกรรมมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพลังการต่อสู้ของพวกเขาอาจจะยังไม่สู้นักรบพันธุกรรม แต่นี่เป็นลำดับชั้นของการดูถูกชนิดหนึ่ง*”

“งั้นทำไมยาแปลงพันธุกรรมบางตัวของกลุ่มตุลาการต้องห้ามไม่มีผลกระทบล่ะครับ?” ชิ่งเฉินสงสัย         

“สิ่งที่เธอรู้มีไม่น้อยเลยนะ ดูท่ามีการสนทนากับพวกนักท่องเวลาไม่น้อยเลย” หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่ง “กลุ่มตุลาการต้องห้ามพิเศษก็เพราะว่ายีนที่พวกเขาสกัดเป็นสิ่งที่สกัดมาจากร่างเทพเจ้า”

ประโยคนี้ทำให้ชิ่งเฉินตกตะลึง “โลกนี้มีเทพเจ้าจริง ๆ เหรอครับ? แล้วเทพเจ้าไหงตกลงให้พวกเขาเก็บตัวอย่างพันธุกรรมล่ะ?”

“อาจเป็นเพราะพวกเขากับเทพเจ้ามีความสัมพันธ์กันค่อนข้างดีล่ะมั้ง” หลี่ซูถงถอนหายใจ “รายละเอียดที่แน่ชัดฉันก็ไม่ค่อยจะรู้ กลุ่มตุลาการต้องห้ามเร้นลับมากมาโดยตลอด ข้อมูลที่บันทึกถึงพวกเขามีน้อยมาก”

“จริงสิครับท่านอาจารย์ ผมมีข้อสงสัยอย่างหนึ่ง” ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถง “อัศวินมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นผู้อเวคหรือไม่อะครับ?”

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน” หลี่ซูถงกล่าว ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นผู้อเวค”

“ทำไมครับ?”

“เพราะว่าผู้อเวคจะปลอดปล่อยศักยภาพของตนเองออกมาผ่านสภาวะอารมณ์ในสภาพแวดล้อมที่บีบคั้นถึงขีดสุด ส่วนการฝึกตนเดิมก็คือการใช้วิชาที่สืบทอดมาปลดปล่อยศักยภาพของคนคนหนึ่งออกมา” หลี่ซูถงอธิบาย “ในเมื่อศักยภาพปลดปล่อยออกมาแล้ว ก็ย่อมจะไม่อเวคอีก”

“งั้นผมยังมีคำถามข้อหนึ่ง” ชิ่งเฉินคำนวณ “อัศวินปกติ ครั้งที่หนึ่งเลื่อนขึ้นสอดคล้องกับแรงก์ F ครั้งที่เจ็ดสอดคล้องกับแรงก์ S งั้นผมเริ่มมาก็แรงก์ E ครั้งที่เจ็ดไม่ใช่ว่าจะเหนือล้ำแรงก์ S ไปแล้วเหรอครับ?”

“ไม่” หลี่ซูถงส่ายหน้า “แรงก์ B เลื่อนขึ้นแรงก์ A เป็นเส้นแบ่งหนึ่ง แรงก์ A เลื่อนขึ้นแรงก์ S เป็นอีกเส้นแบ่งหนึ่ง เธอเห็นว่าเป็นแค่ความแตกต่างของตัวอักษร แต่สำหรับตัวผู้ฝึกตนแล้วกลับเป็นหนทางสู่สวรรค์ ความหมายก็พิเศษไม่ธรรมดา เหนือล้ำแรงก์ S ก็คือเทพเจ้าที่แท้จริงแล้ว อาจจะสามารถพลิกแม่น้ำมหาสมุทรได้ด้วยความคิดวูบเดียว บางทีหลังจากที่เธอประสบกับด่านเป็นตายทั้งแปดสมบูรณ์แล้วจะมีความหวังในการก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นได้ แต่ก่อนหน้านั้นมีความหวังไม่มาก อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ แต่จะไม่มีความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ”

พูดถึงตรงนี้ หลี่ซูถงจู่ ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา         

ดูตามทฤษฎีนี้ ชิ่งเฉินสำเร็จด่านเป็นตายหกด่านก็สามารถไปถึงแรงก์ S แล้ว งั้นตอนที่สำเร็จเจ็ดด่านจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรกันล่ะ? 

ในองค์กรอัศวินก็ไม่มีคนที่เคยประสบกับเรื่องประเภทนี้ด้วยสิ! 

แต่นี่หมายความใช่หรือไม่ว่า ถึงชิ่งเฉินจะเดินไปบนเส้นทางของอัศวิน อันที่จริงแล้วศักยภาพก็ไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์มาโดยตลอด? 

………………………

*ลำดับชั้นของการดูถูก (鄙视链 chain of contempt) แปลว่ากลุ่มคนที่ดูถูกกันเป็นทอด ๆ ค่ะ ตัวอย่างที่เขายกมาคือชมรมกีฬาของนักเรียนจีน ชมรมขี่ม้าดูถูกชมรมกอล์ฟ กอล์ฟดูถูกฮอกกี้น้ำแข็ง ฮอกกี้ดูถูกฟันดาบ ต่อด้วยเบสบอล สเกต เทนนิส ฟุตบอล เทควันโด แบด ปิงปอง ว่ายน้ำ วิ่ง เป็นทอด ๆ ถ้าเป็นเมืองไทยน่าจะเป็นระดับชื่อของโรงเรียน มหาวิทยาลัยมั้งค่ะ เรื่องชมรมไทยเราน่าจะไม่คิดมาก

ตอนที่ 181 – ปัญญาประดิษฐ์ หนึ่ง