ตอนที่ 158 เตรียมการรับมือสองชั้นสำหรับการจู่โจมยามค่ำคืน (3)
คำถามที่ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด…
ความเป็นจริงตอนที่เขาต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ ก็มีคำตอบในใจแล้ว เพียงแต่ยังต้องรอคำตอบจากอิ่งซา องครักษ์เงาของเขาอีกที
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นหนิงเซ่าชิงพูดด้วยความจริงจัง จึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อ
นางร้อง “อ้อ” อย่างไม่มีข้อกังขา นางเชื่อในการวิเคราะห์ของหนิงเซ่าชิง แต่ว่า หากไม่ใช่ฝีมือของสองแม่ลูกนั่น เช่นนั้นเป็นฝีมือของผู้ใด พวกเขาเคยทำผิดต่อผู้ใดเช่นนั้นหรือ
หนิงเซ่าชิงเห็นนางกังวล จัดผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “ข้าคิดว่าน่าจะเป็นพวกโจรมาชิงทรัพย์กระมัง เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ผ่านมาเพียงไม่นาน พวกเราทั้งสร้างโรงงาน ทั้งซื้อที่ดิน แล้วยังเปิดร้านอาหาร จะถูกคนจับจ้องก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
ขณะพูด หนิงเซ่าชิงอุ้มนางขึ้นไปบนรถม้า “คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เชียนเสวี่ยขึ้นไปพักบนรถม้าครู่หนึ่งเถอะ” เห็นมั่วเชียนเสวี่ยยังคงมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก หนิงเซ่าชิงพูดปลอบ “ไม่มีอะไร”
อาซานและอาอู่ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน คนหนึ่งขุดหลุม คนหนึ่งเคลื่อนย้ายศพ คนหนึ่งกวาดหิมะ คนหนึ่งโรยใบไม้บนพื้นหิมะ…
เห็นชัดว่าทั้งสองเป็นผู้ชำนาญในการกำจัดร่องรอย ใช้เวลาเพียงครู่หนึ่ง พื้นหิมะผืนนี้ก็กลับมาเป็นเช่นเดิม…หิมะขาวโพลนโปรยปราย ใบไม้พัดปลิว ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่าที่ใดเคยมีร่องรายการเข่นฆ่าต่อสู้กัน
รอให้มั่วเชียนเสวี่ยเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ภาพที่น่าสยดสยอง แปรเปลี่ยนเป็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามอีกครั้ง
พรุ่งนี้ ไม่มีผู้ใดรับรู้ว่าที่นี่เคยเกิดเรื่องน่าสยดสยองขึ้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าที่แห่งนี้ชั่วขณะหนึ่งเคยน่ากลัวเช่นนั้นมาก่อน
แน่นอน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ไม่มีใครตามสืบเรื่องนี้ อีกทั้งไม่มีผู้ใดมาหาเรื่องพวกเขาเพราะพวกคนสวมผ้าคลุมปิดหน้าอีก
……
ณ ห้องหนังสือภายในเรือนตระกูลถง ท่านผู้เฒ่าถงนั่งชื่นชมภาพวาดเลื่องชื่ออยู่ด้านใน มือข้างหนึ่งอยู่กลางอากาศพยายามคัดลอก ด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามา คุกเข่าบนพื้น
ท่านผู้เฒ่าถงเห็นคนที่มา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น คล้ายรอเขามาโดยตลอด พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถงโส่ว สถานการณ์เป็นเช่นไร”
ถงโส่งตอบ “ข้าน้อยไร้ความสามารถ หนิงเซ่าชิงและองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวเอาไว้ของเขาเก่งกาจยิ่งนัก ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็จัดการคนที่ข้าน้อยส่งไปจนหมด”
ตั้งแต่ต้นจนจบท่านผู้เฒ่ายังคงไม่ละสายตาจากภาพวาดนั้น ฟังรายงานจากถงโส่ว นิ้วมือที่คัดลอกหยุดนิ่ง แล้วเริ่มคัดลอกอีกครั้ง “เจ้าเองก็ไม่ต้องโทษตนเอง คนที่ส่งไปครั้งนี้ล้วนเป็นพวกที่ไม่มีอนาคต เลี้ยงเอาไว้ก็เสียข้าวสุก พวกเขาไม่ใช่กองกำลังที่แข็งแรงของตระกูลถง คือหน่วยกล้าตายที่ควรถูกกำจัดอยู่แล้ว เวลานี้ตายไปก็คุ้มค่า เจ้าไม่ต้องเสียดาย”
คนเหล่านี้ยอมทิ้งได้แม้กระทั่งชีวิต เพียงเพราะคำสั่งเดียวของเขา แต่ว่าสิ่งที่แลกกลับมา เป็นเพียงคำพูดไร้เยื่อใยที่กล่าวว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก สมควรตาย…
ร่างของถงโส่วสั่นเทา จิตใจของเขาหนาวเย็น ทว่าพูดได้เพียง “ขอรับ”
นายท่านไม่ปวดใจ แต่ความเป็นจริงเขารู้สึกปวดใจ เพราะถึงอย่างไร คนกลุ่มนี้ ตอนเขาพาออกไปยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับต้องตายตรงหน้าเขา บางทีในสายตาของนายท่าน คนกลุ่มนี้เป็นเพียงมดแมลง แต่ในใจของเขาถงโส่ว พวกเขาคือผู้มีคุณธรรมน้ำมิตร
ท่านผู้เฒ่าถงไม่มองถงโส่ว พูดต่อ “สำหรับหนิงเซ่าชิงนั่น ข้าไม่คิดจะสังหารเขาอยู่แล้ว และไม่คิดเพ้อฝันว่าคนหลายสิบคนที่ไร้ความสามารถจะกำจัดเขาได้ นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิงหนึ่งครั้ง เป็นเพียงการทำให้ความคิดของเขาปั่นป่วน ทำลายความตั้งใจที่มั่นคงของเขาเท่านั้น”
ขณะพูด นึกถึงเมื่อคราวก่อนตอนที่ถงโส่วตามสืบเรื่องของหนิงเซ่าชิงแล้วถูกองครักษ์เงาของหนิงเซ่าชิงจับได้ ท่านผู้เฒ่าถงหยุดการคัดลอก จับจ้องไปที่เขาด้วยแววตาคมกริบ “เจ้า…ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ใช่หรือไม่”
แววตานี้ทำให้ถงโส่วสั่นเทา รีบพูด “ไม่ขอรับ คนที่ข้าน้อยส่งไปไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ตอนข้าน้อยกลับมาก็ระมัดระวังอย่างมาก ไม่มีผู้ติดตามอยู่ด้านหลังแน่นอนขอรับ”
ท่านผู้เฒ่าถงถอนสายตาแหลมคมกลับ ดวงตาแก่ชราฉายความพร่ามัว ผายมือแล้วพูด “เช่นนั้นก็ดี เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว กลับไปเถอะ”
“ขอรับ” ถงโส่วเหงื่อแตกแล้วเดินออกไป
หลังจากเขาเดินออกไป ท่านผู้เฒ่าถงฮึดฮัดเสียงเบา นัยน์ตาโหดเหี้ยม
เขาเคยได้ยินผู้เฒ่าประหลาดพูดว่าผู้ที่ถูกพิษลมหนาวไม่อาจใช้ลมปราณบุ่มบ่ามได้
หากใช้ลมปราณบุ่มบ่าม เลือดลมไหลย้อนกลับ พิษกำเริบล่วงหน้า เขาไม่อาจรอถึงหนึ่งปี และไม่อยากรอกระทั่งผู้เฒ่าประหลาดเอายาถอนพิษกลับมาแล้วทันเวลาถอนพิษให้หนิงเซ่าชิงพอดี
เตรียมการรับมือสองชั้นย่อมดี! เขาลงมืออย่างเหี้ยมโหดและมักจะลุล่วงเสมอ
เขาไม่ใช้ไม้หนักไปจัดการหนิงเซ่าชิง ด้านหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นนี้ อีกด้านหนึ่งเขาไม่อยากให้มั่วเชียนเสวี่ยเคลือบแคลงสงสัยในภายภาคหน้า
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เขายังไม่อยากมีปัญหากับหัวหน้าตระกูลหนิงในตอนนี้ การลงมือจัดการหนิงเซ่าชิงหรือปล่อยไปล้วนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าหากไม่อยากทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้แต่น้อยกลับเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก หากองครักษ์เงาที่เป็นเหมือนเงาตามตัวหนีไปได้ ไปรายงานหัวหน้าตระกูลหนิง เรื่องก็จะยุ่งยากแล้ว
เขาไม่เป็นเช่นไร แต่ว่าเขาจำเป็นต้องคิดเผื่อจิ้งเอ๋อร์
แม้จะได้ยินว่า เวลานี้หัวหน้าตระกูลหนิงป่วยหนักนอนซมอยู่บนเตียงไม่อาจเคลื่อนไหวได้ แต่เขากลับไม่อยากเชื่อ และยิ่งไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม
ในเมืองหลวง คนที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวได้จริงๆ นั้นมีไม่มาก และตระกูลหนิงถือเป็นหนึ่งในนั้น
สังหารลูกของตระกูลหนิงด้วยตนเอง ตัวเขายังต้องคิดให้ถี่ถ้วน
……
ในเวลาเดียวกันที่หนิงเซ่าชิงให้อาซานคอยดูทางด้านหน้า เขาก็สั่งอาซานให้ไปบอกอาซ้อฟางมาช่วยทำอาหาร รอรถม้าของพวกหนิงเซ่าชิงมาถึง อาซ้อฟางก็ทำอาหารเสร็จแล้ว
ชีวิตของมั่วเชียนเสวี่ยในวันนี้ช่างมีสีสันยิ่งนัก แต่ก็หิวมากแล้วเช่นเดียวกัน หลังจากกินอาหารเสร็จนางก็ล้มตัวลง หนิงเซ่าชิงเพียงตบกล่อมเบาๆ นางก็เข้าสู่ห้วงแห่งนิทราแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยนอนหลับไปแล้ว ทว่าหนิงเซ่าชิงไม่อาจนอนหลับได้ องครักษ์เงากลับมาแล้ว เขายังมีเรื่องที่สำคัญมากๆ ต้องจัดการ
องครักษ์เงา อาซานและอาอู่รออยู่ด้านนอกตั้งแต่แรกแล้ว ห้องหลักภายในเรือนในมีเพียงอาซาน อาอู่ เจ้านายและฮูหยิน ตอนนี้ฮูหยินนอนหลับแล้ว แน่นอนว่าองครักษ์เงาไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในที่มืดอีก
พวกเขามาที่ห้องหนังสือ องครักษ์เงารายงานทันที “บ่าวติดตามคนผู้นั้นตลอดทาง จากรูปร่างของเขา บ่าวสามารถดูออกว่าเขาคือคนที่ตระกูลถงส่งมาสืบเรื่องในตอนกลางคืนเมื่อคราวก่อนขอรับ อีกทั้งแม้เขาจะอ้อมไปอ้อมมา แต่สุดท้ายก็กลับเข้าไปในเรือนตระกูลถง…”
อาซานและอาอู่ตกใจ ทว่าใบหน้าของหนิงเซ่าชิงไม่มีความตกใจแม้แต่น้อย เพียงพูดเสียงเรียบ “เป็นจริงตามที่คาด หน่วยกล้าตายเช่นนี้ เป็นฝีมือขององครักษ์ตระกูลถงจริงๆ ด้วย เป็นฝีมือของท่านผู้เฒ่าถงนั่นจริงๆ ด้วย”
อาซานพูด “เพราะเหตุใดขอรับ ในอดีตท่านผู้เฒ่าถงและเจ้านายไม่เคยมีความอาฆาตต่อกัน ระยะที่ผ่านมาก็ไร้ความแค้น เหตุใดจึงต้องทำร้ายพวกเรากะทันหัน”
อาอู่พูด “หากจะกล่าวถึงบุญคุณและความแค้น ท่านกับฮูหยินมีเพียงบุญคุณต่อเขา จะมีความแค้นมาจากที่ใด นี่เขากำลัง…กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา…”
หนิงเซ่าชิงเงยหน้าขึ้นปรามสิ่งที่อาอู่จะพูดต่อ เพราะอะไรงั้นหรือ ก็เพราะเขาต้องการให้ตนสละตำแหน่งให้บุตรชายที่โง่เขลาของเขา หนิงเซ่าชิงรู้ดีแก่ใจ การมาเยือนของท่านผู้เฒ่าถงเมื่อคราวก่อน เขาปฏิเสธไม่ให้มั่วเชียนเสวี่ยไปหา ท่านผู้เฒ่าถงจึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
เขาอ่านความคิดของท่านผู้เฒ่าถงออกแต่แรก สุดท้ายจึงเสนอให้มั่วเชียนเสวี่ยรับถงจื่อจิ้งกลับมาในตอนนั้น…