บทที่ 144 สังหาร
บทที่ 144 สังหาร
ที่ด้านหลังกำแพงวัดบนยอดภูเขาอวิ๋น มีชายวัยกลางคนสองคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่ พวกเขารู้สึกโกรธเมื่อได้ฟังการสนทนาที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร
พวกเขาแอบจัดเตรียมและรอมาเกือบทั้งวัน แต่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้กลับเกิดขึ้น
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนทางด้านซ้ายก็รู้สึกว่ามีเงาดำปรากฏขึ้นข้าง ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้หันหลังกลับไปมอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
และเมื่อเขาก้มลงมองก็เห็นมีดเปื้อนเลือดทะลวงออกจากทรวงอกของเขา
จากนั้นก็เห็นว่าที่ลำคอของสหายอีกคนมีรอยตัดจนเลือดพุ่งออกมา
ศัตรู!
เขาอยากจะอ้าปากพูด แต่ก่อนที่เสียงของเขาจะเปล่งออก หัวของเขาก็ถูกกระแทกอย่างแรง และจากนั้นสติของเขาก็ดับมืดลง
“เกิดอะไรขึ้น?” ไป่เยว่ถิงกำลังจะโจมตีเฉิงฮ่าว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง
“สวัสดี อย่าโทษเฉิงฮ่าวเลย เขาเปลี่ยนใจอยากกลับตัวเป็นคนดีแล้ว เขาไม่ต้องการร่วมลงเรือลำเดียวกันกับพวกแกอีก ดังนั้นถ้าคุณต้องการทำอะไรก็มาหาผมคนนี้เลย” โจวอี้เดินออกมาจากด้านหลังกำแพงและเช็ดเลือดออกจากปลายมีด
“ไอ้สารเลว แกทำอะไรกับสองคนนั้น!” ไป่เยว่ถิงตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธจัด
“คุณกำลังพูดถึงชายสองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงใช่ไหม? แบบเดียวกับพวกที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาสินะ พวกมันลงไปอยู่ในนรกหมดแล้ว ทำไมล่ะ คุณแปลกใจเหรอ? คิดไม่ถึงสินะว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้บัดซบ!”
สีหน้าของไป่เยว่ถิงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์อย่างมาก จิตสังหารของเขาพุ่งปะทุรุนแรง เพราะหนึ่งในสองคนที่อยู่ด้านหลังกำแพงนั้นคือลูกชายของเขา! แม้ว่าจะเป็นเพียงลูกนอกสมรสแต่เขาใช้เงินไปจำนวนมากเพื่อเลี้ยงดูเพราะต้องการให้เป็นผู้สืบทอด
ดาบในมือของเขาซึ่งบางเบาราวกับปีกของจักจั่นถูกฟันออกในทันที
เขาต้องการตัดหัวของโจวอี้!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นกะทันหัน
เฉิงฮ่าวยิงปืนขึ้นมา เขาใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ดึงความสนใจของชุยหู่และไป่เยว่ถิง จากนั้นเขาก็ไม่รีรอ รีบควักปืนพกสีเงินมายิงออกไปหลายนัด
ปากกระบอกปืนของเขามุ่งเป้าไปที่ไป่เยว่ถิง และเฉียงจื่อเองก็ถือปืนและเหนี่ยวไกเช่นเดียวกัน
ปืนสองกระบอกลั่นกระสุนออกมาอย่างถี่รัว
ไป่เยว่ถิงถอนดาบที่กำลังจะฟันเข้าใส่โจวอี้ทันที และรีบกระโดดหลบไปด้านข้าง
ในฐานะกึ่งปรมาจารย์ เขาสามารถหลบเลี่ยงกระสุนเหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม การที่ถูกยิงในระยะประชิดและมีโจวอี้ที่ดูแข็งแกร่งอยู่ข้างหน้าเช่นนี้ เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะโจมตีโจวอี้ต่อไปโดยไม่โดนกระสุน
“เฉิงฮ่าว แกกล้าทรยศนิกายดอกบัวขาวของเราเหรอ! แกไม่กลัวการปะทุของลมปราณจนร่างระเบิดตายแล้วหรือไง!” ไป่เยว่ถิงคำรามด้วยความโกรธพร้อมกับฟันดาบไปที่เฉิงฮ่าวทันที
“การทรยศนิกายดอกบัวขาวของแกก็ดีกว่าการทรยศต่อเพื่อน! ฉันเคยทำผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่งและจะไม่ทำอีก!” เฉิงฮ่าวเลิกที่จะสุภาพกับอีกฝ่ายแล้วเพราะความแค้น เขายิ้มอย่างขมขื่นพลางถือระเบิดมือไว้ในมือซ้าย
สลักนิรภัยของระเบิดถูกดึงออกแล้ว
“เจ้านาย…” ทันใดนั้นใบหน้าของเฉียงจื่อก็เปลี่ยนไป และด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็ว เขารีบชักมีดออกมาทันทีและตัดมือซ้ายของเฉิงฮ่าวที่ถือระเบิดอยู่ ก่อนจะคว้าระเบิดโยนเข้าใส่ไป่เยว่ถิงและกระชากเจ้านายของเขาให้มาหลบที่ด้านหลัง โดยเอาตัวเองเป็นโล่ป้องกันอันตรายคมดาบของอีกฝ่าย
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ไป่เยว่ถิงซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรถึงกับกระเด็นถอยหลัง สะเก็ดระเบิดเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ร่างกายของเขา แม้มันจะไม่โดนจุดสำคัญ ทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาโกรธจัด
โจวอี้ไม่คิดเลยว่าเฉิงฮ่าวที่ติดตามเขามากลับมีแผนต้องการที่จะตายไปพร้อมกับปรมาจารย์นิกายดอกบัวขาวเช่นนี้
นอกจากนี้เขายังได้รับผลกระทบจากระเบิดนั้นด้วย แต่ผลกระทบนั้นไม่มากเท่าไหร่ ไม้เท้าหัวมังกรในมือเขากวาดออกปัดสะเก็ดระเบิดสองชิ้นออกไป
จากนั้น เข็มเหล็กก็พุ่งออกจากปลายไม้เท้า มันพุ่งเข้าใส่ไป่เยว่ถิงที่กำลังกระเด็นอย่างไร้การควบคุม
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เข็มเงินสองเล่มพุ่งเข้าใส่หลังศีรษะของไป่เยว่ถิงทันที
ร่างกายของไป่เยว่ถิงกระตุกอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่ทั้งร่างจะร่วงลงกับพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเลือด การถูกโจมตีที่หลังศีรษะทำให้เขาพลิกหันมามองอย่างยากลำบาก
“แม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนของตระกูลโจว แต่ในเมื่อนิกายดอกบัวขาวต้องการฆ่าฉัน ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่พวกแกต้องชดใช้ด้วยความตาย อาจารย์ของฉันเคยบอกว่าสำนักโอสถของเราไม่อาจให้ใครมายั่วยุได้!” โจวอี้ฟาดไป่เยว่ถิงออกไปด้วยไม้เท้าพลางพูดอย่างเยาะเย้ยอีกว่า “ไม่ต้องกังวล! ฉันจะไม่ปล่อยให้แกเหงา หลังจากนี้จะมีคนจากนิกายดอกบัวขาวอีกมากที่จะไปอยู่ในนรกกับแก”
จบสิ้นการสังหาร!
โจวอี้เดินไปหาเฉิงฮ่าวและเฉียงจื่อทันที
เวลานี้เฉียงจื่อมีเลือดออกมาก และที่คอของเขาก็ถูกบั่นออกจนเกือบขาด เห็นได้ชัดว่าไม่มีการหายใจแล้ว ส่วนมือซ้ายของเฉิงฮ่าวถูกตัดออก และขาของเขาถูกสะเก็ดระเบิด ศีรษะกระแทกพื้นและหมดสติไป แต่บาดแผลทั้งหมดไม่ร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาย
โจวอี้เข้าใจดีว่าถ้าเฉิงฮ่าวไม่ใช้ระเบิดมือเพื่อที่จะฆ่าไป่เยว่ถิงไปด้วยกัน มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะฆ่าไป่เยว่ถิงเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรชายคนนั้นก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับกึ่งปรมาจารย์
“เพื่อเห็นแก่การกลับใจของคุณ ผมจะให้โอกาสคุณกลับมามีชีวิต!” โจวอี้ถอนหายใจก่อนจะห้ามเลือดที่ข้อมือซ้ายและดึงสะเก็ดระเบิดออกจากขาของเฉิงฮ่าว
จากนั้นเขาก็พาเฉิงฮ่าววิ่งลงจากภูเขา
ริมฝั่งทะเลสาบอวิ๋นหู
ทันทีที่เกาอู๋ได้ยินเสียงปืนและระเบิด เขาก็เลิกรอหญิงคนนั้น และรีบวิ่งขึ้นไปบนภูเขาอวิ๋นอย่างรวดเร็วราวกับแสงวาบ
คนของนิกายดอกบัวขาวไม่ใช้ปืน นับประสาอะไรกับระเบิด!
เขาต้องรีบไปจัดการศัตรู!
ทว่าเมื่อขึ้นไปบนภูเขาได้เพียงครึ่งทาง เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังอุ้มเฉิงฮ่าวซึ่งไม่รู้ว่าเป็นหรือตายลงมาจากยอดเขา
นี่มันหมายความว่ายังไง?
เป็นไปได้ไหมที่เยว่ถิงจะพลาดและถูกฆ่าตาย
และชายหนุ่มคนนี้คือวายร้ายที่เหลืออยู่ของตระกูลโจว
“หยุด!”
ดาบยาวของเกาอู๋ยกขึ้นสูงเป็นเงาซ้อนกัน ปิดกั้นท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ก่อนจะสับฟันไปทางโจวอี้
“กึ่งปรมาจารย์อีกแล้วเหรอ?”
สีหน้าของโจวอี้เปลี่ยนไป เขาโยนเฉิงฮ่าวออกไป จากนั้นก็สะบัดไม้เท้าหัวมังกรต่อสู้กับเกาอู๋อย่างดุเดือด
ทว่าจู่ ๆ ก็มีวังวนปรากฏขึ้นที่เชิงเขาพร้อมเสาน้ำที่ปะทุขึ้นจากทะเลสาบลอยขึ้นไปบนฟ้า ผู้หญิงผมยาวสวมชุดกระโปรงสีแดงพลันปรากฏตัวขึ้น
“หืม?”
เธอรู้สึกว่ามีกึ่งปรมาจารย์กำลังต่อสู้กันอยู่บนภูเขาอวิ๋นที่อยู่ใกล้เคียง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็วิ่งขึ้นไปบนเขา