สามีข้า… คือพรานป่า
ตอนที่ 171 พ่อค้า
แม้แต่ปรมาจารย์อย่างหยุนเคอยังไม่รู้สึกถึงมันก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้ยินหยุนเถียนเถียนจึงเปลี่ยนใจที่จะสืบสาวเรื่องนี้ต่อไป
แต่ชาวบ้านทั้งหมดกําลังพูดถึงเรื่องนี้ ผู้ใหญ่บ้านได้ส่งคนไปตรวจสอบโดยการได้สืบสวนทุกบ้านไปที่ละหลัง
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังให้ความสนใจคนขายเนื้อในหมู่บ้านด้วยและสอบถามอย่างระมัดระวังเพื่อดูว่าเมื่อวานตอนบ่ายมีใครมา
ซอเนอบาง
หากไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นคนจากครอบครัวใด พรุ่งนี้คงต้องเข้าไปสอบถามร้านขายยาในเมือง
ในตอนนี้ ฉ่เกินฮูหยินก็เข้ามาถึงในเมืองพร้อมกับของที่นางขโมยมา
เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ในลานเล็ก ๆ สุดท้ายก็พบว่าเป็นเถ้าแก่จาง
เมื่อเถ้าแก่จางเห็นผู้มาเยือนก็ยิ้มหน้าบาน สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าเงินก็คือการแสดงความสามารถต่อหน้าผู้เป็นนาย ดังนั้นสูตรสําหรับทําเนื้อตากแห้งนี้จึงมีความสําคัญอย่างยิ่ง
“เป็นอย่างไรบ้าง? ได้อะไรมาหรือไม่?”
เฉินฉ่เกินไม่กล้าก้าวเท้าไปข้างหน้า ภรรยาของเขาได้แต่มองดูสามีที่ยืนหมดอาลัยตายอยาก ในที่สุดนางจึงเดินเข้าไปและวางตะกร้าไว้บนโต๊ะ
“หญิงผู้นั้นไม่ได้จดบันทึกสูตรไว้ พวกข้าจึงไม่สามารถเอามันมาได้แต่ข้าขโมยวัตถุดิบทั้งหมดจากในโรงงานมาให้ คิดว่าเถ้าแก่จางน่าจะพอใจ”
เถ้าแก่จางย่อมพึงพอใจ เป็นธรรมดาที่คนในชนบทไม่รู้หนังสือจึงไม่มีใครเขียนสูตรออกมา จากนั้นเขาก็ก้าวไปเปิดผ้าที่คลุมตะ กร้าออก
ของทุกชิ้นใต้ผ้าขี้ริ้วหาซื้อได้ตามร้านขายยา มีเนื้อตากแห้งชิ้นหนึ่งอยู่ข้าง ๆ
“ได้เครื่องปรุงมาแล้วแต่ว่าทําอย่างไรล่ะ เจ้าเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้หรือไม่? ที่ตรงนี้เป็นส่วนตัวมาก เหตุใดพวกเจ้าไม่อยู่ที่นี่เพื่อทําเนื้อตากแห้งจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”
“ไม่ต้องกังวล หากไม่มีปัญหาอะไรและพวกเจ้าทําได้จริง ก็สามารถกลับไปพร้อมเงินอีกหนึ่งร้อยตําลึงได้”
ฉ่เกินฮูหยินไม่ค่อยพอใจนัก จากที่ตกลงไว้เมื่อเขาได้ของเหล่านี้เถ้าแก่จางควรจ่ายเงินให้และปล่อยนางไป
“เถ้าแก่ หากพวกข้าหายไปสองสามวันแล้วไม่มีใครดูแลลูกสาวมันจะเป็นที่น่าสงสัยของคนในหมู่บ้าน เช่นนี้จะดีหรือ?”
เถ้าแก่จางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าพวกเขาจะสงสัยหรือไม่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานย่อมทําอะไรเจ้าไม่ได้ จริงหรือไม่? หาก เจ้ารอบคอบพอผู้คนจะไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ มาชี้ตัวเจ้า อี กอย่างลูกสาวเจ้าก็โตถึงเพียงนั้นอยู่คนเดียวสักสองวันไม่ได้ เชียวหรือ?”
“หากรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ก็รีบจัดการเรื่องนี้ให้ไว ข้ายังคงยืนยันคําเดิมว่าเจ้าต้องทําเนื้อตากแห้งให้ได้ ข้าถึงจะปล่อยพวกเจ้าพร้อมกับให้เงินไป”
เพื่อผลประโยชน์และเงินที่ล่อตาล่อใจฉ่เกินฮูหยินจึงต้องกัดฟัน ทน
“มาเถอะข้าเตรียมครัวไว้ให้พวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว”
ฉ่เกินฮูหยินเข้าไปและถือของไว้ในมือ ทําตามขั้นตอนที่แอบดูจากประตูเมื่อคราวก่อน นางเอาเนื้อออกมาแล้วพอกด้วยเกลือในป ริมาณที่เหมาะสมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเครื่องปรุงรสเหล่านี้อย่างไร
เมื่อมองดูเนื้อตากแห้งรมควันที่ห้อยอยู่ข้างหลัง ฉ่เกินฮูหยินจึงตัดสินใจหมักเครื่องเทศทั้งหมดพร้อมกับเกลือลงบนเนื้อ
แต่ก็รู้ด้วยว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเนื้อจะมีรสเค็ม
ในคืนนั้นทั้งคู่ถูกจัดให้อยู่ในห้องพัก พร้อมทั้งตระเตรียมอาหารเย็นให้เรียบร้อย เมื่อเทียบกับชาหยาบ ๆ และอาหารที่บ้านนับว่าเถ้าแก่จางต้อนรับพวกเขาอย่างเกรงใจ
วันรุ่งขึ้นเนื้อหมักเสร็จแล้ว ฉ่เกินฮูหยินกลับมองดูมันอย่างกังวลใจเนื้อหมักในโรงงานไม่ใช่สีแบบนี้ แต่นางไม่กล้าพูดออกมาทําได้เพียงแขวนเนื้อไว้บนหิ้งด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและจุดไฟ
เถ้าแก่จางตื่นตกใจ จึงรีบเข้าไปในครัวเพื่อเตือนคนทั้งคู่ก่อนจะออกไป
พวกเขาต่างยุ่งอยู่ในครัวมาทั้งวัน และในคืนนั้นเนื้อตากแห้งก็เปลี่ยนเป็นสีที่เหมาะสมอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าจะไม่มีกลิ่นเหมือนเนื้อในโรงงานแต่ก็ได้ต้นแบบมาแล้ว
เถ้าแก่จางมีความสุขมากเมื่อเห็นสิ่งนี้
แต่สําหรับเฉินฉ่เกินและภรรยาจะได้รับเงินจากเถ้าแก่จางจอมเจ้าเล่ห์ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?
แม้ว่าเถ้าแก่จางจะมีความสุขในใจแต่ก็ไม่แสดงสีหน้าออกมา
ทั้งเฉินฉ่เกินและภรรยาต่างเป็นชาวบ้านจากชนบทที่ไม่เคยเจอโลกกว้างมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าของเถ้าแก่จางพวกเขาก็รู้สึกหวั่นใจ
“สูตรนี้ถูกต้องหรือไม่? เนื้อหมักที่เจ้าทําแย่กว่าของคนอื่นมากแน่นอนว่าเจ้าต้องทําบางขั้นตอนผิดพลาดไป”
ฉ่เกินฮูหยินไม่พอใจ นางถูกรมด้วยควันไฟและทํางานอย่างหนักมาตลอดสองวันแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะทําไม่สําเร็จ
“อาจเป็นเพราะเวลาหมักไม่เพียงพอ เราสองคนต้องรีบกลับไปจึงไม่มีเวลาอยู่รอแต่สูตรทั้งหมดอยู่ที่นี่จริง ๆ พวกเราขโมยของเหล่านี้มาโดยเสี่ยงที่จะถูกชาวบ้านขับไล่ ท่านไม่สามารถปฏิเสธผลงานของพวกข้าด้วยคําพูดแค่นี้ได้”
เถ้าแก่จางครุ่นคิดก่อนจะยิ้มเยาะ “เห็นได้ชัดว่าของพวกนี้ไม่เพียงพอสําหรับเงินสองร้อยตําลึง เอาเป็นว่าสัญญากู้ยืมเงินนี้ข้าจะคืนให้พวกเจ้าส่วนอีกหนึ่งร้อยตําลึงก็รอตอนที่พวกเจ้ารู้ขั้นตอนหมดค่อยกลับมาทวงข้าอีกครั้ง”
ฉ่เกินฮูหยินนั้นชินกับการอยู่เหนือผู้อื่นมาโดยตลอด เคยต้องทุกข์ทนกับความพ่ายแพ้ถึงเพียงนี้เสียเมื่อไหร่
นางทุบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า “เมื่อเจ้าทํากิจการใด ๆ ความน่าเชื่อถือนับเป็นสิ่งสําคัญ! ตอนแรกเจ้าตกลงกับข้าไว้ว่าอย่างไร ตอนนี้กลับไม่ทําตาม เถ้าแก่จาง เจ้าหลอกลวงข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าไปแจ้งทางการหรือ?”
เถ้าแก่จางหัวเราะ “แจ้งความ! เอาเลยสิ ข้อตกลงนี้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเจ้าสองคนขโมยของก็อีกเรื่องหนึ่ง ข้าตกลงค่าจ้างไว้สองร้อยตําลึงแลกกับสูตรทําเนื้อตากแห้ง แต่ตอนนี้เนื้อตากแห้งที่เจ้าทําขึ้นมานั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี ขายังคงให้เงินหนึ่งร้อยตํา ถึงถือเป็นความเมตตาอย่างมากแล้ว!”
เถ้าแก่จางไม่อยากพัวพันกับคนทั้งคู่อีก เขาเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนและหันหลังจากไป คนรับใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังจับพวกเขาโยนออกไปนอกประตูจากนั้นก็ลงกลอนทันที
เฉินฉ่เกินและภรรยาที่ถูกจับโยนออกมาข้างนอก ไม่สามารถลุกขึ้นได้อยู่ครึ่งค่อนวัน
ถึงแม้จะกลับไปที่หมู่บ้านเทพธิดา แล้วจะทําอย่างไรต่อไป? แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่กล้าแจ้งทางการเพราะพวกเขาเองก็ขโมยของ
ส่วนเถ้าแก่จางนั้นทั้งร่ํารวยและมีอํานาจ ความแข็งแกร่งของรู่เกินฮูหยินใช้ได้แค่ในหมู่บ้านเท่านั้นข้างนอกนี้นับเป็นอะไรได้พวกเขาได้แต่กลับไปที่หมู่บ้านด้วยความอับอาย