ตอนที่ 105 ยอดปีศาจหนุ่ม
แท่นสูงมรณะ
“มาแล้ว”
นกกระจอกเงินพลันลืมตาขึ้น
หนิงอี้เม้มริมฝีปาก ยืนบนแท่นสูงมรณะ มองภูเขาแดงไกลลิบ ตรงนั้นมีรถม้าเคลื่อนตัวออกมาช้าๆ
ตู้รถม้านั้นประทับดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์…ดอกบัวของแดนบูรพาเป็นสีดำ แดนประจิมสีขาว รอบนอกรถม้านั้นมีผู้บำเพ็ญล้อมรอบอยู่หลายคน ภูเขาแดงหมอกหนา ทั้งรถม้าอยู่กลางหมอกวนเวียน
ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาสามคนที่อยู่บนแท่นสูงมรณะมีแววตาตึงเครียด ส่วนพวกแดนทักษิณที่บาดเจ็บไม่เบา นัยน์ตามีประกายเหี้ยมโหด
ในที่สุดก็มาแล้ว…
หนิงอี้กดความตึงเครียดในใจลง
ที่ราบกระดูกสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นี่เป็นลางสังหรณ์ว่ามีอันตรายมาเยือน
หนิงอี้จ้องตู้รถม้านั้นเขม็ง ร่างเงาแรกพุ่งออกไปแล้ว นั่นคือผู้บำเพ็ญแดนบูรพาที่ไม่รู้ชื่อแซ่ ในมือถือดาบยาวที่หมุนวน เขาพุ่งไปก็ตัดหญ้าน้ำค้างบนพื้น พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว
ร่างเงาชุดคลุมดำข้างกายหนิงอี้ทยอยกันพุ่งไปจากแท่นสูงมรณะ ชุดคลุมใหญ่ส่งเสียงดัง พุ่งไปยังตู้รถม้าของดอกบัวสีขาวนั้น
มีแค่เขาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
หนิงอี้มีเหงื่อซึมมาจากหน้าผาก
ตรงหน้าเขา นกกระจอกเงินเดินไปบนยอดของแท่นสูงมรณะ ไม่รีบร้อนลงไป แต่อดทนรอคนข้างตนพุ่งไปยังรถม้าดอกบัวสีขาวกันทั้งหมด
“หนึ่ง สอง สาม…”
บุรุษผมขาวเทาพูดเสียงเบา นับในใจถึงคำว่า ‘แปด’
ขาดไปหนึ่ง…
นกกระจอกเงินหรี่ตาลง หมุนตัวกลับมาช้าๆ มองเด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากหัวใจราชสีห์นั้น
เขาพูด ‘เฮ้ย’ เบาๆ
สายตาสองคนประสานกัน
……
เกิดเสียงดังสนั่น
ความคิดสวีชิงเยี่ยนว่างเปล่า ข้างนอกเป็นเสียงทะลวงอากาศรวดเร็วและรุนแรง ตู้รถม้าด้านบนเหมือนถูกของหนักกระแทก ภายในแปะยันต์พิเศษจากแดนประจิมเต็มไปหมด ตอนนี้ลุกไหม้ขึ้น
ทั้งตู้รถม้าเริ่มลุกไหม้ พลังของยันต์กระจายมา
สิ่งที่กระแทกเข้ามาเป็นหินหนักบนภูเขา หลุดลงมาอย่างไม่มีสัญญาณใดๆ กระแทกใส่ปราการของค่ายกลยันต์ เมื่อยันต์ทำงานก็แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปรอบๆ!
จากนั้นเป็นเสียงคำรามด้วยความโกรธ เสียงคำรามนั้นมาจากผู้บำเพ็ญโลกเทา
“ชักดาบ!”
สวีชิงเยี่ยนเปิดม่านรถมุมหนึ่ง ชำเลืองตามองเห็นผู้บำเพ็ญในชุดคลุมดำตัวใหญ่นั้นถูกดาบยาวเล่มหนึ่งแทงข้างชุดคลุมดำ ปราณดาบตัดผ่าน ชุดคลุมดำที่ปลิวไสวอยู่ครึ่งหนึ่งละลายเป็นเถ้าถ่าน ผู้บำเพ็ญโลกเทาที่ถูกฟันเอามือข้างหนึ่งจับตัวดาบยาว หยุดพลังปราณดาบตัดผ่านไว้!
คมดาบวาดเป็นเส้นโค้งกระชากจิตวิญญาณ ชุดคลุมดำมากกว่าครึ่งถูกฟันขาด ผู้บำเพ็ญโลกเทาที่ชักดาบออกมาใช้สองมือฟันดาบลงอย่างแรง ปะทะกับปราณดาบที่ลากจากล่างขึ้นบนนั้นของอีกฝ่าย
เศษหินกระจาย!
หินก้อนหนึ่งกระเด็นเข้ามา เฉียดผ่านแก้มสวีชิงเยี่ยน ชายของหมวกถูกเฉียดขาด นางหลบไม่ทัน รู้สึกแค่แก้มครึ่งหนึ่งเจ็บแสบร้อน รถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรง ข้างหูนางมีแต่เสียงซักถามและตะโกนคละปนการหายใจหนักหน่วง
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
ผู้บำเพ็ญเขาศักดิ์สิทธิ์แดนประจิมคนหนึ่งใช้สองมือชักดาบยาว ใกล้ทางออกภูเขาแดง แต่กลับมีหินยักษ์หลายสิบก้อนกลิ้งลงมา เงยหน้าขึ้น ท่ามกลางยามราตรี เหมือนมีคนยืนอยู่บนยอดเขา นั่งยองลง มองรถม้าไม่เล็กไม่ใหญ่จากเบื้องบน
“ดักปล้นรึ”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธอีกเสียงดังขึ้น ถามผู้บำเพ็ญโลกเทา
ยกสองมือขึ้นประกบฝ่ามือ แสงสว่างของมุทรามือสว่างขึ้นในแขนเสื้อ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็ก น่าเสียดายที่วิชาสำนักเหมาะจะสู้เป็นกลุ่ม ในภูมิประเทศแคบเช่นนี้ ยากจะแสดงศักยภาพได้มาก ปราณกระบี่พุ่งออกจากฝ่ามือเขา ลายปราณกระบี่ใต้เท้าพลันขยายออกไป ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นนักกระบี่คนหนึ่ง
ใต้รถม้าของสวีชิงเยี่ยน ลายปราณกระบี่ขยายออกไป ปราณกระบี่สีแดงอมทองลอยขึ้นมาจากแผ่นดิน เมื่อผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กตะโกนเบาๆ ปราณกระบี่ก็ควบแน่นและพุ่งออกไป ปะทะกับหินที่ตกลงมา ทะลวงหินแตกกระจาย!
ตรงกันข้ามกับการต่อสู้ของร่างเงานั้นหน้าสุด บุรุษโลกเทาถูกปราณดาบหมุนวนตรงท้อง หลังปะทะกันหนึ่งดาบก็ถอยไปหลายก้าว มาอยู่หน้าสุดของรถม้า ใบหน้าดำมืด
เขาจ้องเงาปักดาบยืนนั้น
หินแตกกระจายเหนือศีรษะทุกคน
ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย
บุรุษหน้ารถม้าเอามือข้างหนึ่งกุมท้อง เลือดไหลมาจากบาดแผล ซึมผ่านอาภรณ์ เหนียวซึมผ่านซอกห้านิ้วมือออกมา
เขาจ้อง ‘เงาคน’ ตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา เอ่ยมาทีละคำ “ไม่ใช่ดักปล้น…ในตัวพวกมันมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่”
ผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กหน้าซีดขาวเล็กน้อย หลังเขาเห็น ‘เงาคน’ ที่ปักดาบยืนอยู่ชัดเจนว่ามีหน้าตาเป็นแบบใดแล้ว ตอนนี้ก็เข้าใจความหมายของบุรุษโลกเทา
ใช่… ‘คน’ พวกนี้ ไม่ได้มาดักปล้น
พวกนี้ ไม่ใช่คนเลย
“อุตส่าห์หลบผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์มามากขนาดนั้น…ตอนจะถึงภูเขาแดง ก็ยังเจออยู่ดี” ร่างเงาปักดาบยืนสวมผ้าคลุมเนื้อหยาบสีขาวตัวใหญ่ สายลมคลั่งพัดมา เขาพูดงึมงำ “ยุ่งยากจริงๆ การพยากรณ์มีปัญหารึ”
ร่างเงานี้ยืนใต้แสงจันทร์ดูสูงใหญ่มาก ดาบยาวที่ประดับด้วยเงินและทองนั้น แสงดาบที่ส่องแสงถูกเขาเก็บเข้าไปในฝักดาบช้าๆ จากนั้นปักลงพื้น ฝุ่นดินกระจาย
ทุกสายตามองไปที่ดาบที่กลับเข้าฝักช้าๆ นั้น
เพราะมันน่าตกใจจริงๆ
ตัวดาบเรียบตรง สร้างชิดคม เส้นดาบแคบเกินตัวดาบ หน้ากว้างหลังแคบ ตรงปลายเจาะรู ด้ามดาบทำจากไม้ที่ไม่รู้จัก ฝักดาบดำสนิท สีเงินกับทองเป็นเมฆลอยกับสัตว์เดินผ่าน ฝักดาบตกแต่งได้เด่นตา โดยเฉพาะภาพที่แกะสลักบนฝักดาบ
นั่นเป็นสัตว์ประหลาดที่รวมหัวสิงโต เขากวาง ตาพยัคฆ์ ตัวอูฐ เกล็ดมังกรและหางวัวเข้าด้วยกัน ขนหางเหมือนมังกรแท้ มีหนึ่งเขา ดวงตาดุร้ายน่าเกรงขาม กระโดดอยู่บนฝักดาบ
ไอปีศาจเข้มข้นวนเวียนดาบยาวในฝักนี้
บุรุษหนุ่มร่างกำยำสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวใหญ่มีสีหน้าราบเรียบ มองผู้บำเพ็ญโลกเทาที่พิงหน้ารถม้าพลางพูดเสียงเบา “ข้ากับเจ้า เหมือนจะเคยเจอกันที่โลกเทา…ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอคนรู้จักที่นี่”
ผู้บำเพ็ญโลกเทาที่กดตรงท้องจ้องยอดปีศาจที่ฝึกจนกลายเป็นร่างคนเขม็ง เขาหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งอยู่ในแขนเสื้อ กดรถม้าเงียบๆ
สวีชิงเยี่ยนที่นั่งในรถม้ามองยันต์ข้างในลุกไหม้ขึ้นทีละแผ่น เหมือนกำลังสั่งสมอะไรบางอย่าง
“นี่ไม่ใช่ปีศาจบุพกาล…” ผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กแดนประจิมมีสีหน้าปั้นยาก ปราณกระบี่ใต้เท้าเขายังคงรวมกันไม่หยุด ร่างเงานั้นที่นั่งยองบนยอดเขามองลงมา พุ่งลงมา ระหว่างที่วิ่งฝ่าสายลมลงมาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากร่างคนกลายเป็นเหยี่ยวท้องน้ำตาล กางสองปีก เกาะบ่าชายร่างกำยำ
ชายร่างใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีขาวตัวใหญ่ แต่ความจริงคลุมแค่ไหล่ เปลือยครึ่งตัวบน เปิดหน้าอกคนนั้น เส้นผมยาวสีแดงถูกเขาแหลมงอแหวกออก ยาวไปข้างหลังเหมือนน้ำตก
เขาดึงฝักดาบยาวขึ้นมาดังชิ้ง ก่อนเอ่ยราบเรียบ “เผ่าปีศาจบุพกาล…เผ่าชั้นต่ำเช่นนั้น แน่นอนว่าเอามาเทียบกับข้าไม่ได้”
สายตาบุรุษสูงใหญ่มองผู้บำเพ็ญโลกเทาที่กุมท้องอยู่ช้าๆ เขาเอามือคลึงระหว่างคิ้ว เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคือ ‘จิ้งจอกลม’ เคยเห็นเจ้าบนสนามรบโลกเทาไกลๆ ครั้งหนึ่ง ได้ยินว่าเจ้าเก่งมากเลยรึ ดูท่าองค์ชายต้าสุยคงจะเปิดแดนต้องห้าม เลยเชิญเจ้ามาคุ้มกัน…ใช่หรือไม่”
จิ้งจอกลมหน้าซีดขาว เขาปล่อยมือนั้นที่กุมท้อง ก้มหน้ามอง คราบเลือดในมือมีความลวกร้อน หลังถูกบุรุษคนนี้แทงดาบใส่ท้อง เส้นเลือดลมของเขาก็เริ่มลุกไหม้
สนามรบโลกเทา มีผู้บำเพ็ญอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์และก็ของเผ่าปีศาจ…หากลั่วฉางเซิงของเผ่ามนุษย์ก้าวสู่สนามรบโลกเทา เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายสังหารอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจ
เยี่ยหงฝูกับเฉาหลัน พวกนี้เป็นผู้บำเพ็ญอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งภายในเผ่าปีศาจ
เทียบกับแสงสว่างของพวกเขาแล้ว นกกระจอกเงิน จิ้งจอกลมและมังกรอัสนี…ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
และหากเผ่ามนุษย์จัดรายนามอัจฉริยะเผ่าปีศาจ บุรุษตรงหน้านี้ก็จะอยู่อันดับสูงสุดอย่างแน่นอน
ยอดปีศาจหนุ่มที่ไม่รู้เบื้องหลังคนนี้ เพิ่งมาสนามรบโลกเทาครั้งแรกก็สังหารผู้บำเพ็ญขอบเขตที่แปดไปหลายคน ก่อกวนเมฆลมไปช่วงเวลาหนึ่ง ต่อมาเฉาหลันออกหน้า สองฝ่ายสู้กันยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
ตอนนั้นจิ้งจอกลมเพียงแค่มองอยู่ไกลๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่ายอดปีศาจคนนี้จะจำตนได้
เขาเงยหน้าขึ้นพูดเสียงแหบ “เขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณเป็นถิ่นของต้าสุย เจ้าไม่กลัวคนของสามกรมมาสังหารเจ้ารึ”
ยอดปีศาจหนุ่มหัวเราะ เขายักไหล่ พูดเบาๆ “ข้ากลัวมากเลย…ผู้บำเพ็ญขอบเขตที่สิบของสามกรมน่าจะเฝ้าอยู่ที่ราบสูงเทพสวรรค์กระมัง วันล่าเหยื่อต้าสุยดำเนินมาหลายร้อยปี เมืองราชาเผ่าข้ารู้กฎในนั้นมานานแล้ว มีคนจ่ายอย่างมหาศาลพยากรณ์การเปิดของแดนต้องห้ามบุพกาลครั้งนี้ ในเมื่อข้ากล้ามา ย่อมไม่กลัวถูกพวกเจ้าพบ”
เขากดฝ่ามือลง ขยับฝักดาบช้าๆ พร้อมดึงออกมาทุกเมื่อ
ผู้บำเพ็ญแดนประจิมสามคนเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ
“เจอข้ายังไม่คิดจะหนีก่อน ในรถม้านี่ของพวกเจ้า…มีอะไรอยู่ข้างในกัน” ยอดปีศาจหนุ่มรู้สึกขำ เขาพูดพึมพำ “ของที่แม้แต่องค์ชายต้าสุยยังให้ความสำคัญมาก…น่าเสียดายที่ข้าไม่มีเวลา ได้แต่ฟันทั้งคนทั้งของไปด้วยกัน”
จิ้งจอกลมหรี่ตาลง
ยอดปีศาจหนุ่มที่หยุดท่าดึงฝักดาบพลันเก็บรอยยิ้ม ชูฝักดาบขึ้นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ยังไม่ชักดาบ ก็เกิดเมฆพายุขึ้นกลางฟ้าดิน พลันเปลี่ยนสีไป
พื้นดินแตกเป็นชั้นๆ อำนาจคุกคามน่ากลัวแผ่เข้ามา หินแตกลอยขึ้น เหยี่ยวที่เกาะบ่ายอดปีศาจหนุ่มเบิกตาโต พร้อมตบปีกบินตลอดเวลา
สองมือจับด้ามดาบยาว ดาบที่เข้าฝักฟันออกไปหนึ่งดาบ
ภายในภูเขาแดงมีเพียงปราณดาบเดียว
ลุกไหม้โชติช่วง ดุจแสงสวรรค์
อำนาจสวรรค์ไม่อาจต่อต้าน