บทที่ 30: การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

หลังจากค้นศพและทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว หวังเต็งก็หันหลังกลับและจากไป

เขาออกจากกลุ่มมานานแล้ว และถ้าเขาไม่กลับไปในเร็วๆนี้ ซูเจี๋ยและเพื่อนๆของเขาก็อาจจะออกมาตามหาเขาแทนได้

และถ้าพวกเขาเห็นฉากนี้…

เดี๋ยวนะ!

หวังเต็งขมวดคิ้ว

เขาได้ครอบครองสมบัติของนักสู้สองคนนี้ เพราะงั้นถ้ามีคนมาสอบสวนเข้า ฉันก็อาจจะซวยได้

เขาควรทำลายหลักฐานด้วยการเผาศพหรือไม่?

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้

หวังเต็งวางศพทั้งสองลงในหลุมลึกและเปิดใช้งานพลังฟอร์สธาตุไฟในร่างกายของเขา จากนั้นบอลเพลิงลูกเล็กๆปรากฏขึ้นบนนิ้วของเขา

“ พวกนายเป็นคนสร้างหลุมนี้ แต่ฉันจะเป็นคนกลบหลุมนี้ให้เอง”

“ การเผาศพเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบัน มันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่เปลืองพื้นที่ บทกวีบทนั้นมันพูดว่ายังไงนะ … โอ้ใช่แล้ว ‘ แม้จะกลายเป็นโคลน แต่พวกมันก็จะหล่อเลี้ยงดอกไม้‘”

“ หลังจากที่นายตาย นายก็ยังสามารถสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับธรรมชาติได้ ลองคิดดูสิ แม้แต่ตอนที่ตายไปแล้วก็ยังได้บุญเลย”

หวังเต็งพูดพล่อยๆอยู่สักครู่ก่อนที่เขาจะมองไปที่นักสู้ที่ต้องการฆ่าเขาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ แม้ว่าแกจะพยายามฆ่าฉัน แต่ฉันก็ไม่ตายและยังฆ่าแกแทน หึๆ ไฟแช็กและบุหรี่นี่จะเป็นสิ่งชดเชยความทุกข์ทางอารมณ์ที่แกทำไว้กับฉัน และตอนนี้ฉันก็จะเผาศพของแกซะ เพราะยังไงซะฉันก็ยังเป็นคนดีอยู่”

เขาสะบัดนิ้ว จากนั้นเปลวเพลิงก็พุ่งออกไปและตกลงไปที่ศพอย่างแม่นยำ

ศพลุกเป็นไฟ!

มันแผดเผาศพอย่างดุเดือดเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ และเนื่องจากมันใช้พลังฟอร์สเป็นเชื้อเพลิง ดังนั้นเปลวเพลิงจึงลุกไหม้รุนแรงกว่าปกติ

ภายในไม่กี่วินาที ศพทั้งสองก็กลายเป็นขี้เถ้า มันไม่มีอะไรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ถ้าไม่มีศพ มันก็จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่คืนนี้ และต่อให้มีคนหาตัวพวกมันเจอ แต่พวกเขาก็จะไม่มีทางรู้ว่าฉันเอาอะไรไปจากพวกมัน

สมบูรณ์แบบ!

“ ได้เวลากลับแล้ว!”

อย่างไรก็ตาม ทำไมสองคนนี้ถึงทะเลาะกันที่นี่กลางดึกล่ะ? เพื่อความสนุกสนานอย่างงั้นหรอ?

หวังเต็งงงงวย เขาสำรวจบริเวณโดยรอบแต่ก็ไม่พบอะไรเลย ในท้ายที่สุด หวังเต็งก็ทำได้เพียงส่ายหัว ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไป

หวังเต็งตัดสินใจกลับไปที่งานปาร์ตี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากก้าวไปหนึ่งก้าวเขาก็ถอยเท้ากลับ

หวังเต็งจ้องไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่นักสู้ธาตุไฟกำลังพิงอยู่ในขณะนี้ เขามีความรู้สึกแปลกๆ

เขาเดินไปใต้ต้นไม้และมองขึ้นไป

ใบไม้กำลังบังทัศนวิสัยของเขา ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นอะไรเลย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกระโดดขึ้นไปอย่างแผ่วเบา หวังเต็งลงจอดบนกิ่งไม้และมองไปรอบๆตัวเขาอย่างสบายๆ

“ ห้ะ?”

สายตาของเขาหยุดนิ่ง

มันมีกระเป๋าเป้สะพายหลังอยู่ตรงนั้น!

หวังเต็งกระโดดไปเก็บกระเป๋าเป้ลงมาจากกิ่งไม้ เขาคลายซิปออกและพบว่ามันอัดแน่นไปด้วยหญ้าแห้ง หญ้าแห้งที่กำลังพันรอบๆ… ไข่!

พวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อไข่ใบนี้อย่างงั้นหรอ? หวังเต็งลูบคางของเขาขณะที่เขาตั้งคำถาม

นักสู้ตายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และท้ายที่สุดแล้ว ไข่ใบนี้ก็เป็นของเขาแล้ว

“ หวังเต็งออกไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมเขายังไม่กลับมานะ”

ลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยและลูกหลานของข้าราชการเริ่มหมดความอดทนจากการรอคอยอันยาวนาน พวกเขาไม่มีความสุขเล็กน้อย

“ เราไม่ได้ขอให้พวกคุณรอ ถ้าพวกคุณต้องการออกไป พวกคุณก็ออกไปได้เลย ทำไมคุณถึงบ่นเอาแต่บ่นกัน?” ซูเจี๋ยขมวดคิ้วและตอบ

“ นั่นไม่ถูกต้อง เรารอที่นี่เพราะเราเป็นห่วงหวังเต็ง อย่างไรก็ตาม เมื่อมองจากมุมมองของหวังเต็ง มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่เขาจะมาปล่อยให้คนมากมายเช่นนี้รอคอย หากเขาไม่พบสิ่งใด เขาก็ควรจะกลับมาได้แล้ว เขาไม่เห็นจำเป็นต้องแสดงความแข็งแกร่งอะไรเลย” หลี่หรงเฉิงกล่าว

“ ถูกต้อง ฉันคิดว่าเขาก็แค่กำลังทำตัวโอ้อวดที่เขาเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง” ชายหนุ่มเย้ยหยัน

บางคนต้องการจะพูดสอดแทรก แต่จู่ๆมันก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากป่า

“ ฉันไม่เคยพูดว่าฉันเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง ถูกไหม? มันไม่มีศิษย์นักสู้ขั้นสูงคนไหนที่ชอบไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านเขารู้หรอกนะ”

สีหน้าของชายหนุ่มหยุดชะงัก

หวังเต็งมองเขาอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็ยิ้มให้ฝูงชน

“ ฉันขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องรอเป็นเวลานาน ฉันลืมไปว่าฉันเป็นคนชอบหลงทิศหลงทาง ดังนั้นฉันจึงหลงทางโดยไม่ได้ตั้งใจ”

… ทุกคนแทบเป็นลม

คุณกล้าที่จะเข้าไปในป่าคนเดียวโดยที่คุณไม่รู้ทิษรู้ทาง?

อะไรของมันวะเนี่ย!

“ นายน้อยหลี่ ระวังปากเอาไว้ด้วย นายอาจจะกลายเป็นคนขี้นินทาได้ถ้านายยังคงชอบพูดลับหลังคนอื่น” หวังเต็งมองไปที่หลี่หรงเฉิงและยิ้มให้เขาอย่างลึกลับ

เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาของหวงัเต็ง หลี่หรงเฉิงก็รีบเบือนหน้าหนีในทันที

โวไป่หยุนไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของหวังเต็ว เธอเดินไปข้างหน้าและถามว่า “ นายน้อยหวาง คุณค้นพบอะไรไหม?”

“ ไม่ ฉันเดินวนอยู่รอบบริเวณใกล้เคียงสองสามครั้งและในที่สุดก็หาทางกลับได้ ฉันไม่เห็นอะไรเลย” หวังเต็งส่ายหัวและตอบ

โจวไป่หยุนมองเขาอย่างตั้งใจด้วยสายตาที่มีนัยยะ เธอกล่าวว่า “ ในกรณีนั้น กลับกันเถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว”

ไม่มีใครคัดค้าน

ทุกคนกลับไปที่วิลล่าบนภูเขาเพื่อไปเอารถก่อนที่จะอำลาและแยกจากกันไป

แน่นอน เราต้องพูดถึงว่าคนที่จับเหยื่อได้มากที่สุดคือหลี่หรงเฉิง

เนื่องจากหวังเต็งได้ออกจากพื้นที่ล่าสัตว์ไปก่อนหน้านี้ หลี่หรงเฉิงจึงได้รับชัยชนะไปแบบฉิวเฉียด

เขาได้รับของขวัญลึกลับ มันเป็นสิ่งที่โจวไป่หยุนนำกลับมาจากต่างประเทศ ตุ๊กตาขนาดเท่ามนุษย์

และมันก็เป็นตุ๊กตาผู้หญิงด้วย!

สิ่งนี้ทำให้หลี่หรงเฉิงไม่รู้ว่าเขาควรจะปฎิบัติตัวยังไงดี

รถของหวังเต็วและซูเจี๋ยขับเข้าไปในเมืองตงไห่พร้อมๆกัน

ที่สี่แยก ขณะที่พวกเขากำลังรอให้ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ซูเจี๋ยก็เปิดหน้าต่างของเขาและตะโกนใส่หวังเต็งว่า “ พี่หวังเต็ง เราจะกลับบ้านก่อนนะ โปรดไปส่งเว่ยน้อยกลับบ้านของเธอด้วย”

“ โอเค นายไปได้เลย ถึงบ้านก็บอกด้วยละกัน” หวังเต็งโบกมือ

ทั้งสองแยกทางกันที่ทางแยก

หวังเต็งส่งไป่เว่ยที่บ้านของเธอ เธออาศัยอยู่ในเขตวิลล่าอีกแห่งหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อจินหัว

มันมีคนร่ำรวยมากมายในเมืองตงไห่ ดังนั้นมันจึงมีเขตบ้านพักวิลล่าที่คล้ายๆกันหลายแห่ง

ไป่เว่ยยืนอยู่หน้าทางเข้าวิลล่าและเขย่งปลายเท้าขณะที่เธอโบกมือ “ พี่หวังเต็ง รีบกลับบ้านเถอะ แล้สวก็ขับกลับระวังๆด้วยล่ะ”

“ เข้าใจแล้ว เธอเองก็เข้านอนได้แล้ว เธอจะแก่เร็วขึ้นถ้าเธอนอนดึกเกินไปนะ” หวังเต็งยิ้มและขับรถออกไป

“ พี่นั่นแหละที่จะแก่” ไป่เว่ยขมวดคิ้ว

ระหว่างทางกลับ หวังเต็งขับรถเร็วมาก เขาเพียงแค่ต้องการที่จะกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อนับและตรวจสอบผลกำไรที่เขาได้รับมาในคืนนี้

เขาได้ซ่อนกระเป๋าเป้ที่บรรจุไข่ลึกลับ, ดาบของนักสู้ธาตุไฟและสิ่งของเล็กๆ น้อยๆอื่นๆเอาไว้ในท้ายรถของเขา

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังอยู่ที่วิลล่าบนภูเขา หวังเต็งก็ได้แอบเอาของไปเก็บที่รถก่อนที่เขาจะกลับไปหาพวกโจวไป่หยุน,ซูเจี๋ยและเพื่อนของเขาแล้ว

ถ้าไม่ทำแบบนั้น มันก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะอธิบายสิ่งของมากมายที่เขาถือกลับมา

โชคดีที่เมื่อเขาเก็บของเสร็จ บาดแผลที่เกิดจากนักสู้ธาตุไฟก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์

หวังเต็งถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและฉีกขาดออก และพบว่ามันมีเสื้อเชิ้ตสีเดียวกันให้เปลี่ยน และเมื่อบวกกับที่มันเป็นตอนกลางคืน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครทันได้สังเกตุความเปลี่ยนแปลงนี้

เนื่องจากมันมีเวลาจำกัด ดังนั้นนี่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเขา

คำอธิบายบางอย่างไม่สามารถทนต่อการวิเคราะห์อย่างรอบคอบได้ โจวไป่หยุนอาจสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ แต่เธอไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเธอจึงต้องหยุดที่การคาดเดาของเธอ

หวังเต็งนึกถึงสิ่งที่เขาทำขณะขับรถ หลังจากยืนยันว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรตามมา ในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

ไข่!

เขารู้สึกเหมือนเขาเป็นหัวขโมย!

เขาส่ายหัว

ตอนกลางคืนมีรถไม่กี่คัน หวังเต็งวางศอกข้างซ้ายไว้บนกระจกรถและเอนศีรษะไปด้านหลัง เขาเริ่มขับรถด้วยมือเดียวเหมือนคนขับที่ช่ำชอง

ขณะที่หวังเต็งกำลังขับรถผ่านโซนย่านธุรกิจ เขาก็เห็นถนนที่พลุกพล่านและเจริญรุ่งเรืองจากหางตาของเขา

มันเลยเวลา 22.00 น. มาแล้ว แต่คนจำนวนมากก็ยังคงเคลื่อนไปมาตามท้องถนน

พวกเขาหัวเราะและสนุกสนาน

ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวและอยู่ข้างนอกทั้งคืน

มันรู้สึกดีมาก!

ชีวิตคนธรรมดาก็ไม่เลวเหมือนกัน! ขณะที่หวังเต็งคิดเรื่องนี้กับตัวเอง จู่ๆมันก็มีบุคคลที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาในสายตาของเขา