ตอนที่ 132 นิสัยไม่ดี

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 132 นิสัยไม่ดี
ผมเผ้าของเจียงเชี่ยนในเวลานี้ยุ่งเหยิงไปหมด บริเวณโหนกแก้มบวมแดงจนเห็นเส้นเลือด สภาพดูแย่อย่างที่สุด

หัวใจของเซียวซื่อบีบแน่น โอบกอดบุตรสาวพร้อมเอ่ยถาม “เชี่ยนเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับลูก”

เจียงเชี่ยนมุดเข้าไปยังอ้อมอกของเซียวซื่อพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก “ท่านแม่ ลูกไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ลูกต้องตายแน่ๆ!”

แล้วนายท่านรองเจียงก็กล่าว “โหวฮูหยิน บาดแผลที่หน้าของเจียงเชี่ยนคืออะไร”

ฉังซิงโหวฮูหยินยังจมปลักในความทุกข์กับเรื่องของบุตรชาย เมื่อครู่นี้ที่ทุบตีเจียงเชี่ยน นางเพียงต้องการระบายอารมณ์โมโหภายในใจ เวลานี้นางตีหน้าซื่อและไม่รู้จะหาคำอ้างใดๆ มาอธิบาย

ความเงียบของนางทำให้นายท่านรองเจียงเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ “โหวฮูหยินคงไม่สามารถพูดได้หรอกกระมังว่าเชี่ยนเอ๋อร์สะดุดล้มเอง”

โหนกแก้มที่บวมแดงและมีรอยเลือดสองเส้นนั้น แค่มองก็ดูออกว่าเป็นรอยข่วนของเล็บที่แหลมคม

“ซื่อจื่อเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางกลับไม่รู้อะไรเลย นางได้ทำหน้าที่ของการเป็นภรรยาแล้วหรือยังล่ะ” ฉังซิงโหวฮูหยินตอบกลับอย่างเย็นชา

เซียวซื่อหาใช่คนที่อดทนอดกลั้นไม่ นางโต้กลับอย่างประชดประชันทันควัน “โหวฮูหยินเองก็เป็นแม่คน แล้วท่านเองก็ไม่รู้มิใช่หรือว่าลูกชายของท่านจะฆ่าคนเป็น”

“เจ้า…” ฉังซิงโหวฮูหยินโมโหจนตัวสั่น นางได้รับความเคารพจากผู้คนมาโดยตลอด เคยได้รับการเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน

เซียวซื่อบึนปากกลับไปด้วยความสะใจ

ตั้งแต่ได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน สตรีตรงหน้านี้ปฏิบัติกับนางอย่างเย่อหยิ่งจองหองมาโดยตลอด มักทำให้รู้สึกว่าบุตรสาวของตนได้แต่งงานกับผู้มีฐานะที่สูงกว่า

ปัจจุบันเป็นอย่างไรเล่า ชื่อเสียงของจวนฉังซิงโหวเละเทะไม่เป็นท่า นายท่านกล่าวไว้แล้ว หากผู้ตรวจการได้สติแล้วตรวจสอบขึ้นมา ฐานันดรของจวนฉังซิงโหวจะสามารถคงอยู่ได้หรือไม่นั้นคงพูดยาก

ตามความคิดของนายท่านแล้วนั้น ถ้าอยากบังคับให้หย่าก็ต้องรีบจัดการ เวลานี้หากจะตัดขาดกับจวนฉังซิงโหวก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร หากรอให้จวนฉังซิงโหวถูกยึดฐานันดรกลับแล้วค่อยตัดขาด อาจถูกมองเป็นการซ้ำเติมพวกเขาได้

เดิมทีนางยังมีความลังเลใจอยู่บ้าง พอเห็นสภาพของเชี่ยนเอ๋อร์เป็นถึงขนาดนี้ นางแทบจะไม่เหลือความลังเลอยู่อีกเลย

“ท่านพ่อ ท่านแม่ หากมิใช่เพราะลูกพบว่ามันสุดทางแล้ว ลูกไม่มีวันแบกหน้ามาร้องขอท่านทั้งสองอย่างแน่นอน…” เจียงเชี่ยนพูดไปพลางเปิดแขนเสื้อออก แขนผิวพรรณนวลขาวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ และยังมีรอยแผลสีขาวที่เริ่มกลายเป็นแผลเป็น ทั้งแผลเก่าแผลใหม่ชวนให้คนดูน่าตกใจเป็นอย่างมาก

“นี่มัน…”

เจียงเชี่ยนก้มหน้าลง “ซื่อจื่อเป็นคน…”

เซียวซื่อจับมือบุตรสาวไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก “เขาทุบตีเจ้ารึ เขาทุบตีเจ้าได้อย่างไร”

สวรรค์ นางคิดว่าบุตรสาวของนางได้แต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลแห่งน้ำผึ้งอันหอมหวาน แต่บุตรสาวของนางกลับได้ใช้ชีวิตเช่นนี้รึ

นายท่านรองเจียงนับว่าแน่วนิ่ง “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าพูดมาตามตรง ซื่อจื่อเริ่มทำร้ายเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

เจียงเชี่ยนรอคำนี้มานาน แล้วจึงบอกเล่าพร้อมน้ำตา “หลังแต่งงานกันได้ไม่นานก็เริ่มแล้วเจ้าค่ะ ลูกไม่เคยกล้าพูดออกไป เพราะกลัวว่าท่านพ่อ ท่านแม่จะเป็นกังวล และคิดว่าซื่อจื่อจะดีขึ้นในไม่ช้า แต่คิดไม่ถึง…คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ ข้าเลยไม่กล้าถามเรื่องของเขาแม้แต่คำเดียว เขาทำสิ่งใดบ้างลูกก็ไม่เคยทราบ…ลูกเพียงคิดว่าเขาไม่มาหาลูกก็เพียงพอแล้ว ฮืออออ…”

“สัตว์เดรัจฉานชัดๆ!” เซียวซื่อโพล่งออกไปอย่างไม่เกรงใจ

นายท่านรองเจียงส่งสายตาให้กับบ่าวรับใช้ที่พามาด้วย “ยังนิ่งอยู่ไย ยังไม่พาคุณหนูรองกลับจวนอีก!”

“นี่พวกเจ้าจะทำอะไร เจียงซื่อเป็นสะใภ้ในตระกูลเฉา เวลานี้สามีเกิดเรื่องขึ้น นางคิดจะทิ้งทุกอย่างแล้วจากไปเช่นนี้รึ”

นายท่านรองเจียงหัวเราะอย่างเย็นชา “หากว่าสองสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกัน เชี่ยนเอ๋อร์ย่อมยินยอมรักษาความบริสุทธิ์ไม่ออกเรือนอีก ข้าคงไม่มีสิ่งใดจะพูด แต่เชี่ยนเอ๋อร์ถูกกระทำอย่างไร ฮูหยินเองก็ได้เห็นแล้ว พวกเราต่างเป็นพ่อและแม่เหมือนกัน คงไม่มีใครสามารถทนดูลูกสาวของตัวเองตกไปอยู่ในหลุมไฟหรอกกระมัง ลาก่อน!”

“ห้ามพานางกลับไปนะ นางเป็นสะใภ้ตระกูลเฉา!”

เซียวซื่อถุยน้ำลาย “โหวฮูหยินคอยหนังสือบังคับหย่าจากเจ้าหน้าที่เถอะ”

ไม่นาน นายท่านรองเจียงสองสามีภรรยาก็พาเจียงเชี่ยนออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ฉังซิงโหวฮูหยินมองดูรอบเรือนที่ว่างเปล่า นางฝืนทนต่อไม่ไหวพลันล้มลงกับพื้น

……

ในสวนดอกไม้แห่งจวนตงผิงปั๋ว เจียงซื่อนั่งรอฟังข่าวอยู่บนเก้าอี้ดอกไม้

ถึงแม้นางเชื่อในความสามารถและนิสัยใจคอของใต้เท้าเจิน แต่หากไม่มีข่าวที่แน่ชัด อย่างไรเสียก็มิอาจวางใจลงได้

อาหมานเดินมาหาอย่างฉับไว กระซิบข้างหูเจียงซื่ออย่างแผ่วเบา “คุณหนู เหล่าฉินส่งข่าวมาบอกว่าคดีถูกตัดสินแล้วเจ้าค่ะ ฉังซิงโหวซื่อจื่อถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตทันที”

แววตาของเจียงซื่อมีประกายวับพร้อมกับยิ้มอ่อน

ซื่อจื่อแห่งจวนโหวถูกพิพากษาประหารชีวิตทันที ฉังซิงโหวซื่อจื่อคงเสื่อมเสียได้อีกเป็นร้อยปี

“อืม ขอบใจนะ เจ้ากลับไปพักได้”

อาหมานกลับไม่ขยับ

“ทำไมรึ”

“คุณหนู ด้านนอกมีสุนัขตัวใหญ่หนึ่งตัวเดินวนไปมา บ่าวดูแล้วน่าจะเป็นเอ้อร์หนิวเจ้าค่ะ”

เจียงซื่อพลันลุกขึ้น

หรือว่าเอ้อร์หนิวมาหานาง? มันเดินวนไปมาเช่นนี้ หากถูกคนตาดีพบเห็นเข้าจะไม่แย่เอาหรือ?

ตอนนั้น คุณชายสามแห่งจวนอันกั๋วกงมารับตัวเจ้าสาวถูกสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งก่อความวุ่นวายจนกลายเป็นที่พูดถึง เรื่องนี้ยังไม่ทันผ่านไป มันได้ช่วยเหลือเจินชิงเทียนไขคดีหญิงสาวสิบศพที่หายไปได้สำเร็จ จนกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วอีกครั้ง ตอนนี้เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขธรรมดาอีกต่อไปแล้ว

เจียงซื่อครุ่นคิดได้ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจออกไปดูทันที

“คุณหนู จะไปไหนหรือเจ้าคะ” อาหมานรีบเดินตาม

นายบ่าวสองคนเดินออกจากจวน เจียงซื่อมองดูรอบๆ แต่ไม่พบแม้เงาของเอ้อร์หนิว

“เจ้าเห็นเอ้อร์หนิวที่ไหนรึ”

อาหมานชี้นิ้วพลางเอ่ย “ตรงนั้นเจ้าค่ะ ตอนแรกบ่าวก็ไม่ได้สนใจ บ่าวพลันเห็นสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งออกมาจากมุมหนึ่งของริมกำแพง”

เจียงซื่อมองไปทางที่อาหมานชี้

ไม่นานนัก สุนัขตัวใหญ่ก็โผล่หัวออกมา

เจียงซื่อเกือบหลุดหัวเราะ

ทำนางเป็นห่วงเสียเปล่าจริงๆ เอ้อร์หนิวรู้จักหลบซ่อนเป็นด้วย งั้นการที่โผล่หน้ามาให้อาหมานเห็น เป็นความตั้งใจของมันน่ะสิ

เจียงซื่อบอกกล่าวให้อาหมานอยู่กับที่ ส่วนนางเดินไปตรงนั้นด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นเจียงซื่อเดินมา เอ้อร์หนิวแลบลิ้นเลียฝ่ามือของนางอย่างดีใจ

เจียงซื่อลูบหัวเอ้อร์หนิวพร้อมกับบ่นพึมพำ “เอ้อร์หนิว เหตุใดเจ้าถึงทำตัวสนิทสนมกับข้าเช่นนี้ล่ะ”

นางนึกภาพไม่ออกแล้วว่าเมื่อชาติก่อนที่นางพบเอ้อร์หนิวครั้งแรกนั้นมันเป็นอย่างไร ตอนนั้นเอ้อร์หนิวยังไม่ฉลาดเท่านี้

แต่ตอนนี้เอ้อร์หนิวอายุน้อยกว่าตอนนั้นอีก หากนับตามเวลาแล้วฉลาดขึ้น ถ้าเช่นนั้น ครั้งแรกที่เจอกันเมื่อชาติก่อนมันก็ยิ่งฉลาดสิถึงจะถูก

เจียงซื่อสบตากับสายตาบริสุทธิ์ของสุนัขตัวใหญ่ พลางมีความคิดนึงวนเวียนอยู่ในหัว หรือว่าเอ้อร์หนิวเป็นเหมือนนาง เป็นสุนัขสองภพชาติ?

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

เจียงซื่อส่ายหัวสลัดความคิดไร้สาระนี้ทิ้ง

เอ้อร์หนิวแตะมือเจียงซื่ออย่างใจร้อน แล้วเงยหัวขึ้นพลางทำให้เห็นเหรียญทองแดงตรงคอ

เจียงซื่อจ้องเหรียญทองแดงนั้นครู่หนึ่ง แล้วทำการพลิกอีกข้าง มีถุงปักดิ้นหนึ่งใบซ่อนอยู่ด้านหลังจริงๆ ด้วย

อวี้ฉีให้สิ่งใดแก่นางกันนะ?

เจียงซื่อดึงถุงปักดิ้นออกมาและหยิบกระดาษออกจากถุง บนกระดาษที่เปิดออกมีตัวหนังสือเขียนไว้ “นิสัยไม่ดี!”

เจียงซื่อชะงัก

นางนิสัยไม่ดีอย่างไร

ไม่ผิด เหตุการณ์ในครั้งนี้ที่สามารถชี้ตัวฉังซิงโหวซื่อจื่อได้อย่างราบรื่นนั้น หนีไม่พ้นฝีมือของเอ้อร์หนิว แต่ศพถูกเอ้อร์หนิวขุดขึ้นมานี่ เขาไม่ได้เป็นคนขุดเองซะหน่อย

เจียงซื่อรู้สึกเหมือนเห็นคนนั้นกำลังยิ้มอย่างไร้ยางอายตรงหน้า “เอ้อร์หนิวเป็นของข้า ผลงานของเอ้อร์หนิวก็ต้องนับว่าเป็นผลงานของข้าด้วยสิ”

เจียงซื่อก้มหน้าลงพร้อมสบตากับสุนัขตัวใหญ่อีกครั้ง

“โฮ่งงง…” สุนัขตัวใหญ่เห่าเอาใจ หางของมันส่ายไปส่ายมาอย่างดีใจ

ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ที่เอ้อร์หนิวไปโผล่อยู่จวนฉังซิงโหวได้ คงเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากเขา…