บทที่ 218 ชื่อของศิษย์!

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 218 ชื่อของศิษย์!

บทที่ 218 ชื่อของศิษย์!

เพียงแค่ชั่วอึดใจ ดาบฟันลงอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย เขาฟันผ่ากลางแยกหัวช้างแมมมอธทันที ครั้งนี้ไม่มีการปะทะกันใหญ่โตไม่มีการระเบิดใดๆ ทุกอย่างเงียบสงบ

แต่ในสายตาของหลิวป๋าจิ๋นนิ่งราวกับยาวนานนับพันปี

เขามองร่างช้างแมมมอธค่อยๆ ถูกแยกออกจากกัน ไม่มีแม้กระทั่งเลือด ไม่มีกระทั่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ทุกอย่างนั้นเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆเลย!

จนกระทั่งเปลวไฟถูกจุดจากภายในร่าง ยักษ์ใหญ่คำรามออกมาพร้อมจิตสังหารแต่ตามสิ่งที่รอมันอยู่ก็คือความตายที่โหดร้าย ก่อนที่มันจะตายการเคลื่อนไหวของมันครั้งสุดท้าย คือจ้องเขม็งไปทางฉู่เหินราวกับต้องการจดจำอีกฝ่ายเอาไว้

เปลวไฟที่ลุกโชติเผาร่างของสัตว์ยักษ์จนกลายเป็นขี้เถ้าหายไปกับสายลม เศษขี้เถ้าที่เหลือจากการเผาลอยไปตามสายลมจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

ฉู่เหินมองดาบวงพระจันทร์ในมือด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ไฟที่ลุกโชนนั่นเป็นฝีมือของเขาแน่ๆ แต่มันแตกต่างกับเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นเพราะดาบวงพระจันทร์ในมือของเขาอย่างแน่นอน

ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าดาบเล่มนี้ไม่ใช่แค่สามารถทลายการป้องกันเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มการโจมตีได้อีกหลาย 10 เท่ายิ่งทำให้มันกลายเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งขึ้น

นอกจากฉู่เหินแล้ว ฉู่เฟิงเองก็มองดาบอ่อนลายงูในมือของเขาอย่างรักใคร่ถึงหน้าตาของมันจะธรรมดามากๆ แต่มันแกร่งพอๆกับดาบวงพระจันทร์ของฉู่เหินเลยด้วยซ้ำ

ดาบอ่อนนี้ก็สามารถทลายการป้องกันได้เช่นกัน ถ้าเขามีของล้ำค่านี้มันจะเพิ่มพลังการโจมตีให้กับเขาไม่รู้กี่เท่า

“เสี่ยวฉู่ ไม่สิคุณฉู่ พวกคุณเก่งมาก” หลังจากเรื่องสงบลง หลิวป๋าจิ๋นก็ออกมาจากบ้าน ใบหน้าที่โผล่ออกมานั้นมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าเพราะเขากำลังอดทนต่ออาการบาดเจ็บ

“อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี อย่าออกมาดีกว่าครับ เดี๋ยวจะรักษายากกว่าเดิม” ฉู่เหินรีบเดินเข้าไปประคองร่างของอีกฝ่าย เขารู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธที่เขาสร้างให้ละก็ การต่อสู้คงไม่ง่ายดายขนาดนี้

ตอนนี้สายตาของหลิวป๋าจิ๋นเต็มไปด้วยความชื่นชม แม้แต่วิธีเรียกฉู่เหินก็เปลี่ยนไปด้วย แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้สังเกตเลย

“ท่านฉู่ ผมฝันที่จะฝึกวิชามาตั้งแต่เด็กแล้ว นี่ต้องเป็นเพราะโชคชะตาอย่างแน่นอน ช่วยรับผมเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะ” หลิวป๋าจิ๋นเอ่ยออกมาแล้วมองอย่างจริงใจ โดยที่ฉู่เหินนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี ในที่สุดเขาก็พูดออกมา

“งั้นก็รีบไปพักเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะได้เปลี่ยนจากสอนฝึกวิชา เป็นจัดงานศพให้นะครับ!” ฉู่เหินนั้นเดินไปโดยที่ไม่รีรอ ถ้ามีคนอยากฝึกละก็ เขายินดีที่จะสอนให้อยู่แล้ว

“การฝึกกับท่านจะทำลวกๆ ได้ไง ถ้าท่านฉู่ไม่รับผมเป็นศิษย์ ผมจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้แหละ” เมื่อมองไปทางร่างที่คุกเข่าให้ฉู่เหินก็พูดอะไรไม่ออก

“ไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหนครับเนี่ย?” ฉู่เหินอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย

“เคยเห็นในทีวีน่ะ ถึงผมจะล้าหลังแต่ว่าก็ไม่ได้โง่นะ!” คำพูดของเขาทำให้ฉู่เหินไม่กล้าที่จะถามต่อ เขาจึงได้แต่พยักหน้าแบบงงๆ ส่วนหลิวป๋าจิ๋นก็ดีใจอย่างออกนอกหน้า

“ขอชื่อใหม่ด้วยสิครับ ผมเคยว่าหลังจากที่ฝากตัวเป็นศิษย์แล้วก็จะได้รับชื่อใหม่ ช่วยตั้งให้กับผมที ผมเบื่อชื่อเก่าแล้ว อีกอย่างนั่นไม่ใช่ชื่อที่ดีเลย”

หลังได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ทำอะไรไม่ถูก เขาอยากถามเหลือเกินว่าพวกเราไม่ใช่นักบวชหรืออะไรแบบนั้นจะเอานามแฝงไปทำไม? แต่ฉู่เหินก็เดาเอาเองว่าอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ชอบชื่อของตัวเองเท่าไหร่นัก

“งั้นก็เอาเป็นจือจู่ละกัน มันแปลว่าความพึงพอใจ เป็นชื่อที่ดีใช่ไหมล่ะ?

ผู้สร้างความพึงพอใจ หวังว่าอนาคตที่สดใสจะรอคุณอยู่นะ” ฉู่เหินพูดหลังจากคิดอยู่นาน

“หลิวจือจู่ เจ๋ง ดีกว่าชื่อเก่ามากเลย ท่านอาจารย์รู้ไหมว่า สองปีก่อนผมอยู่ในเมืองเป็นเด็กส่งของ มีบ้านหนึ่งต้องส่งแอปเปิ้ลไปให้ตั้ง 10 กล่อง คุณรู้ไหมว่าบ้านเธออยู่ตั้งชั้น 7 ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยนะ เพราะว่าบนตึกไม่มีลิฟต์ ตอนนั้นเหนื่อยจนพูดไม่ออกเลยแหละ”

“หลังจากที่ส่งแอปเปิลไป เจ้าของก็แบ่งมาให้บางส่วนเป็นการตอบแทนด้วยนิดหน่อย แล้วเขาก็ถามชื่อของผม ผมก็บอกไปตรงๆ แต่พอคำว่า

หลิวป๋าจิ๋น 3 คำนี้ออกจากปากเท่านั้นแหละ เจ้าของบ้าน ก็ไม่พอใจบอกว่าคนอะไรถามดีๆ จะขโมยของกันซึ่งๆหน้า อีกทั้งยังขโมยถึงป๋าจิ๋น*

ถ้าไม่ใช่ว่าผมเอาบัตรประชาชนให้ดู ผมคงโดนจับส่งตำรวจไปแล้ว”

(*八斤 ปาจิน = จินในภาษาจีนแปลว่าครึ่งกิโล ปาแปลว่าแปด เจ้าของบ้านเข้าใจว่าจะขอแบ่งแอปเปิ้ลแปดจิน = 4 กิโล)

เมื่อได้ยินเรื่องของป๋าจิ๋น ไม่สิ ตอนนี้คือจือจู่ ใบหน้าฉู่เหินก็ยิ้มออกมา

“ผมไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่นานนัก ผมจะให้ผู้อาวุโสปลาหมึกพาคุณไปที่บ้านของผม หลังจากที่ผมจัดการธุระเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยมาจัดการเรื่องฝึกวิชาอย่างจริงจัง แล้วพอถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ผมถึงจะยอมรับคุณเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการเอง”

ในความคิดฉู่เหินถ้าขยันฝึกด้วยตัวเอง ไม่นานก็ถึงขั้นเต๋าได้แล้วจากการที่เขาฝึกด้วยตัวเขาเองทำให้เขาคิดแบบนั้น….แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนอื่นจะเก่งแบบเขาต้องฝึกกันทั้งชีวิต!! เขาคิดจริงๆว่าหากจือจู่ขยันฝึกไม่กี่เดือน แม้ว่าจะไม่เก่งเท่าเขา แต่ก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ๆ

ฉู่เหินให้บัตรเครดิตกับผู้อาวุโสปลาหมึกไว้ ในนั้นมีวงเงินอยู่ 100,000 หยวน เขาฝากให้ผู้อาวุโสปลาหมึกพาจือจู่ไปซื้อของที่จำเป็นมาจากในเมือง จากนั้นก็ติดต่อหาชิงเฟิงเพื่อให้มาช่วยพาทั้ง 2 คนกลับไป

จือจู่นั้นแทบไม่มีอะไรติดตัวไปเลย เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าจะเอาอาวุธที่มีอยู่มากมายหลังบ้านไปยังไง โชคดีที่ฉู่เหินอาสาจะเอากลับไปให้

หลังจากที่ทั้งสองจากไป ฉู่เหินก็ไปเก็บอาวุธหลังบ้านมาทั้งหมด เขาไม่คิดที่จะเก็บเอาไว้ใช้คนเดียวหรอก แต่ซองธนูพวกนี้ฉู่เหินมองว่ามันมีประโยชน์ต่อเขา แถมจือจู่ก็บอกว่าให้เขาเอาไปใช้ได้เลย

หลังจากจัดการทุกอย่างจนเสร็จแล้ว ฉู่เหินก็เตรียมวางกับดักเอาไว้ที่นี่ เพราะคนที่เขาสู้ด้วยก่อนหน้านี้จะต้องย้อนกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน!!