ตอนที่ 149 ดวงตาทั้งสามคู่สบกัน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

บทที่ 149 ดวงตาทั้งสามคู่สบกัน

บทที่ 149 ดวงตาทั้งสามคู่สบกัน

ซูเถาคิดอยู่ว่าพื้นที่ของจุดแวะพักเก่าก็ไม่เล็ก คงไม่บังเอิญเจอกันง่าย ๆ หรอก อีกอย่างก็ไม่ได้บอกว่าตนเองกำลังอยู่ระหว่างทางไปจุดแวะพักเก่าด้วย

ถนนหนทางไปยังจุดแวะพักเก่าเป็นหลุมเป็นบ่อ รถโคลงเคลงแบบนี้ทำให้ซูเถานอนไม่หลับ คิ้วขมวดมองไปยังความมืดนอกหน้าต่างด้วยความกังวล

คิดว่าแมวตัวน้อยคงไม่ได้กิน ไม่ได้ดื่มมาสองวันแล้ว

เพราะอากาศร้อนขนาดนี้….

ตอนนี้ เฮยจือหม่าที่หนีรอดมาได้ก็อยู่อย่างทุกข์ทรมานใจในทุกวัน เมื่อมันค้นหาสถานที่ที่ไร้ผู้คนเจอแล้ว มันขุดหลุมและฝังผลึกนิวเคลียสลงไป หลังจากฝังเสร็จแล้วก็รู้สึกทั้งกระหายและหิว มันขยับตัวแนบชิดกับมุมผนังมองหาผู้เป็นนายในฝูงชนอย่างระแวดระวัง

ถ้าหาบนถนนไม่เจอ มันก็จะไปตามหาที่บ้านหลังอื่น

ไม่มีคนที่คุ้นเคย ไม่มีกลิ่นที่คุ้นเคย ที่ไหน ๆ ก็ไม่มีเลย นอกจากนี้ทั่วทุกพื้นที่ยังสกปรก ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง และเสียงดังอึกทึกครึกโครม

โลกภายนอกเป็นเช่นนี้เองเหรอ…

มันกระหายน้ำมาก จึงแอบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อหาน้ำ ก็โดนเด็กกรีดร้องและขว้างปาสิ่งของใส่

มันจึงหนีหัวซุกหัวซุนหาบ้านหลังอื่นต่อ แต่ว่าก็ยังหาไม่เจอ เมื่อหาเจอก็ถูกไล่ออกมา และไม่รู้ว่าหาอยู่นานเท่าไหร่ ในที่สุดก็ได้พบกับห้องที่ค่อนข้างสะอาด และยังได้กินอาหารด้วย

มันมองไปที่หน้าต่างห้องชั้นหนึ่ง ยืนอยู่ห่างมาเล็กน้อย และกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างในคราวเดียว ดันหน้าต่างมุ้งลวดด้วยกรงเล็บเล็ก ๆ ของมันแล้วมุดตัวเข้าไป

ทันทีที่เข้ามาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น จึงรีบพาตัวเองไปซ่อนอยู่ใต้เตียงอย่างรวดเร็ว

“พี่หย่ง~ วันนี้ฉันช่วยพี่จัดการเรื่องสยงไท่ทั้งวัน ไม่มีรางวัลอะไรให้ฉันหน่อยเหรอ?”

เหลียนซาสัมผัสเข็มขัดของเขาอย่างเย้ายวน พลางดึงไปที่เตียง

ถานหย่งรู้สึกว่ายากมากที่จะเห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล กระดูกเขาแทบจะกรอบไปครึกซีก และเอ่ยอย่างเหลือเชื่อ

“ที่รักอยากได้อะไร รอให้เราจัดการภูเขาผานหลิวให้ได้ก่อน แล้วเธอค่อยไปเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นั่นเอาไหม”

เหลียนซาเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “รอให้ถึงตอนนั้น พวกคุณก็ขนย้ายของดี ๆ ออกไปหมดแล้ว ให้ฉันปกป้องภูเขาโล่งเปล่าจะมีประโยชน์อะไร พี่หย่ง ถ้าพี่มีใจ รักฉันจริง ๆ ก็นำผลึกนิวเคลียสสองชิ้นนั้นที่เก็บได้มาให้ฉัน”

ถานหย่งเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างมีเหตุมีผล

“ที่รักของพี่ สิ่งนี้สามารถเพิ่มพลังให้กับอาวุธพลังงานนิวเคลียสได้ พี่วางแผนว่าจะขอให้ใครช่วยซื้ออาวุธพลังงานนิวเคลียสจากฉางจิงมาสักอัน ได้ยินมาว่ามันสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก ผลึกนิวเคลียสสองชิ้นนี้ก็คงไม่พอ เด็กดี เปลี่ยนของขวัญเถอะนะ?”

เหลียนซางอน “แต่ฉันอยากได้แค่อันนี้เท่านั้น ฉันอยากจะใช้ชีวิตกับพี่ไปตลอดนะ หากพี่ให้ฉัน ก็เหมือนกับเป็นของพี่ไม่ใช่เหรอ หากว่าพี่ต้องการ ฉันจะต้องให้พี่แน่ ฉันแค่ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมัน ฉันแค่อยากจะเป็นคนเก็บมันไว้ด้วยตัวเองเท่านั้นเอง”

เธอใช้สารพัดวิธีพัวพันไม่รู้จบ จนไปถึงเตียง ด้วยลีลาท่าทางของเหลียนซาก็ทำให้ถานหย่งตอบตกลงอย่างงุนงง

หลังจากเสร็จกิจเหลียนซาก็ได้รับผลึกนิวเคลียสทั้งสองชิ้นอย่างสมใจ

เธอเปิดกล่องเครื่องประดับกล่องของเธอออก ด้านในมีผลึกนิวเคลียสอยู่ด้านในสามชิ้นแล้ว เมื่อรวมกับที่ได้รับวันนี้ทั้งหมดจึงเป็นห้าชิ้น และทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คู่รัก ‘มอบ’ ให้เธอ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

เหลียนซาลูบไล้สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อย่างโลภมาก เธอค้นพบโดยบังเอิญว่าผลึกนิวเคลียสสามารถทําให้พลังของเธอแข็งแกร่งขึ้นได้

ในตอนแรกเธอทำได้เพียงทำให้คนเชื่อคำพูดโกหกของเธอได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะมีผล และแม้ว่าจะมีผลแต่ระยะเวลานั้นก็สั้นมาก

จากนั้นวันหนึ่งที่เธอได้เผชิญหน้ากับผลึกนิวเคลียสก็รู้สึกอึดอัดมาก เธอมีความปรารถนาที่ลึกซึ้งขึ้น และไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งทําให้เธอดูดซับพลังงานทั้งหมดในผลึกนิวเคลียสเข้ามาไม่ได้ตั้งใจ

ต่อมาเธอพบว่าพลังของตนเองอยู่ได้นานขึ้น ไม่เพียงแค่โกหกแล้วจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อ แม้แต่ตอนที่ร้องเพลงใดสักเพลงก็สามารถควบคุมคนคนนั้นไว้ได้ชั่วคราว

หากว่าให้คนคนนั้นได้ฟังเสียงขับร้องของเธอในระยะยาว และให้เขาได้เชื่อใจเธอทั้งหมด บูชาเธอเหมือนเป็นเทพเจ้า ยอมควักหัวใจให้เธอ บุกน้ำลุยไฟได้เพื่อเธอ

คนรักทั้งสองก่อนหน้านี้ของเธอก็ถูกควบคุมด้วยวิธีนี้ และในที่สุดก็สละชีวิตเพื่อเธอ

เพียงแต่ถานหย่งคนนี้…ไม่ง่ายนักที่จะควบคุม

ถานหย่งเองก็เป็นผู้ที่มีพลังเช่นกัน และเขายังมีพลังทางจิตที่หายากที่เรียกว่า ‘ฉนวนป้องกัน’ ทั้งการโจมตีและการควบคุมพลังทางจิตทั้งหมดจะไม่มีผลกับเขา

เหลียนซาก็เพิ่งรู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ตนเองใช้พลังกับถานหย่ง พลังจะไม่มีผลอะไรเลยจนกระทั่งเธอดูดซับพลังของผลึกนิวเคลียส และมี ‘วิวัฒนาการ’ ขึ้น

ตั้งแต่นั้นมา ถานหย่งก็เริ่มถูกเธอ ‘ควบคุม’ จนรู้สึกรักเธอ แต่เธอยังไม่สามารถควบคุมเขาไว้ได้ทั้งหมด

เหลียนซาตัดสินใจเอาผลึกนิวเคลียสสามชิ้นนี้ที่เขารวบรวมมาและหนีไป เพื่อหาคนโง่ให้หลอกคนต่อไป ตอนนี้เธอบรรลุเป้าหมายแล้ว และวางแผนว่าพรุ่งนี้จะหนีไปทันที

ในตอนนี้ ถานหย่งที่อยู่ข้างเธอถามขึ้นด้วยความสับสน “ที่รัก เธอยังไม่นอนอีกเหรอ ทําไมถึงยังนั่งอยู่อีก”

เหลียนซารีบปิดกล่องเครื่องประดับ ใส่มันไว้ใต้เตียงอย่างรีบร้อน พลางมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มพูดเล้าโลมเขาด้วยคำหวาน

ไม่นานเสียงนุ่มนวลของเธอก็เกลี้ยกล่อมถานหย่งให้นอนหลับไปอีกครั้ง

เฮยจือหม่าที่อยู่ใต้เตียงเข้าไปเดินวนพร้อมกับดมกล่องเครื่องประดับที่ถูกยัดเข้ามาอย่างกะทันหัน ดวงตาของแมวน้อยเบิกกว้างทันที ในเมื่อหาน้ำและอาหารไม่เจอ จึงคาบกล่องเครื่องประดับออกจากใต้เตียง

เมื่อเหลียนซาได้ยินเสียงก็สายเกินไปแล้ว เพราะเห็นเพียงว่ากล่องเครื่องประดับของเธอถูกอะไรบางอย่างดันออกไปทางหน้าต่างแล้ว ได้ยินเพียงเสียงของหล่นที่นอกหน้าต่าง จึงรีบร้อนจะลุกขึ้นไปตรวจสอบ แต่ถานหย่งกลับกอดเธอไว้

“เด็กดี ที่รักอย่าขยับ ฉันง่วงมาก”

เหลียนซาร้อนรนมาก จึงดันเขาออกไปและไปดูที่นอกหน้าต่าง แต่กลับเห็นเพียงค่ำคืนที่มืดมิด

เฮยจือหม่าคาบกล่องเครื่องประดับไปจนถึงสถานที่ที่ก่อนหน้านี้ผลึกนิวเคลียสถูกซ่อนไว้ มันตะกุยดินออกอีกครั้ง และขุดให้ลึกลงไป จากนั้นฝังกล่องเครื่องประดับไว้ในนั้น

มันเพียงคิดอย่างไร้เดียงสาว่าสิ่งนี้มีพลังดึงดูดมาก จึงอยากนำมาเก็บซ่อนไว้ หลังจากฝังมันแล้ว มันยังฉี่รดไว้เพื่อทําเครื่องหมายกลิ่นของตัวเอง

หลังจากทำเสร็จแล้ว มันก็กลับไปหาอาหารต่อไปอย่างหิวโหย แต่ไม่นานหลังจากมองหา แสงสว่างยามรุ่งอรุณก็ปรากฏ ผู้คนก็มากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ มันระมัดระวังตัวจากมนุษย์สองขามากขึ้น ไม่กล้าโผล่หน้าออกไป ทำเพียงหลบซ่อนตัวอยู่ในถังพลาสติกแตก ๆ ความหิวโหยทำให้มันหมดแรง และยิ่งง่วงขึ้นเรื่อย ๆ

“ว้าว? แม่! นี่อะไรน่ะ!”

เด็กหญิงอายุประมาณห้าหกขวบพบมันในถังพลาสติกที่แตกแล้วที่หน้าบ้านของเธอ จึงตะโกนเรียกแม่ด้วยความประหลาดใจ และอยากรู้อยากเห็นให้มาดู

เฮยจือหม่าอยากจะหลบหนี แต่ทันทีที่มันกระโดดออกจากถัง มันก็ยืนไม่มั่นคงจนล้มลง มันสะลึมสะลือและรู้สึกได้เพียงว่ามีคนกอดมันไว้ด้วยความสงสาร

ไม่ใช่เธอ…

เจ้านายของฉัน ตอนนี้อยู่ที่ไหน

……

ฝั่งของซูเถาที่เพิ่งหาบ้านของสยงไท่เจอ

แต่กลับไม่พบกับเจ้าของบ้าน เห็นเพียงรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ข้างนอก

รถของกองทัพผู้บุกเบิกเหรอ?

ขณะที่ยังตกใจและงงงวยอยู่ รถนักธุรกิจคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าประตู เมื่อประตูรถถูกเปิดออก กู้หมิงฉือที่สวมทั้งหน้ากากและหมวกก็เดินลงมา

เมื่อเห็นซูเถา ดวงตาสีเหลืองอําพันของเขาก็หรี่ลง

ผู้หญิงคนนี้ ตัวเล็กกว่าในภาพอีก แม้ตัวจะเล็กแต่ใจกลับใหญ่มาก

ในเวลาเดียวกัน สือจื่อจิ้นซึ่งสวมเครื่องแบบทหารก็เดินตรงออกมาจากบ้าน

ในชั่วพริบตา สายตาทั้งสามคู่ก็สบกัน