ตอนที่ 152 วิวัฒนาการความสามารถพิเศษของหลินฟางจือ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

บทที่ 152 วิวัฒนาการความสามารถพิเศษของหลินฟางจือ

บทที่ 152 วิวัฒนาการความสามารถพิเศษของหลินฟางจือ

ซูเถาประหลาดใจเล็กน้อย สือจื่อจิ้นจึงสั่งให้คนขับรถหยุดรถ และลงไปช่วยซูเถาเปิดประตู

“ลงไปเถอะ มันน่าจะพยายามพาคุณไปดูสิ่งที่มันฝังไว้

ซูเถาจําได้ว่า คนของกู้หมิงฉือบอกว่าเฮยจือหม่าฝังอะไรบางอย่าง แล้วปัสสาวะกลบไว้

เอาเถอะ… ด้วยจิตใจที่อยากจะหาแมวให้เจอ เธอยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไปเลย

กลุ่มคนวิ่งกันชลมุนวุ่นวายมายังที่มันฝังของไว้

เฮยจือหม่าใช้จมูกดมฟุดฟิดไปทางซ้ายทีขวาที จนพบตําแหน่งที่ถูกต้อง ก็รีบใช้กรงเล็บทั้งสี่ขาขุดดิน

ด้วยความที่มันฝังเอาไว้ค่อนข้างลึก จนทำให้ต้องเสียพละกำลังไป และในที่สุดซูเถาก็เห็นผลึกนิวเคลียสชิ้นหนึ่งในเนินดิน

หญิงสาวตกตะลึง พลางหยิบมันขึ้นมาปัดดินออก ก็พบว่ามันเป็นของจริง

เสิ่นเวิ่นเฉิงที่ไม่ได้สวมแว่นตา เพ่งอยู่นานถึงได้มองชัด และพูดด้วยความประหลาดใจ

“ไอ้จิ๋วนี่ใช้ได้เลยทีเดียว มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริง ๆ”

ผลึกนิวเคลียสนี้น่าจะเป็นอันที่เขาให้สยงไท่ ต่อมาไม่รู้ว่าทําไมถึงถูกไอ้จิ๋วนี่เอามาซ่อนไว้

หลังจากพูดแล้ว เขาก็หันหน้ามาขอโทษซูเถา

“คุณซู ให้พูดอีก เรื่องนี้ก็อยู่ในความรับผิดชอบของผม ผมเคยอยู่กับสยงไท่อยู่พักหนึ่ง สองสามคืนก่อนที่สยงไท่จับแมวดําตัวน้อยมาที่บ้าน ตอนนั้นผมก็เคยพูดโน้มน้าวสยงไท่แล้วว่าแมวตัวนี้มีเจ้าของ แต่เขาไม่ฟัง ตอนนั้นตัวผมเองยังเอาไม่รอด จึงไม่ได้โน้มน้าวเขามาก ใครจะรู้ว่าเป็นแมวคุณ ต้องขอโทษจริง ๆ”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่จําเป็นต้องขอโทษ” ซูเถาโบกมือพัลวัน

ตอนนั้นที่เธอตามหาเฮยจือหม่าอยู่ เธอไม่ได้โกรธใครเลย

ขณะที่พูด เฮยจือหม่าก็ขุดกล่องเครื่องประดับที่สวยงามออกมาอีกกล่องหนึ่ง

จากที่ดูน่าจะเป็นของที่ผู้หญิงใช้ และน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีเงิน

กล่องทําจากผ้าสักหลาดและหนังกลับ จุดล็อคกุญแจเคลือบสีทอง

“พ่อคุณทูนหัว แกเอามาจากบ้านไหนเนี่ย” ซูเถาประคองมันไว้

ทำแบบนี้ ต้องส่งคืนให้เจ้าของหรือเปล่า?

สือจื่อจิ้นเปิดล็อคอย่างเงียบ ๆ เผยให้เห็นผลึกนิวเคลียสห้าชิ้นที่หักเห เขาหรี่ตามองและโยนให้ซูเถา

“คุณเก็บไว้เถอะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นของถานหย่ง หรือไม่ก็คนระดับสูงข้างกายเขา จุดแวะพักเก่าเป็นสถานที่ที่เล็กขนาดนี้ มีแค่เขาเท่านั้นที่สามารถเก็บได้มากขนาดนี้”

เมื่อซูเถาได้ยินว่าเป็นของถานหย่ง ภาระทางจิตใจก็หายไปทันที แต่ยังคงถามเฮยจือหม่าตัวน้อย

“ให้ฉันได้ไหม”

เฮยจือหม่ากลิ้งตัวอยู่ใต้เท้าของเธอ ยากมากที่จะเห็นเฮยจือหม่าแสดงท่าทางออดอ้อน ซูเถาสามารถเข้าใจทันที ตอนนี้มันเห็นด้วยแล้ว และอยากขอคําชมจากเธอ

เธอยิ้มตาหยีพลางอุ้มเฮยจือหม่าขึ้นมา และจูบอยู่มันหลายครั้งโดยไม่สนว่าตัวมันเปื้อนดิน

“ลูกที่ดีของแม่ แมวน้อยโชคดี”

เฮยจือหม่าที่ถูกจูบ เตะไปใบหน้าของเธอไปโดยตรง

ซูเถาดีใจมาก จึงให้หลินฟางจือนำผลึกนิวเคลียสทั้งห้าใส่ลงในห้วงมิติพร้อมกับกล่องเครื่องประดับทันที

หลินฟางจือรับมาอย่างสั่นเทา หลับตาและต้องการโยนเข้าไปในห้วงมิติ

แต่ตามความปรารถนาในใจดูเหมือนจะพุ่งขึ้นไปถึงขีดสุด

ผลึกนิวเคลียสดูเหมือนจะขยายตัวอยู่ในมือของเขา ทำให้เขาไม่สามารถโยนมันออกไปได้

เขาตัวสั่นเทา ขาแข้งแข็งทื่ออยู่กับที่ ซูเถาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา จากนั้นจึงหยิบผลึกนิวเคลียสมาต่างหากและพูดว่า

“อันนี้น่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เอามันมาจากไหน”

เสิ่นเวิ่นเฉิงยืนขึ้นอย่างอึดอัดใจ

“ผมให้สยงไท่เองในเมื่อให้ไปแล้วก็ไม่ใช่ของผมแล้ว คุณซูสามารถเก็บมันไว้ได้”

ซูเถารู้สึกละอาย และกําลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เสิ่นเวิ่นเฉิงกลับหยิบผลึกนิวเคลียสในมือของเธอ และยัดเข้าไปในมือของ หลินฟางจือ

“น้องหลิน ช่วยคุณซูเก็บไว้หน่อยนะ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่พลตรีสือช่วยชีวิตผมไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงจะต้องทนทุกข์ทรมานในที่รกร้างนี้ไปอีกหลายเดือน…”

ก่อนการตกลงกันจะสิ้นสุด จู่ ๆ หลินฟางจือก็ร้อง ‘อ้า!’ ออกมาเสียงหนึ่ง ผลึกนิวเคลียสที่เพิ่งถูกยัดเข้าไปในมือของเขาเปล่งแสงออกมา แสงที่เปล่งประกายนั้นเข้ามาบรรจบกันเป็นลําแสงอย่างรวดเร็ว และเจาะเข้าไปในร่างกายของหลินฟางจือ

ฉากนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึง

เมื่อทุกคนได้สติกลับมา ความมันวาวของผลึกนิวเคลียสก็หายไปแล้ว แตกสลายไปในอากาศ จนกระทั่งกระจายตัวหายไป

หลินฟางจือขาอ่อนแรง ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ใบหน้าค่อย ๆ แสดงความตื่นตระหนก

“ผมขอโทษนะ พี่เถา ผมขอโทษ…ผม…ผมกินมัน…ไปแล้ว”

ซูเถาตกตะลึง

ดวงตาของสือจื่อจิ้นเบิกกว้างออกเล็กน้อยด้วยความตกใจ

แม้ว่าเสิ่นเวิ่นเฉิงจะสายตาสั้น ก็ยังมองเห็นแสงแพรวพราวนั้น เขาสะดุ้งตัวโหยงจากนั้นจึงเดินไปตรวจสอบหลินฟางจือทันที

“วิวัฒนาการจริง ๆ คุณโชคดีอะไรขนาดนี้ ความน่าจะเป็นที่จะวิวัฒนาการคือ 1 ใน 10,000 กว่าจะเจอสักครั้ง รีบดูว่าพลังของคุณมีการวิวัฒนาการในด้านไหน”

หลินฟางจือไม่ได้ฟังคําพูดของเขา เขาเพียงมองไปที่ซูเถาด้วยท่าทางที่น่าสงสาร ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำขอโทษ

เขารู้ว่าซูเถาหวงแหนผลึกนิวเคลียสอันล้ำค่ามาก

แต่เขากลับ ‘กิน’ เข้าไปอย่างไม่ตั้งใจ

เขาขอโทษเธอจริง ๆ

ซูเถามองดูท่าทางที่น่าสงสารของเขา และนั่งยอง ๆ แตะศีรษะและใบหน้าของเขาเพื่อปลอบประโลมอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร อย่าโทษตัวเองเลย นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว สองชิ้นสามชิ้นฉันก็ให้เธอ ‘กิน’ ได้”

สือจื่อจิ้นสูดลมหายใจเข้าและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

อารมณ์ของหลินฟางจือค่อย ๆ สงบลง และในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตนเอง

“คุณรู้สึกยังไงบ้าง” เสิ่นเวิ่นเฉิงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

เขายังหยิบหนังสือเล่มเล็กของตัวเองออกมา และเตรียมเขียนมันลงไป

หลินฟางจือใช้ความคิดของเขาเพื่ออธิบายออกไปด้วยคําสามคํา “นอนเต็มตื่น”

“?” เสิ่นเวิ่นเฉิง

“หมายความว่าเขารู้สึกกระฉับกระเฉงมาก เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับฝันดี น่าจะเป็นเพราะการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายดีขึ้น” ซูเถาแปล

หลินฟางจือพยักหน้ายืนยัน มีแค่เถาจื่อเท่านั้นที่เข้าใจเขา

มุมปากของเสิ่นเวิ่นเฉิงกระตุก และรีบจดลงไปอย่างรวดเร็ว

“แล้วพลังด้านอื่นล่ะ?”

หลินฟางจือเหยียดมือไปทางซูเถา

ซูเถาคิดว่าเขาต้องการแสดงห้วงมิติให้เธอเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงเหยียดมือออกไป “จับมือเหรอ”

สือจื่อจิ้นไม่มองที่ท้องฟ้าอีก สองขายาวของเขาก้าวเข้ามา ยื่นมือตัวเองออกไป ดวงตาคมกริบฉายแววข่มขู่เล็กน้อย “ใช้มือของผม”

ซูเถาปัดแขนเขาเบา ๆ “คุณจะขวางทำไม ใช้มือของใครแล้วต่างกันยังไง”

“ใช้มือของผม” สือจื่อจิ้นไม่ประนีประนอม

หลินฟางจือหวาดกลัวเขามาตลอด สีหน้าแสดงความคับข้องใจและอยากปฏิเสธ

แต่สือจื่อจิ้นยังมองมาที่เขา พลางเหยียดมือออกมาโดยไม่พูดอะไร

หลินฟางจือกลัวและพูดด้วยน้ำเสียงหวาด ๆ “ไม่ต้องใช้มือของคุณ ดู… มือของผมก็พอ”

อ่อ ที่แท้ก็ไม่ได้จับมือ

สือจื่อจิ้นรู้สึกอายอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงมั่นคงเหมือนภูเขาไท่ซาน และถอนมือออกอย่างใจเย็น

ทุกคนมองไปที่มือของหลินฟางจือ

วินาทีถัดมาเขาเห็นห้องเสมือนจริงลอยอยู่เหนือฝ่ามือซึ่งเป็นห้วงมิติของเขา

สามารถเห็นของที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน

ซูเถาเข้าใจ และพูดกับเสิ่นเวิ่นเฉิงว่า

“หลังจากวิวัฒนาการ ห้วงมิติของเขาจะขยายไปถึงประมาณหนึ่งพันห้าร้อยตารางเมตร แม้เขาจะไม่ได้สัมผัสมัน แต่สามารถให้คนอื่นเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้”

หลินฟางจือพยักหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ยังมีอีกฟังก์ชั่น”

เดิมทีเขาต้องการวาดบนเสื้อผ้าของซูเถา แต่ถูกสายตาของสือจื่อจิ้นเหลือบมองมา จึงดึงมือออก และใช้ปลายนิ้ววาดรูปกระเป๋าบนชายเสื้อเครื่องแบบทหารของสือจื่อจิ้น

เรื่องน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว และทันทีที่วาดโครงร่าง กระเป๋าใบหนึ่งก็ปรากฏบนเครื่องแบบทหารของสือจื่อจิ้น

ทุกคนอ้าปากค้าง

เสิ่นเวิ่นเฉิงตื่นเต้นมาก “แบบนี้จะทำอะไรได้บ้าง”

สือจื่อจิ้นวางมือของเขาลงในกระเป๋าใบนี้ รูม่านตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาทันที จากนั้นก็หยิบอาหารแมวออกมาได้หนึ่งกระป๋อง

ซูเถาตกใจ “ฉันเข้าใจแล้ว กระเป๋าใบนี้สามารถเชื่อมต่อกับห้องมิติของเขาได้”