ด้วยเรื่องจริงที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้ซีเว่ยรู้สึกกลัว เขาจึงหลบหนีไปพร้อมกับร่างของเจ้าแห่งน้ำ เขานำมันกลับไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาทันที

จากนั้นเขาก็ทุบมันและดูดซับอัตลักษณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแห่งน้ำอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะใช้เวลาย่อยพอสมควร แต่อย่างน้อยของดี ๆ ก็ไม่ได้นอนอยู่เฉย ๆ รอให้คนอื่นมาเอามันไป มันปลอดภัยในท้องของเขา…

แต่เมื่อเขากลืนเจ้าแห่งน้ำเสร็จ ซีเว่ยก็สงสัยว่าบางทีเขาอาจจะประมาทเกินไป

ร่างของเทพเจ้ายังมีร่องรอยความทรงจำของพวกเขาเหลืออยู่ เมื่อซีเว่ยมาถึงโลกนี้ครั้งแรก เขาก็ได้อาศัยความทรงจำของเทพเจ้าแห่งเกมคนก่อนเพื่อเริ่มต้น เทพกระดูกเน่าก็เหมือนกับเขา เป็นเทพแรกเกิด พวกเทพเจ้าแรกเกิดจะมีความรู้เพียงเล็กน้อย ความทรงจำที่เขาได้รับจากเทพกระดูกเน่านั้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเรเวแนนท์ และไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา

แต่เจ้าแห่งน้ำนั้นไม่ใช่ เขาเป็นเทพอาวุโสและแม้เขาจะถูกทำลายไปแล้ว เขาก็ยังมีความทรงจำเก่าแก่อยู่มาก

มีความลึกลับโบราณอีกมากมายที่ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกมนุษย์ไม่เคยรู้

ตัวอย่างเช่น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้เคยสูญพันธุ์ไปแล้วครั้งหนึ่ง เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นรุ่นที่สองที่เทพเจ้าสร้างขึ้นมาใหม่

ความลับอีกอย่างหนึ่งก็คือ เคยมีสงครามเทพเจ้ามาแล้ว 3 ครั้งในอดีต ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างเทพเจ้าและผู้ถูกเนรเทศ ครั้งที่สองคือเทพเจ้าโบราณและเทพเจ้าใหม่ ครั้งที่สามสอดคล้องกับความทรงจำที่เขาสืบทอดมาจากเทพเจ้าแห่งเกม สงครามเทพปีศาจ ซึ่งทำให้ทวีปแตกออกเป็น 7 ส่วน

นานมาแล้วเทพเจ้าแห่งเกมเดิม ได้ถูกสังหารโดยเทพเจ้าอื่น และพลังบางส่วนของเขาก็ถูกขโมยไป แต่ไม่มีใครยึดอิทธิพลของเขาหรือแทนที่บทบาทของเขาได้ ดังนั้นการต่ออายุศรัทธาจึงสามารถช่วยชีวิตเขาได้

แน่นอนว่าความลับเหล่านี้ยังห่างไกลจากสิ่งที่ซีเว่ยกลัว เพราะสภาพที่ไม่ดีของร่างเจ้าแห่งน้ำ ความทรงจำส่วนใหญ่จึงมืดมัวและไม่ชัดเจน เขาเลยรู้เพียงความคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่รายละเอียดทั้งหมดนั้นสับสน ไม่มีความหวังที่จะกู้คืนความทรงจำในส่วนนี้

มันเป็นอย่างอื่นที่ทำให้เขากลัว

ก่อนที่เขาจะอ้างสิทธิ์ในซากของเจ้าแห่งน้ำ ซีเว่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู้ที่เอาชนะเจ้าแห่งน้ำในสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำไม ‘โพรมีธีอุส’ เทพขโมยไฟ ถึงไม่ดูดซับอัตลักษณ์ความเป็นเทพของเจ้าแห่งน้ำในตอนนั้น?

คำตอบก็คือ หลังจากที่โพรมีธีอุสทุบกะโหลกและบดขยี้ร่างของเจ้าแห่งน้ำแล้ว เทพธิดาสมุทรก็มาถึงทันเวลาและเตะตูดเขาออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะโพรมีธีอุสวิ่งหนีเร็วมาก เขาอาจจะถูกเทพธิดาสมุทรฆ่าตายในช่วงสงครามไปแล้ว

แม้ว่าเทพธิดาสมุทรจะไม่ได้เป็นหนึ่งในเทพบิดรทั้งเจ็ด แต่เธอก็เป็นเทพอาวุโสที่ทรงพลังอย่างมาก อิทธิพลของเธอมีอำนาจสูงสุดเหนือมหาสมุทร นอกจากเจ้าแห่งน้ำแล้ว เขายังมีเทพใต้บังคับบัญชา เช่นเจ้าแห่งคลื่น เทพเจ้าแห่งน้ำวนและสึนามิ ผู้เรียกอุทกภัย และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในแง่ของพลัง เธออยู่ไม่ไกลจากเทพบิดรทั้งเจ็ด เมื่อเจ้าแห่งน้ำผ่ายแพ้ เทพธิดาสมุทรก็เรียกสึนามิขนาดยักษ์มาถล่มแผ่นดิน และดับไฟทั้งหมดเพื่อทำลายเทพขโมยไฟ โดยไม่สนเทพขโมยไฟและเทพน้อยตนอื่น ๆ ที่ต้องโดนลูกหลงไปด้วย

เทพบิดรทั้งเจ็ดผู้ซึ่งมีผู้ศรัทธาอยู่ทั่วแผ่นดิน ตามธรรมชาติ พวกเขาไม่อาจปล่อยให้เทพธิดาสมุทรทำอะไรที่โง่เขลาเช่นนี้ได้ พวกเขาโค่นล้มเทพธิดาสมุทรและทำให้เธอสาบานว่าจะไม่มาเหยียบผืนดินอีก และส่งเธอกลับไปยังห้วงสมุทรด้วยความอับอาย

หลังจากนั้น เทพธิดาสมุทรก็ได้รวบรวมเศษซากของเจ้าแห่งน้ำ และฝังเขาเอาไว้ในทรายตรงชายฝั่งทะเล เขาสั่งให้มนุษย์กบรักษาความศรัทธาต่อเจ้าแห่งน้ำ โดยหวังว่ามันจะรักษาเจ้าแห่งน้ำได้ในสักวัน

เมื่อขั้นตอนการรักษาเสร็จสมบูรณ์ มันก็ขึ้นอยู่กับเทพธิดาสมุทรที่จะรับผู้มาใหม่ให้กลายเป็นเจ้าแห่งน้ำคนต่อไป หรือปล่อยให้เทพเจ้าใหม่ของท้องทะเลปรากฏขึ้นตามธรรมชาติ

แต่ในระหว่างการถือกำเนิดใหม่ของเทพเจ้า ซีเว่ยก็ได้บุกเข้ามาและปล้นร่างของเขาไป

เมื่อเทพธิดาสมุทรค้นพบเรื่องนี้ ซีเว่ยก็น่าจะต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโส

“อย่าพึ่งตกใจ…เทพแก่ ๆ มักจะทำอะไรช้าเป็นเรื่องปกติ” ซีเว่ยพยายามปลอบใจตัวเอง “ฉันทำได้ ตราบใดที่ฉันทำงานเร็วพอ ฉันก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานักหรอก!”

ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในท้องเขาแล้ว แม้ซีเว่ยจะอ้วกเอาร่างเทพออกมา และส่งคืนให้กับเจ้าของที่ถูกต้อง เขาก็อาจจะโดนตบกระเด็นติดกำแพงเหมือนเดิม

ในกรณีนี้แทนที่จะกังวล เขาจะใช้ความกดดันเป็นพลังในการขับเคลื่อนผู้เล่น เขาจะรับสมัครผู้เล่นเข้ามาให้มากขึ้นและขยายศาสนจักรของเขาออกไปเรื่อย ๆ

หากเขามีผู้ติดตามมากพอ ก็เป็นไปได้ที่เขาจะยืนหยัดต่อสู้กับเทพธิดาสมุทร

ยิ่งไปกว่านั้น เทพธิดาสมุทรก็สาบานไว้แล้วว่าจะไม่เหยียบผืนดินอีกไม่ใช่เหรอ หากเขาถูกค้นพบเร็วเกินไปและอีกฝ่ายมาเคาะประตูบ้านเขาตรง ๆ เขาจะหนีไปยังโลกมนุษย์และหลบซ่อนตัว รอจนกว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะมีโอกาสเอาชนะเทพธิดาสมุทร

เมื่อคิดได้แบบนี้ ซีเว่ยก็จ้องมองลงไปยังโลกเบื้องล่าง มองไปยังผู้เล่นของเขา

“พวกนายต้องทำงานให้หนักขึ้น…”

“ฮัดชิ่ว!” โจจาม

“เงียบ ๆ สิเจ้าโง่! ถ้าศัตรูได้ยินเราล่ะ?” เอ็ดเวิร์ดกระซิบขู่

“โทษที จมูกข้ามันคัน” โจสูดหายใจเข้าแล้วพูดเสียงอู้อี้ “ข้ารู้สึกว่าจู่ ๆ ข้าก็เต็มไปด้วยพลัง เทพเจ้าของเราจะต้องกำลังเฝ้าดูพวกเราอยู่แน่!”

“ไม่จริง เจ้าพึ่งแข็งตายไปก่อนหน้านี้ และเอลีน่าพึ่งชุบเจ้าต่างหาก” โกวต้านกระซิบ “ข้าแน่ใจ ว่าเจ้ารู้ว่าเจ้าจะได้รับ HP และ MP เต็มหลอดจากการฟื้นคืนชีพ”

“อะไรนะ! การนอนบนหิมะทำให้เราตายได้เร๊อะ?”

“พูดอะไรของเจ้า ถ้าเจ้าแช่อยู่ในหิมะค่อนวันเจ้าก็ต้องแข็งตายอยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ดูแถบ HP ของเจ้า แต่เจ้าจะไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเจ้ากำลังจะตาย!” เอ็ดเวิร์ดพึมพำ “นี่เจ้าคิดว่าเครื่องดื่มร้อนมีไว้เพื่ออะไร?”

“เจ้าควรตั้งค่าความเจ็บปวดเอาไว้เล็กน้อย” โกวต้านแนะนำ “นั่นจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรกำลังคุกคามชีวิตเจ้า”

“เอลีน่าอยู่ไหน ข้าคงต้องไปขอบคุณเธอสักหน่อย” โจเกาหัว

“เธอกลับไปอยู่กับมนุษย์กบแล้ว” เจสสิก้ากระซิบตอบ “หากไม่มีเธอคอยอยู่ใกล้ ๆ พวกมนุษย์กบจะกังวล”

ขณะที่พวกเขากำลังกระซิบกระซาบกัน พวกเขาก็ถูกขัดจังหวะโดยวิญญาณคู่หูของโจ ที่ลอยผ่านพุ่มไม้ที่เต็มไปด้วยหิมะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา จากนั้นมันก็ออกท่าทางอย่างเมามัน

เสียงของผู้เล่นที่กระซิบคุยกันเงียบลงทันที

“ศัตรูกำลังมา ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!” เอ็ดเวิร์ดกระซิบ เขาเหลือบมองวิญญาณคู่หูของโจและพูดออกมาอย่างอิจฉา “ถ้าวิญญาณไม่ถูกจำกัดระยะจากผู้ใช้ มันจะเป็นหน่วยสอดแนมขั้นยอด”

ในระยะไกล ขบวนรถม้าเคลื่อนไหวอย่างยากลำบากในป่า คนขับรถม้าก็บ่นอย่างไม่พอใจกับถนนที่ขรุขระและเต็มไปด้วยหิมะ

แต่พอรถม้าเคลื่อนที่มาถึงกลางทาง พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบในป่า

“รัววววว!!”