หรานจิงพลันหรี่ตาและมองไปยังเสี่ยวเฉิง “ฉันเองก็มีเรื่องที่กำลังสงสัยแล้วก็อยากจะถามอยู่เหมือนกัน นายวิ่งไปช่วยเด็กนักเรียนที่อยู่ไกลตั้งยี่สิบเมตรภายในเวลาสองวินาทีได้ยังไงกัน? สถิติโลกของยูเซนโบลต์ในการวิ่งระยะหนึ่งร้อยเมตรคือเก้าจุดหกเก้าวินาที นั่นหมายความว่ายูเซนโบลต์สามารถทำความเร็วได้ประมาณสิบเมตรต่อวินาที แต่ตอนนั้นนายไม่ได้วอร์มร่างกายก่อนออกวิ่งเลยด้วยซ้ำ สรุปแล้วนายวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

ทันใดนั้น เซินเหยาก็พลันรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เธอรีบหันไปถามหรานจิงแทบจะทันที “เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กัน?”

หรานจิงเผยยิ้มและมองไปที่เสี่ยวเฉิง “อย่ามาทำท่าทีเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรหน่อยเลย” จากนั้น เธอก็พลันพูดต่อ “ตอนนี้เพื่อนร่วมงานในหน่วยของฉันกำลังวิเคราะห์ความเร็วของหมอนี่อยู่ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวาน เสี่ยวเฉิงได้ช่วยชีวิตเด็กนักเรียนประถมกลุ่มหนึ่งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เอาไว้ได้ แถมหมอนี่ยังช่วยเราจับกุมคนขับขี้ยาได้อีกด้วย อีกอย่าง ทางเราเองก็จับตาดูไอ้ขี้ยาคนนั้นมานานแล้วเหมือนกัน และแน่นอนว่าพวกเราต้องเป็นฝ่ายผิดแน่ถ้ากลุ่มเด็กนักเรียนประถมถูกรถชนเข้า ยังไงก็เถอะ ฉันก็ต้องขอบคุณนายที่ช่วยเด็กตัวน้อยเอาไว้ได้”

“ถ้าเธอจะมาขอบคุณฉันที่ช่วยพวกเด็กนักเรียนเอาไว้ ก็อย่าทำตัวเหมือนกำลังพยายามตรวจสอบประวัติผู้ร้ายนักสิ ฉันก็ตกใจเป็นเหมือนกันนะ” ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ เขาก็พร้อมที่จะกลับไปออกกำลังกายต่อ

“เดี๋ยวก่อนสิ! นายยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น! บอกฉันมาก่อนสิว่านายรู้ได้ยังไงว่าลูกเต๋าจะออกจำนวนสูงหรือต่ำ?”เซินเหยาพลันลุกขึ้นและดึงเสื้อกล้ามของเสี่ยวเฉิงจนยืดยาวเท่ากับชุดเดรส มันยืดยาวมากเสียจนเสื้อกล้ามของเสี่ยวเฉิงเผยให้เห็นแผงหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสุดแน่น ทันใดนั้นเอง สองสาวก็พลันเบิกตากว้างออกมาพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอไป…

เสี่ยวเฉิงพลันทำอะไรไม่ถูก หลังจากรู้ตัว เขาก็พยายามที่จะเบี่ยงประเด็นอีกครั้ง “งั้น… เธอเล่นรูบิกเป็นไหมล่ะ?”

เซินเหยาพลันส่ายหัว “ไม่เป็น ฉันว่ามันยากไปหน่อย”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า “นั่นแหละคือความแตกต่างระหว่างสมองของเธอกับฉัน แล้วก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน หลักการที่อยู่เบื้องหลังการคาดเดาว่าลูกเต๋าจะออกสูงหรือต่ำก็เหมือนกับการเล่นรูบิกนั้นแหละ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันบอกไปเธอก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี”

ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็เตรียมตัวที่จะเดินออกไป แต่ทว่า เซินเหยาก็พลันจับเสื้อกล้ามของเขาเอาไว้แน่นกว่าเดิม “คิดว่ากำลังจะหลอกใครอยู่กัน? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นฉันจะฉีกเสื้อกล้ามตัวนี้ออกมาให้เหมือนกับที่นายทำวันนั้นเลย!”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหันกลับมา “เต็มที่เลย ฉีกกางเกงของฉันออกไปด้วยก็ได้ เราจะได้เหมือนกันไง”

“ไอ้ทะลึ่ง! ไอ้บ้ากาม!” เซินเหยาจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง

” ฉันก็บอกเธอไปแล้วไงว่าฉันใช้หูของตัวเองนี่แหละคอยฟังว่าลูกเต๋าเคลื่อนไหวยังไง ตอนนี้หัวใจเธอดูจะเต้นเร็วกว่าตอนที่เราจ้องหน้ากันอีกนะ แล้วก็บอกไปแล้วด้วยว่าช่วยเช็ดขี้ตาออกหน่อย อีกอย่าง ใจเธอเต้นเร็วขนาดนั้นก็เพราะได้เห็นกล้ามหน้าอกของฉันใช่ไหมล่ะ?”

“อีตาบ้า! ไปให้พ้นเลยนะ ไอ้คนโรคจิต!”

เสี่ยวเฉิงพลันส่ายหัวพร้อมเผยยิ้มและกำลังจะเดินจากไป ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเซินเหยาจะเริ่มเชื่อเรื่องประสาทรับเสียงของเสี่ยวเฉิงขึ้นมาหน่อยแล้ว “นายได้ยินเสียงใจคนเต้นได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”

เสี่ยวเฉิงพลันหันหน้ากลับมาและมองไปยังเซินเหยา “ก็น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง”

ทันใดนั้น เซินเหยาก็มองไปยังหรานจิง “แล้วเธอล่ะ? เชื่อหมอนั่นหรือเปล่า?”

หรานจิงพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิง “งั้นก็บอกมาหน่อยสิว่าตอนนี้หัวใจฉันเต้นเร็วหรือช้า…”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ถึงตอบไปเธอก็คงจะไม่เชื่อหรอกว่าฉันเจ๋งขนาดไหน แต่ฉันจะบอกให้เรื่องหนึ่งก็ได้ ตอนที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์แล้วก็กำลังจะเปิดประตูน่ะ… ด้วยความที่เธอต้องการรักษาภาพลักษณ์สาวน้อยสุดน่ารักของตัวเอง เธอแอบปล่อยตดออกมาตรงทางเดินด้วยแหละ ถึงมันจะเงียบ แต่ฉันก็ได้ยินอยู่ดี”

ทันใดนั้น หรานจิงที่กำลังยืนอยู่ก็เผยใบหน้าแดงราวกับมะเขือเทศออกมาและจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง

ไม่ช้า เธอก็ตัวสั่นระริกด้วยความโกรธและยกนิ้วชี้หน้าเขาทันที “เสี่ยวเฉิง! นาย… ฉันขอให้นายตายอย่างโดดเดี่ยว! นายตายแน่!”

แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เขาพลันหันหน้ากลับไปพร้อมกับตะโกนออกมา “ดีนะที่ฉันแต่งงานไปแล้ว…”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเดินจากไป หรานจิงก็พลันสลัดภาพลักษณ์ของ ‘หัวหน้าหน่วยอาชญากรผู้ทรงเกียรติและใจเย็น’ ออกไปทันที “นายไม่ตายดีแน่! เสี่ยวเฉิง!”

นอกจากนี้ เซินเหยาที่กำลังยืนอยู่ก็พลันจ้องมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวผู้หัวร้อนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า…