“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ. เราเป็นสหายกัน. เรื่องอันตรายแบบนี้ให้ข้าปกป้องเจ้าเถอะ, ข้าจะช่วยเจ้าจัดการมันเอง…”

เย่เทียนยิ้มและตบไหล่ฟิลิปเบาๆ. สิ่งที่เย่เทียนพูดนั้นทำให้ฟิลิปซึ้งมากโดยเฉพาะคำว่า “สหาย”.

“เพื่อนยาก, ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าจะกลับล่ะนะ…”

เย่เทียนกล่าวลากับฟิลิป.

“อย่าเพิ่งครับท่านลอร์ด, ข้าอยากจะสนทนากับท่านอีกซักหน่อย, โปรดตามข้ามาครับ!”

พอลังเลอยู่เล็กน้อยฟิลิปจึงกัดฟันแล้วพูดกับเย่เทียน.

“ได้!”

เย่เทียนไม่ปฏิเสธเลยเพราะฟิลิปช่วยเขาไว้มาก. ถ้าสิ่งที่เขาจะพูดนั้นไม่ลำบากเกินไป เย่เทียนก็จะไม่ปฏิเสธ. จากนั้นเย่เทียนกับสาวทั้ง3คนก็ตามฟิลิปเข้าไปในบ้าน.

“เพื่อนรักเอ๊ยถ้าอยากให้ช่วยอะไรล่ะก็ บอกข้ามาได้เลยนะ!”

ขณะนั่งลงไดอาน่าก็ค่อยๆรินไวน์ใส่แก้วให้เย่เทียน.

“ท่านลอร์ดครับ ข้าอยากทราบว่าท่านสนใจเรื่องเหมืองหรือไม่ครับ?”

พอคิดอยู่ครู่หนึ่งฟิลิปก็ตัดสินใจไม่อ้อมค้อมกับเย่เทียนแล้วถามเขาตรงๆทันที.

“เหมืองรึ? นั่นมันเงินทั้งนั้นเลยนะ. ข้าไม่คิดว่าจะมีใครปฏิเสธของทำเงินแบบนั้นหรอก. เพื่อนยาก เจ้ามีเหมืองงั้นรึ?”

เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย. หมอนี่ใจกว้างขนาดจะแบ่งเหมืองให้เลยหรอ?

“ท่านลอร์ดซาตาน. ใช่แล้วครับ ข้ามีเหมือง, เหมืองเหล็กน่ะครับ แร่ในนั้นเยอะมากๆ. แต่ข้าดันเจอปัญหาเข้าไม่งั้นแล้วข้าคงได้ใช้งานมันดีกว่านี้….”

ฟิลิปพูดกับเย่เทียนด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น.

“ปัญหาอะไรล่ะ?”

ความรู้สึกประหลาดใจแว่บขึ้นมาในตาของเย่เทียน, เขาถามฟิลิปไปทันที.

แร่เหล็ก!

ในยุคนี้นั้นการถลุงแร่ของทั้งโลกค่อนข้างล้าหลัง. อุปกรณ์เหล็กเกือบทั้งหมดถูกตีขึ้นมาด้วยความร้อนต่ำ, สิ่งที่ได้จึงมีแค่เหล็กพรุนเอามาทำเท่านั้น.

เหล็กที่ได้เองก็น้อยมากๆด้วย.

แร่เหล็กที่ที่พวกเขาพูดๆกันก็แค่เหล็กธรรมดารวมๆกันเอง.

ถ้าเย่เทียนสามารถได้เหมืองเหล็กนี้มาและใช้วิธีถลุงที่ก้าวหน้ากว่านี้ เขาก็จะสามารถสร้างของที่ทำจากเหล็กได้มีประสิทธิภาพกว่านี้. เขาสามารถทำเหล็กกล้าได้เลยด้วย.

เมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อให้เขาไม่ต้องการเหล็กกล้าแล้ว เขาก็ยังสามารถควบคุมเศรษฐกิจของทั้งสาธารณรัฐโรมันผ่านเหล็กกล้าและธุรกิจต่างๆที่มีในครอบครองได้.

“ข้าขอเล่าเรื่องให้ท่านฟังก่อนแล้วกันนะครับ. ข้าซื้อเหมืองเหล็กเปล่าๆมาจากนายน้อยแห่งสุละด้วยความฟุ่มเฟือย. แต่ทว่าด้วยความอุตสาหะของข้าในช่าง2ปีที่ผ่านมานี้, ไม่น่าเชื่อเลยว่าเหมืองนี้จะยังมีเหล็กเหลืออยู่จริงๆ. แถมยังมีจำนวนมากอีกด้วย. มันเป็นเหมืองขุมทรัพย์จริงๆครับ!”

ขณะฟิลิปพูดดวงตาของเขาก็มีความตื่นเต้นและความภูมิใจลุกโชนขึ้นมา.

“โชคดีมากเลยนะนั่น! ภูเขาลูกนั้นคือเครื่องบอกว่าเจ้ากำลังจะมีโชคลาภไหลมาหา!”

เย่เทียนยิ้ม.

“ครับ ข้าก็คิดเช่นนั้น”

ฟิลิปยิ้มอย่างขมขื่นแล้วก็ตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น “แต่ไอ้พวกชนชั้นสูงหน้าหมานั่นนอกจากจะเป็นพวกชอบสูบเลือดสูบเนื้อแล้วยังเป็นพวกหน้าไม่อายอีกด้วย!!”

“ขอโทษครับ…..ข้าไม่ได้จะลบหลู่ท่าน, ท่านลอร์ดผู้น่าเคารพ. คือพวกชั้นสูงที่ข้าด่าไปนั้น…..ไม่ได้รวมท่านนะครับ…”

พอได้ปลดปล่อยความอัดอั้นเสร็จ ฟิลิปก็นึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นชนชั้นสูงเหมือนกัน.

“ไม่เป็นไร, เจ้าพูดต่อเถอะ, สิ่งที่เจ้าด่ามามันก็ถูก! แม้ว่าสถานะข้าจะเป็นชนชั้นสูง, แต่ข้าก็ไม่เคยถือตัวว่าอยู่เหนือใคร…….อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่พวกเดียวกับพวกนั้น”

ความคิดของเย่เทียนนั้นสุดยอดมาก. ตอนที่ฟิลิปด่าชนชั้นสูงพวกนั้น เขาก็ไม่ใส่ใจ. เพราะเขารู้ว่าฟิลิปไม่ได้ด่าเขา.

“อืม, สรุปเหตุผลที่เจ้าโมโหขนาดนี้คือตระกูลสุละต้องการแบ่งปันผลครึ่งนึงกับเจ้าสินะ?”

เย่เทียนยิ้มแล้วถามฟิลิปด้วยความห่วงใย.

“ท่านลอร์ดครับ, ข้าคงไม่โกรธและไร้ทางสู้ขนาดนี้แน่ถ้ามันเป็นเช่นนั้น. จริงๆแล้วตระกูลสุละจะไม่แบ่งอะไรให้ข้าเลย พวกเขาอยากจะได้เหมืองทั้งเหมืองกลับครับ!”

ฟิลิปกัดฟันพูด.

“ไร้ยางอายมาก”

เย่เทียนตัวแข็งไปกับพี่, มีตระกูลชั้นสูงที่หน้าด้านแบบนี้ด้วยหรอ?

“ครับ, ไร้ยางอายจริงๆ! เหตุผลที่เขาบอกข้ามาก็คือนายน้อยแห่งสุละไม่มีสิทธิ์จะโยนเหมืองของตระกูลทิ้ง พวกเขาเลยจะจ่ายราคาทุนขึ้นให้ข้า!”

ฟิลิปพูดอย่างไร้ทางสู้. เมื่ออยู่ต่อหน้าชนชั้นสูงแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองไร้พลังมาก.

“ท่านรับเงินมารึยังล่ะ?”

เย่เทียนขมวดคิ้วแล้วถาม…

“ใจข้านั้นไม่อยากหรอกครับ ข้าเลยยังไม่รับมา! จำนวนเหล็กในเหมืองนั้นสุดยอดมากแถมยังเป็นเหล็กคุณภาพสูงอีกด้วย. พวกนั้นไม่ยอมแบ่งครึ่งกับข้าแต่อย่างน้อยก็น่าจะให้ขี้แร่หน่อยก็ยังดี”

ตาของฟิลิปดูวิบวับเล็กน้อยราวกับว่าขุมทรัพย์ในนั้นมันสุดยอดจริงๆ.

“แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อ?”

เย่เทียนถามด้วยเสียงจริงจัง. เรื่องนี้มีแค่ตระกูลสุละที่เข้ามาเกี่ยว เขาตัวคนเดียวคงจะสู้กับสุละไม่ไหว.

แค่มองตาสีแดงๆของฟิลิปแล้วเขาก็ได้เลยว่าเหมืองนั้นสุดยอดแค่ไหน.

“ข้าเป็นแค่ชาวบ้านตาดำ, ข้ารู้ขีดจำกัดของข้าดีครับ. ข้าต่อต้านตระกูลใหญ่แบบนั้นไม่ได้ แต่ข้าเองก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบแน่. ฉะนั้นข้าจึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านเพราะข้าเชื่อในตัวท่านครับ. สิ่งที่ข้าขอมันไม่มากเกินไปหรอกครับ แค่ท่านให้1ใน10ข้าก็พอใจแล้ว!”

ตาของฟิลิปมองมาทางเย่เทียนอย่างลุกโชน, เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเชื่อใจเย่เทียนนัก.

“เจ้าอยากจะให้ข้าจัดการเรื่องนี้ให้สินะ?”

หลังจากคิดดีๆไปแปปนึง เย่เทียนก็ถามฟิลิป.

“ครับ, ข้าเชื่อในตัวท่าน ท่านลอร์ด!”

ฟิลิปพยักหน้าอย่างแรง.

“เจ้าก็น่าจะรู้ดีนะว่าตระกูลสุละนั้นอำนาจใหญ่มาก ณ ตอนนี้. ในสภาเองสุละคนปู่ก็มีสิทธิ์ออกเสียงเยอะมากและมีคนสนับสนุนเยอะด้วย. ถ้ามันเป็นแค่เหมืองเล็กๆล่ะก็มันก็ไม่ยากสำหรับข้าหรอก แต่นี่มันเหมืองชั้นดี ความสามารถของข้าคงไม่พอจะทำให้สิงโตสุละแก่ๆนั่นคายปากออกได้หรอกนะ!”

หลังจากคิดพักหนึ่ง เย่เทียนก็พูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก, ซึ่งทำให้ฟิลิปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย.

“แต่ทว่า, ถ้าเจ้าจะยกเหมืองนี้ให้ข้าจริงๆ ข้าสามารถแบ่งให้เจ้าได้15%เลย. อย่าเข้าใจข้าผิดนะ ข้าไม่มีแรงพอจะกิน85%ที่เหลือไหวหรอก!”

ก่อนฟิลิปจะรีแอค เย่เทียนก็พูดต่อทำให้สายตาผิดหวังของฟิลิปลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง.

“ตอนที่เจ้าซื้อเหมืองมาจากนายน้อยสุละ ตอนนั้นเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่ไหมล่ะ?”

เย่เทียนถาม.

“ครับ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว. เขาจำได้ว่าเขาเพิ่งจะเข้าร่วมพิธีเสร็จมาหมาดๆตอนนั้น ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่กล้าซื้อแน่!”

ฟิลิปพูดทันที.

“ดีมาก, ตอนนี้เรามีโอกาสจะชนะเรื่องนี้ได้ครึ่งนึงแล้ว!”

เย่เทียนพูดอย่างมั่นใจ. มันอันตรายมากถ้าจะแย่งอาหารมาจากปากเสือแต่ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือกระชากฟันมันออกมาด้วยเลย.