บทที่ 58 ตัวตนที่แท้จริงของจวินหยวน

บัลลังก์ชายาหมอเทวดา

เย่เจียหรงกลับมาถึงลานบ้านด้วยสีหน้าท่าทางที่มึนๆ งงๆ ในหัวเต็มไปด้วยเงาด้านหลังของจวินหยวนทั้งนั้น

“ท่านพี่!ข้าถูกเย่จายซิงตบตี!”

ทันใดนั้น เย่เจียหยูน้องของนางที่รออยู่ที่นี่นานแล้วก็จับใบหน้าที่บวมแดงวิ่งเข้ามาฟ้อง

นางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า

“เหตุใดเจ้าจึงถูกทำร้ายในสภาพนี้ได้? คนไร้ความสามารถเช่นนั้นยังตบตีเจ้าได้ เจ้าไปทำอะไรอยู่กัน?”

“ข้าเพียงแค่เผลอไปชั่วครู่ถึงทำให้นางมีจังหวะลงมือได้ อีกทั้งอ๋องเซ่อเจิ้งก็อยู่ด้านข้างด้วยตอนนั้น โอกาสที่จะเอาคืนก็ไม่มีเลย มันน่าโมโหเสียจริงเชียว!”

เย่เจียหยูอารมณ์โกรธยังพลุ่งพล่านอยู่

หากโดนคนที่มีผลการฝึกตนสูงกว่านางตบตี นางก็คงไม่โกรธมากถึงเพียงนี้ แต่ผู้ที่ตบนางกลับเป็นเย่จายซิงที่ไร้ความสามารถ มันจะจะทำให้คนอื่นมองว่าแม้แต่นางยังเทียบคนไร้ความสามารถไม่ได้เลย

เย่เจียหยูเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างใส่สีตีไข่ให้ฟังหนึ่งรอบ

“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะดีกับนางถึงเพียงนี้?”

ได้ยินถึงประโยคที่ว่าจวินหยวนเช็ดมือให้เย่จายซิงด้วยตัวเอง สีหน้าของเย่เจียหรงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก จวินหยวนกล้าฉีกหน้านางเพื่อเย่จายซิงได้

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ทุกคนคิดผิดแล้ว จวินหยวนไม่ได้แค่จะเล่นๆ กับเย่จายซิงแค่นั้น เขาให้ความสำคัญกับเย่จายซิงเป็นอย่างมาก

“ข้าชักเริ่มสงสัยแล้วว่าเย่จายซิงวางยาพิษกู่แก่เขาหรือเปล่า!ผู้ชายปกติๆ ใครจะไปสนใจในตัวนางได้กัน? ตอนนี้นางมีอ๋องเซ่อเจิ้งคอยให้ท้ายอยู่ ใครก็ไม่อยู่ในสายตานางทั้งนั้นแหละ แม้แต่ข้านางยังกล้าตบตี ต่อไปก็คงจะกล้าเนรคุณแล้วล่ะ!”

เย่เจียหยูขบกรามกัดฟันแล้วกล่าว

“ท่านพี่ ข้าอยากจะรีบไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เร็วๆ จริงๆ ได้ยินว่านายน้อยลั่วกลับไปแล้ว หากเขายินยอมที่จะแต่งข้า ข้าก็สามารถหลุดพ้นจากเซี่ยซือห้าวไปได้ อีกทั้งยังต่อกรกับอ๋องเซ่อเจิ้งได้อีกด้วย!หรือว่าท่านพี่จะแต่งกับเซ่าตี้ได้ ต่อไปพวกเราจะเดินอย่างวางมาดสง่างามในดินแดนแห่งนี้ยังไงก็ได้ อ๋องเซ่อเจิ้งเล็กๆ คนหนึ่งนับว่าอยู่ในฐานะอะไรได้เหรอ?”

เซ่าตี้!

เย่เจียหรงจู่ๆ ก็กำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่น

นางรับดึงเย่เจียหยูเข้ามาในห้อง

“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?”

เย่เจียหยูเห็นว่าสีหน้าของนางดูแปลกไปเล็กน้อย

“ข้าว่าข้าเริ่มค้นพบความลับอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”

เย่เจียหรงหายใจแรงขึ้น กล่าวอยู่ข้างหูต่อนางว่า

“ข้าสงสัยว่าจวินหยวนก็คือเซ่าตี้โม่เสิ่นยวน!”

“ว่าไงนะ!?”

เย่เจียหยูหน้าเสียขึ้นมาในบัดดล ชะงักไปชั่วครู่ ทั้งหน้าเต็มไปด้วยอาการไม่อยากจะเชื่อ

“ท่านพี่นี่ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม เซ่าตี้ที่ดูสูงส่งเช่นนั้น ไม่อยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ดีๆ เหตุใดจึงมาที่แคว้นหงส์แดงที่เล็กๆ ของพวกเรามาเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งอะไรเนี่ย?”

“เจ้าว่าข้าเหมือนกำลังล้อเล่นงั้นหรือ?”

เย่เจียหรงอึ้งไปเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า

“ในชื่อของเขาทั้งสองนั้นต่างมีอักษรคำว่าหยวนอยู่ เป็นไปได้ว่าจวินหยวนก็คือชื่อเล่นของเซ่าตี้ แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าเซ่าตี้ไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอกอยู่ในวังศักดิ์สิทธิ์ แต่ใครจะไปรู้ว่าในความจริงแล้วเขาไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอกจริงหรือเปล่า

เย่เจียหยูโบกมือแล้วกล่าวว่า

“ไม่ถูกสิ ท่านพี่ อสูรทิพย์คู่ใจของเซ่าตี้คืออสูรทิพย์มังกรเขียว แต่อสูรทิพย์ของจวินหยวนคือกิเลน!คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมีอสูรทิพย์คู่ใจสองตัวหรอกมั้ง!”

หลังจากได้ฟัง เย่เจียหรงก็นิ่งไปชั่วครู่

ในความเป็นจริงแผ่นดินเทียนเหย้าไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่สามารถครอบครองอสูรคู่ใจได้สองตัวมาก่อน คนหนึ่งคนจะครอบครองอสูรคู่ใจได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอสูรทิพย์เลย เกรงว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีใครที่เคยครอบครองอสูรทิพย์สองตัว

แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นางได้เพียงมองเห็นเซ่าตี้เพียงชั่วพริบตาจากระยะไกลๆ ในหมู่ฝูงชนเท่านั้น ตอนนั้นนางตกใจกับรูปลักษณ์ของเขามาก จึงจดจำเงาร่างนั้นอยู่ในใจลึกๆ เสมอมา แต่มันก็ยังคลุมเครืออยู่เล็กน้อย และก็ไม่คุ้นเคยนัก นางไม่แน่ใจเลยว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นใบหน้าของเซ่าตี้

“ข้าว่าเป็นไปไม่ได้ หากเป็นเซ่าตี้ ท่านพี่ว่าเขาจะชอบเย่จายซิงได้อย่างนั้นเหรอ? ท่านบอกว่าคนผู้นั้นก็เหมือนดั่งจันทราที่สว่างไสวอยู่บนนภา ไกลเกินเอื้อมถึง แล้วท่านลองนึกถึงใบหน้าที่อัปลักษณ์เช่นนั้นของเย่จายซิง……แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!”

เย่เจียหยูส่ายหัวอย่างสุดแรง ฆ่านางให้ตายนางก็ไม่เชื่อว่าจวินหยวนคือเซ่าตี้แห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์

“อาจเป็นไปได้ว่าข้าประเมินผิดไป อาจเพราะรูปร่างแค่คล้ายกันมากเท่านั้นเอง”

เย่เจียหรงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าการคาดเดาของนางเองนั้นช่างน่าขำสิ้นดี

คนผู้นั้นมีลักษณะท่าทางที่สูงส่งเหนือผู้อื่น ไม่เข้าใกล้คนง่ายๆ เด็ดขาด แล้วจะไปเช็ดมือให้เย่จายซิงได้อย่างไร อีกทั้งจะพูดจาดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้อย่างไร?

“จวินหยวนแม้แต่ใบหน้ายังไม่กล้าเปิดเผยเลย พวกเราต่างคาดเดากันว่าหน้าตาของเขาจะต้องดูไม่ได้เป็นแน่ ก็เลยมีความเห็นอกเห็นใจเย่จายซิง คนที่มีปมแบบเดียวกันก็ย่อมเข้าใจกันเป็นธรรมดา ท่านพี่ท่านอย่าคิดสุ่มสี่สุ่มห้า ตอนนี้มาช่วยข้าคิดก่อนว่าจะจัดการกับเย่จายซิงยังไงดี ข้าจะโดนทำร้ายเปล่าๆ แบบนี้ไม่ได้!”

เย่เจียหยูชี้ไปยังแก้มของตนเองและมีความเกลียดชังแฝงอยู่ในนั้น

เย่เจียหรงมองมายังรอยฝ่ามือที่เห็นได้ชัดอยู่บนใบหน้าของน้องสาวตนเอง และความชั่วร้ายโหดเหี้ยมก็แวบขึ้นมาชั่วครู่

“สั่งสอนนางไม่ได้ผลหรอก ฆ่าจวินหยวนทิ้งซะให้สิ้นเรื่องไปเลย”

“ท่านพี่มีวิธีแล้วหรือ?”

เย่เจียหยูดวงตาเป็นประกายขึ้น

“เจ้าไปยืมหินทิพย์จากเซี่ยซือห้าว ข้ารู้จักหัวหน้าคนหนึ่งในค่ายทหารรับจ้าง แค่หินทิพย์เพียงพอตามที่ต้องการ การฆ่าคนนั้นพวกเขามีวิธีแน่นอน”

“งั้นก็ดีมากเลย!แล้วต้องยืมเท่าไหร่?”

“สิบล้าน”

“เท่าไหร่นะ? แพงไปหรือเปล่า!เขาต้องไม่ยืมให้ข้าเยอะเช่นนี้แน่”

“เจ้าอย่าลืมสิ ตอนนี้เจ้าเป็นคู่หมั้นของเซี่ยซือห้าว เจ้าควรจะใช้ฐานะนี้ให้เกิดประโยชน์สิ ต่อไปก็ยังมีวิธีมากมายที่จะเขี่ยเขาทิ้ง ฝีมือของจวินหยวนแข็งแกร่งมาก องครักษ์ลับที่อยู่ใต้การบงการของเขาก็แข็งแกร่งมาก ไม่ใช้เงินเยอะเช่นนั้นก็สังหารเขาไม่ได้หรอก”

เย่เจียหรงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยมอย่างมาก

แต่สิ่งที่นางไม่ได้พูดออกมาก็คือจวินหยวนน่าจะมีทรัพย์สมบัติไม่น้อยเลย หากเขาตายไป นางก็จะอาศัยจังหวะนี้ไปรับช่วงทรัพย์สินของเขา รวมทั้งอสูรทิพย์กิเลนด้วย

นางวางแผนสิ่งนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้ไปเอาคืนอสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงของเย่จายซิง เพียงแค่ตอนนั้นคิดว่ายังไม่ใช่เวลา แต่ครั้งนี้จวินหยวนเหยียดหยามนาง ทำให้นางโกรธเกลียดอย่างมาก

หากนางสามารถได้ใจอสูรทิพย์ก็จะได้เป็นคู่ที่เท่าเทียมกับเซ่าตี้แล้ว

ต่อไปก็จะไม่มีใครพูดว่าตนไม่คู่ควรกับเขาแล้ว

นางกำลังจะเป็นผู้หญิงที่ฐานะสูงศักดิ์ในดินแดนแห่งนี้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ใบหน้าของนางก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ ราวกับว่ามองเห็นฉากที่พวกหญิงตระกูลขุนนางที่เคยดูถูกนางมานอบน้อมคารวะให้กับนาง

……

“คุณหนู ข้าน้อยรู้ว่าคุณหนูรองพูดอะไรกับนายน้อย ตอนนั้นข้าแอบฟังพวกเขาคุยกันอยู่!”

หลังจากเข้าไปยังโรงเตี๊ยม ไป๋จู๋วก็พูดกับเย่จายซิง

“นางพูดอะไรบ้าง? เจ้ารีบบอกข้ามา”

เย่จายซิงรีบกล่าวถาม

นางกำลังจะไปถามเสี่ยวยู่ และก็ได้เตรียมใจที่จะถูกปฏิเสธไว้แล้วด้วย คิดไม่ถึงว่าไป๋จู๋วจะทำให้นางประหลาดใจเช่นนี้

“คุณหนูรองบอกว่าตอนนั้นที่นายน้อยไปดินแดนลึกลับแล้วได้รับบาดเจ็บนั้นไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ แต่ว่ามีคนที่คิดร้ายต่อนายน้อย!”

ไป๋จู๋วนึกถึงตอนนั้นที่เย่เจียหยูท่าทางหน้าตาน่ารังเกียจ และกล่าวอย่างโกรธเคืองต่อว่า

“คุณหนูรองเลวจริงๆ เลย ทั้งๆ ที่นางรู้ว่าคนร้ายคือใครแต่กลับจงใจไม่บอกนายน้อย แล้วก็ยังบอกนายน้อยอีกว่าล้มเลิกความคิดจะแก้แค้นไปได้เลย เพราะคนผู้นั้นเป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกินได้”

เย่จายซิงไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่นิด นางเดาออกนานแล้วว่าอาการบาดเจ็บของเสี่ยวยู่มันน่าแปลกอยู่ น่าจะมีคนจงใจจัดการเขา

เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าเย่เจียหยูกับรู้เรื่องนี้

ดวงตาของนางฉายแววลำแสงที่แข็งกร้าวออกมาแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะเมตตาเกินไปจึงทำให้เย่เจียหยูกล้ามาโจมตีเสี่ยวยู่อย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้

“ไป๋จู๋ว เจ้าทำได้ไม่เลว เดี๋ยวไว้ข้าค่อยตกรางวัลให้เจ้า”

นางชมเชยไป๋จู๋วครู่หนึ่ง จากนั้นหันเดินออกจากประตูไปหาน้องชายเพื่อถามให้ชัดเจน คิดว่าเขาน่าจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือ

แค้นยังไงก็ต้องชำระแน่นอน!