“โฟบี้…”

เย่เทียนพูดเบาๆ.

“ค่ะเจ้านาย!”

โฟบี้ตอบอย่างเคารพ.

“บอกข้ามาซิ, เจ้าชอบชีวิตที่นี่หรือป่าว?”

เย่เทียนถามอย่างนุ่มนวล.

“ชอบ?, ค่ะ ข้าชอบมากๆ!”

ยักษ์สาวพยักหน้าด้วยความรู้สึกยินดีและตอบอย่างจริงใจ.

“เจ้าบอกข้าได้ทำไมว่าทำไม?”

เย่เทียนยิ้มแล้วถาม.

“ได้กินดี, ใส่ชุดอุ่นๆ, สวย…..หลับ…ดี, ไม่มีสัตว์ร้าย, สะอาดและปลอดภัย. โฟบี้ก็ชอบเจ้านายและอยากสืบพันธุ์กับเจ้านายของเธอ….”

โฟบี้คิดหาคำจะตอบเย่เทียนจริงจังมาก. ตอนแรกเย่เทียนพยักหน้าด้วยความพอใจแต่พอได้ยินเหตุผลอันหลังเย่เทียนเกือบจะสำลัก.

แต่หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางโฟบี้อย่างจริงจังและเห็นว่ารูปร่างเธอนั้นดูดีมาก, เซ็กซี่และใบหน้าของเธอเองก็อ่อนหวานมากเช่นกัน. ถ้าขนาดเธอเล็กลงอีกซักหน่อยล่ะก็ เธอก็น่าจะเป็นหญิงงามหายากเลยแหละ.

ทันใดนั้นก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเย่เทียน “ความสูงไม่ใช่ปัญหาในแนวราบหรอกนะ!”

ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนก็มั่นใจมากว่าไม้จิ้มฟันคงเอาไปคนแท๊งน้ำไม่ไหวหรอก.

ไม่นานเขาก็ส่ายหัวแล้วโยนความคิดบ้าๆในหัวทิ้งไป.

“โฟบี้, เจ้าอยากจะพาคนในเผ่าของเจ้ามาที่นี่หรือไม่? พามาใช้ชีวิตที่มีความสุข, ได้กินดีอยู่ดี อบอุ่นและได้นอนหลับโดยไม่ต้องทนแดดทนฝน?”

เย่เทียนถามยักษ์สาว.

ถ้าจะพูดว่าเขาไม่สนใจพวกยักษ์เลยก็ดูจะเป็นการโกหกไปหน่อย, โดยเฉพาะเวลาคิดถึงตอนที่พวกยักษ์คอยคุมบาลิสต้า, เขาเริ่มอยากจะเลี้ยงยักษ์ไว้ซะแล้วสิ.

พลังยิงของบาลิสต้านั้นแข็งแกร่งมากจริงๆแต่ยิ่งมันแข็งแกร่งมากเท่าใด มันก็ต้องใช้แรงดึงสายมากเท่านั้น.

ลองคิดดูว่าบาลิสต้านั้นเป็นอาวุธที่ใช้งานได้ยากถึงขนาดว่ามันไม่สามารถใช้คนธรรมดาดึงสายได้ จึงต้องใช้วัวลาก. ดังนั้นมันจึงถูกทิ้งไปเพราะไม่สามารถทำงานได้สะดวก.

ในสนามรบน่ะมีโอกาสเดียวที่จะได้ยิงบาลิสต้าก่อนที่ศัตรูจะมาถึงตัวซะอีก.

แต่ถ้าเอาบาลิสต้าให้พวกยักษ์จัดการล่ะก็ มันก็จะสมบูรณ์แบบ.

จะควบคุมบาลิสต้าได้ง่ายๆก็ต้องใช้ยักษ์หนุ่มอย่างมากก็2คนเอง. เมื่อบาลิสต้าลงสนามรบพร้อมกับพวกยักษ์แล้วล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นปืนกลดีๆนี่เอง.

ไม่ว่ากองทัพจะเป็นแบบใด, ถ้ามาเจอกับหอกยาว3-4เมตรแล้วล่ะก็คงต้องพบจุดจบราวกับตั๊กแตนติดกับแน่ๆ.

ยักษ์กับบาลิสต้า!

เป็นอะไรที่เหมาะสมกันจริงๆ!

เมื่อเย่เทียนสร้างกองทัพที่น่ากลัวแบบนั้นได้แล้วใครหน้าไหนจะกล้ามาท้าทายเขาอีก. ถ้ามีคนมาทำให้เขาไม่พอใจจริงๆล่ะก็ เขาก็จะสั่งให้พวกยักษ์ลากบาลิสต้าไปถล่มบ้านมันให้หมด.

แต่พอคิดถึงเวาเชอร์ตั้ง15,000ใบนั้น เย่เทียนก็รู้สึกทั้งกลัวแล้วก็เหวอไปพร้อมๆกัน.

เทรดดิ้งเวาเชอร์นั้นหาได้ยากมากเพราะระบบมันจะให้ภารกิจนานๆที. ถ้าไม่ใช่เพราะระบบมันคอยเตือนเรื่องค่าความภักดีล่ะก็ เขาคงคิดว่าระบบมันหายไปแล้วมั้ง.

ดูเหมือนว่าระบบนี้มันพึ่งพาไม่ค่อยได้เท่าไหร่. สิ่งที่ต้องทำก็มีแค่ทำให้ทาสสิโรราบ, เพิ่มค่าความภักดีแล้วก็เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายโฮสต์. มีภารกิจอยู่นิดเดียวเอง.

แต่ทีนี่มันก็แค่โลกโบราณธรรมดาๆอะนะ ระบบมันคงจะไม่มีฟังก์ชั่นเทพๆแบบนั้นหรอก.

“คนในเผ่า? หมายถึงพวกเดียวกับข้างั้นหรอคะ?”

พอคิดถึงเรื่องนี้โฟบี้ก็ถามเย่เทียนพร้อมเอียงหัว.

“ใช่แล้ว, พวกที่สูงเหมือนกับเจ้า, ที่อยู่กับเจ้ามาก่อน….”

เย่เทียนอธิบายอย่างอดทน, พูดศัพท์ให้โฟบี้ฟังเยอะเกินไปในเวลาสั้นๆแบบนี้เลยทำให้เธอหัวแทบระเบิด.

“พวกเขา…..อาจจะ…ไม่มา, ไม่ชอบ….พวกแคระ…พวกแคระโหดร้าย…”

พอคิดอยู่พักหนึ่งโฟบี้จึงพูดเป็นคำๆแต่เย่เทียนก็เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อได้ ซึ่งนั่นแปลว่าความกลัวต่อมนุษย์นั่นเอง.

มนุษย์เป็นแค่พวกแคระในสายตาของยักษ์งั้นเหรอ?

ก็นะมนุษย์เราก็เตี้ยกว่าจริงๆถ้าเทียบกับพวกยักษ์.

“ไม่ชอบมนุษย์งั้นเหรอ? ทำไมข้าได้ยินมาว่าพวกยักษ์หนุ่มในเผ่าของเจ้าชอบออกมาลักพาตัวสาวมนุษย์ล่ะ?”

เย่เทียนยืนนิ่งแล้วถาม.

“ไม่ใช่….ไม่ใช่พวกเราค่ะ มันคือพวกเดรัจฉาน…”

โฟบี้อธิบาย.

“เดรัจฉาน? มีเดรัจฉานอยู่จริงๆหรอ?”

เย่เทียนถามด้วยความตกใจ.

“พวกมันอุบาถว์และเหม็น….”

โฟบี้พูดด้วยความขยะแขยง.

“ในเผ่าของเจ้ามีพวกเจ้าอยู่กี่ตน?”

เย่เทียนถาม.

“เยอะ…ไม่สิ, ไม่เยอะ….”

โฟบี้มองนิ้วของเธออย่างจริงจังแล้วค่อยๆนับแต่นิ้วมือ10นิ้วสงสัยจะไม่พอให้เธอนับ เธอจึงพูดลอยๆ.

“เอ่อ, สงสัยคำถามนี้จะยากกับเจ้าไปหน่อย. เจ้าพาข้าไปหาเผ่าของเจ้าได้มั้ย?”

เย่เทียนยิ้มแล้วถามแต่โฟบี้ก็ส่ายหัว.

“เจ้าจะห้ามข้ารึ?”

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย.

“ไม่คะ…เจ้านาย, ข้าเต็มใจช่วยแต่….ถ้าพวกแคระเจอเข้า, เราจะย้ายถิ่น….ข้าหาไม่เจอค่ะ…..”

โฟบี้พูดด้วยความลนลาน.

พวกนั้นระวังตัวเก่งเหรอ? หรือแค่ตาขาวกันนะ….

เย่เทียนอดยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ได้, แผนเรื่องยักษ์คงจะไหลหายไปกับน้ำแล้ว. อีกอย่างเย่เทียนก็มีหลายอย่างต้องทำด้วยตอนนี้. ถ้าเขารู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกยักษ์แล้วล่ะก็ เขาก็จะไปจับมาทันทีแต่ถ้าต้องไปตามหาล่ะก็ คงจะเสียเวลามากๆแน่.

“บอกข้าได้ไหม, ในป่าน่ะมีอะไรที่ทำให้เจ้ากลัวมากที่สุด?”

เย่เทียนอยากจะศึกษาป่ามายันจากเธอ.

เย่เทียนที่มาจากอนาคตนั้นค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นโลกของชาวมายันที่เป็นอารยธรรมลึกลับอย่างมาก.

แต่อารยธรรมมายันที่เขารู้มานั้นไม่ได้มาจากฝั่งยุโรปแต่เป็นละตินอเมริกา. มันเป็นอารยธรรมของชาวอินเดียแดง. จักรวรรดิ์มายันนั้นไม่เพียงแต่มีอำนาจเท่านั้น ทั้งยังค่อนข้างลึกลับอีกด้วย.

จากปี1800ก่อนคริสต์กาลถึงค.ศ. 1524, อารยธรรมนั้นอยู่มานานกว่า3,000 ปีแต่จู่ๆมันก็ล่มสลายไปในช่วงต้นศตวรรษที่16 ทำให้ผู้คนรุ่นหลังๆต่างพากันสงสัยมาก.

ป่ามายันของกรีซโบราณ, ขนาดเย่เทียนที่มาจากอนาคตก็ไม่เคยได้ยินถึงมันมาก่อน.

ดังนั้นเขาจึงสงสัยเกี่ยวกับป่านี้มากๆ.

ตอนนี้เขารู้แค่ว่ามีเผ่าลึกลับ2เผ่าในนั้น พวกยักษ์และเดรัจฉาน. จะมีเผ่าพันธุ์วิเศษอื่นๆที่หายสาบสูญไปในอนาคตอีกหรือป่าวนะ?

“กลัวหรอคะ?”

ยักษ์สาวมองมาทางเย่เทียนอย่างสงสัย.

“ใช่, พวกตัวใหญ่ๆที่ทำให้เจ้าวิ่งหนีทันทีที่เห็นน่ะ….”

เย่เทียนอธิบายอย่างอดทนว่า ถึงแม้พวกยักษ์จะขี้ขลาดแต่เขาก็ไม่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆจะทำให้พวกนี้วิ่งหนีได้แน่.