เหย่หลิงเฉินก็มืดมนเช่นกัน จากการที่เขาได้รู้จักหลิงอ่าวมันทำให้เขาสามารถมองเห็นเงาของนักศิลปะการต่อสู้ชาวจีนและทำให้เขาเคารพนักศิลปะการต่อสู้

แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีขยะอยู่ในสมาคมนักรบด้วย!

อาจารย์ผู้นี้ยังเป็นนักศิลปะการต่อสู้ ในตอนแรกเหย่หลิงเฉินไม่ต้องการที่จะเป็นปรปักษ์กับเขา แต่ตอนนี้เขาลังเลว่าควรให้หลิงอ่าวจัดการกับปัญหานี้หรือไม่

“เฮ้อจู้ชางตง นี่มันบ้าชัด ๆ เขาวิ่งนานขนาดนี้แล้ว แดดก็ร้อนเขาเกือบจะไหม้ตายแล้ว” ซูอี้หยินถอนหายใจ

ในสนามทุกคนหยุดพัก แต่ในทางกลับกันจู้ชางตงก็ยังคงกำลังวิ่งจ็อกกิ้งอย่างเงียบ ๆ ไปตามลู่วิ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาของเขาแทบจะไม่สามารถเปิดได้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาอาจจะเป็นลมจากความเหนื่อยล้าได้ทุกเมื่อ

เหย่หลิงเฉินหยิบขวดน้ำออกมา จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปที่จู้ชางตง

“อะนี่ กินน้ำก่อน ถ้าไม่ไหวก็ค่อย ๆ เดินก็ได้” เหย่หลิงเฉินบอกเขา

“ขอบใจมาก” จู้ชางตงตอบอย่างขอบคุณจากนั้นก็กลืนลงไปครึ่งขวดในครั้งเดียว

“ไอ้บ้านั่นไม่สมควรเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ ฉันจะรายงานเรื่องนี้กับสภานักศึกษา!”

“สภานักศึกษามีอำนาจในเรื่องนี้ด้วยเหรอ” เหย่หลิงเฉินถามอย่างประหลาดใจ

จู้ชางตงจิบน้ำอีกครั้ง “สภานักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลอยู่บ้าง ส่วนใหญ่ใช้เป็นช่องทางสำหรับนักศึกษาในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนผ่านข้อเสนอแนะ อย่างน้อยที่สุดถ้าเราทุกคนต้องการและร้องเรียนไปกันมากพอ ทางนั้นก็คงไม่มีปัญหาในการเปลี่ยนผู้สอน”

“ได้สิ งั้นไปด้วยกันตอนช่วงบ่ายนะ” เหย่หลิงเฉินตอบอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเองซุนเฉาก็รีบวิ่งไปเหมือนหมาบ้า

“เฮ้ย ไอ้โง่! ใครอนุญาตให้แกหยุด!” เขาพร้อมที่จะเตะจู้ชางตงแล้วแต่ถูกเหย่หลิงเฉินสกัดกั้นไว้โดยไม่คาดคิด จากนั้นเหย่หลิงเฉินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “อาจารย์ครับ จู้ชางตงวิ่งไปห้ารอบแล้ว นี่มันแทบจะถึงขีดจำกัดของร่างกายเขาแล้วนะครับ ถ้าเขายังคงฝืนวิ่งต่อไปเขาอาจจะเกิดสภาวะร้ายแรงขึ้นก็ได้”

“นี่แกเป็นใครถึงกล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ฮะ!? ฉันบอกแกไปแล้วว่าฉันจะสั่งสอนคนที่มันบังอาจมาดูถูกฉัน!” มือของเขาขยับไปตบเหย่หลิงเฉินทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัว

แต่ด้วยประกายอันเฉียบคมฉายผ่านดวงตาของเหย่หลิงเฉิน เขายกมือขึ้นขัดขวางมือของซุนเฉาและเยาะเย้ย “อาจารย์ซุนเขียนไว้ในกฎการฝึกการต่อสู้หนิครับ อาจารย์ไม่สามารถใช้ความรุนแรงทางร่างกายที่ไม่ยุติธรรมกับนักเรียนได้”

“หน็อย! นี่แกชื่ออะไร! เตรียมตัวได้ศูนย์คะแนนได้เลย!” ซุนเฉาตะโกน

จู้ชางตงคืนน้ำให้เหย่หลิงเฉิน “ช่างมันเถอะ ฉันจะไปวิ่งต่อแล้ว”

เพี้ยะ!

ซุนเฉาปัดขวดน้ำทิ้ง “ใครอนุญาตให้แกเอาน้ำให้เขา? แกนี่มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ฉันขอสั่งให้แกวิ่ง 10 รอบสนาม ไปเดี๋ยวนี้!”

การแสดงออกของเหย่หลิงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาตอบกลับอย่างใจเย็น “ได้ ผมจะวิ่ง 15 รอบ แต่คุณต้องปล่อยให้เขาไปพัก”

“ไม่เป็นไร ฉันยังไหวอยู่” จู้ชางตงส่ายหัวปฏิเสธทันที

เหย่หลิงเฉินจ้องไปที่ซุนเฉา

“ฮ่ะ ๆ นี่แกอยากเล่นเป็นฮีโร่ใช่มั้ย? งั้นฉันปล่อยให้ไอ้นี่ไปพักได้ แต่แกจะต้องวิ่งทั้งหมด 20 รอบโดยไม่หยุดพัก! ไป เดี๋ยวนี้!” ซุนเฉาคำราม “ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”

เหย่หลิงเฉินตบไหล่จู้ชางตง จากนั้นเขาก็วิ่งไปรอบ ๆ สนาม

ความปั่นป่วนนี้ดึงดูดความสนใจทุกคนได้ไม่น้อย ฝูงชนมองไปที่ด้านหลังของเหย่หลิงเฉิน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเคารพในเวลาเดียวกัน

20 รอบ นั่นรวมเป็นแปดกิโลเมตร แม้แต่ขับรถก็ยังใช้เวลาถึง 15 นาที

“มองอะไรกัน?! กลับไปฝึกเดี๋ยวนี้!” ซุนเฉากลับไปข่มขวัญคนอื่นในชั้นเรียนต่อ “ต่อไปนี้ผู้ชายและผู้หญิงจะแยกกัน ผู้ชายจะต้องยืนอยู่ตรงนี้ ส่วนผู้หญิง ฉันจะพาไปที่นั่นเพื่อฝึกเดินขบวน”

“อาจารย์ครับ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถฝึกด้วยกันได้ ทำไมเราถึงจะต้องแยกกันด้วย?” เกิ้งถามเพราะเขาไม่สามารถเก็บความสงสัยนี้ได้อีกต่อไป

“ตอนนี้ใครเป็นผู้สอนอยู่? การพูดขึ้นมาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจะโดนหัก 3 คะแนน!” ซุนเฉายิ้มเยาะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วทำให้คนอื่น ๆ ในชั้นที่เหลือเงียบลง สาว ๆ เดินตามซุนเฉาไปที่มุมหนึ่งของสนามอย่างช่วยไม่ได้

“ไอ้บ้าเอ้ย! ชีวิตนี้ฉันไม่เคยรู้สึกโดนกดขี่เท่านี้มาก่อน!” ซูอี้หยินรู้สึกหงุดหงิด

พวกเขาทั้งหมดมองไปที่มุมตรงที่ซุนเฉาพานักศึกษาหญิงไปฝึก การล่วงละเมิดของซุนเฉาต่อนักศึกษาหญิงดูทวีความรุนแรงมากขึ้น บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะออกมาอย่างไร้เหตุผล พวกเข้าไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่

**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **

FB : June6 Translate นิยายแปลไทย

“หมดคาบนี้ฉันจะไปรายงานผู้สอนคนนี้ต่อสภานักศึกษา ใครจะไปกับฉันบ้าง” จู้ชางตงถาม

“ฉันจะไปกับนายเอง”

“ฉันด้วย!”

“ถ้าเราทั้งหมดไปด้วยกันมันจะกลายเป็นจุดสนใจของทั้งมหาวิทยาลัย!”

เหย่หลิงเฉินวิ่งไปรอบ ๆ สนามคนเดียว 20 รอบอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเหย่หลิงเฉินแล้วมันเป็นเพียงการวอร์มอัพเท่านั้น นี่แทบจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงสำหรับเขาเลย

เหย่หลิงเฉินวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า 10 กม. ทุกวัน ตามด้วยการฝึกหมัดอรหันต์และหมัด 8 ปรมัตถ์

สำหรับ 20 รอบนี้ เหย่หลิงเฉินวิ่งไปอย่างรวดเร็วตลอดคาบเรียน เมื่อถึงเวลานั้นการฝึกซ้อมในช่วงเช้าก็สิ้นสุดลง

“เหย่ นายเป็นยังไงบ้าง? ดื่มน้ำหน่อย” เกิ้งถามขณะที่เขาวิ่งไปหาเหย่หลิงเฉินพร้อมกับคนอื่น ๆ

เหย่หลิงเฉินรับแก้วน้ำมา “ฉันไม่เป็นไร ฉันเคยฝึกมามาก แค่นี้สบาย ๆ อยู่แล้ว มาราธอนกับฉันน่ะเป็นของคู่กัน ฮ่า ๆ”

“สุดยอดมาก! นั่นคือ 20 รอบเต็ม! นายนี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว ฉันว่านายแข็งแกร่งกว่าคนในกองทัพซะอีก!”

ซุนเฉามองไปที่เหย่หลิงเฉินเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเขาสามารถวิ่งได้ครบ 20 รอบแล้ว ใบหน้าของเขาก็จมลงและจ้องมองอย่างมุ่งร้ายไปที่เหย่หลิงเฉิน

“จริงสิ การฝึกเป็นอย่างไรบ้าง” เหย่หลิงเฉินถาม

“แค่นึกถึงฉันก็โกรธแล้ว!” โปเตโต้ดึงผมของเขาอย่างหงุดหงิด “อาจารย์คนนั้นแยกผู้ชายกับผู้หญิงออกจากกัน จากนั้นเขาก็กลั่นแกล้งพวกผู้หญิงที่มุมนั้น! ผู้หญิงคนหนึ่งถูกผลักจนน้ำตาไหลและวิ่งกลับไปที่หอพักกลางการฝึกซ้อม แต่ซุนเฉาไม่ยอมหยุดเพียงแค่นั้น แถมยังขู่ว่าจะหักคะแนนเธออีกด้วย!”

เซียงก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธเช่นกัน “เกิ้งโต้กลับเขาเพียงครั้งเดียวก็ถูกหักคะแนนด้วยเช่นกัน! ตรรกะนี้คืออะไร? เขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้หรือเป็นนักเลงกัน?!”

เหย่หลิงเฉินเลิกคิ้ว “ฉันเคยคุยกับนักศิลปะการต่อสู้มาก่อน วินัยเป็นหัวใจหลักของการดำรงอยู่ของพวกเขา นี่เป็นเพียงแกะดำตัวหนึ่งก็เท่านั้น อย่าปล่อยให้การกระทำของเขาก่อให้เกิดอคติส่วนตัวต่อนักศิลปะการต่อสู้เลย ไปรายงานเรื่องของเขาต่อสภานักศึกษาบ่ายวันนี้กันเถอะ!”

สำนักงานสภานักศึกษาอยู่ใกล้หอพักนักเรียนมาก

ตอนเที่ยงนักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนของเหย่หลิงเฉินรวมตัวกันและมุ่งหน้าไปที่สภานักศึกษา

ฝูงชนจำนวนมากทำให้เกิดเป็นจุดสนใจและสร้างความสับสนในทันที สมาชิกสภานักศึกษาไม่รอช้า การรวมตัวกันของนักเรียนในระดับนี้หายากมากเพราะแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“โปรดรอสักครู่ประธานของเราจะมาที่นี่ในไม่ช้า” รุ่นพี่ออกมาต้อนรับ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีนักศึกษาคนอื่น ๆ อีกจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปี 2 และปี 3

“รุ่นพี่ อาจารย์ของเราชื่อซุนเฉา เขาเป็นหมาป่าที่ร้ายกาจในร่างมนุษย์! เขาลวนลามเด็กผู้หญิงในชั้นเรียนของเราและจากนั้นก็ลงโทษทางร่างกาย สภานักศึกษาต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

“ถูกต้อง! รุ่นพี่ ได้โปรดรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้ไหม คน ๆ นั้นคือคนบ้า! จะเป็นการดีที่สุดถ้ารุ่นพี่สามารถรายงานเรื่องนั้นไปยังกองกำลังนักรบได้!”

“รุ่นพี่ เขาเคยมีประวัติไม่ดีในอดีตด้วยซ้ำ ได้โปรดช่วยตรวจสอบเรื่องนี้และหาคนอื่นมาสอนแทนด้วย!”

นักศึกษาทุกคนต่างบ่นระบายความคับข้องใจ

“ฉันรู้ว่าทำไมทุกคนถึงมาที่นี่ ในระหว่างการฝึกการต่อสู้เป็นเรื่องง่ายที่จะมีความเข้าใจผิดระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ถ้าผู้สอนกระทำสิ่งที่ผิดจริง ทางเราจะช่วยส่งข้อเสนอแนะให้” รุ่นพี่หยุดชั่วคราวแล้วพูดต่อ “แต่อย่างไรก็ตาม ผู้สอนมาจากสมาคมนักรบ แม้แต่ทางมหาวิทยาลัยเองก็ไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา นับประสาอะไรกับสภานักศึกษาของเรา แต่เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เขาเปลี่ยนผู้สอนเป็นคนอื่นแทน”

“ขอบคุณรุ่นพี่สำหรับความพยายาม”

ฝูงชนปล่อยลมหายใจด้วยความโล่งใจ ตราบใดที่สามารถเปลี่ยนตัวผู้สอนได้นั่นก็จะถือว่าดีมากแล้ว

ในขณะที่รอพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตูและมีคนพูดว่า “ท่านประธานมาถึงแล้ว”

ครู่ต่อมาชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาก็เดินเข้ามา

เครื่องแต่งกายของเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับนักศึกษาทั่วไปโดยมีความเย่อหยิ่งอยู่บนใบหน้า

เมื่อเข้าประตูเขาก็กวาดสายตาไปทั่วฝูงชน เมื่อเขาเห็นเหย่หลิงเฉินการจ้องมองของเขาด้วยเต็มไปด้วยความประหลาดใจตามมาด้วยการโค้งงอที่ขอบปากของเขาเพื่อสร้างรอยยิ้มซุกซน

เหย่หลิงเฉินสังเกตเห็นว่าเขาเป็นใครและเริ่มขมวดคิ้วพร้อมกับความประหลาดใจในดวงตาของเขา

“นี่คือประธานสภานักศึกษาของเรา เหอหยวน” รุ่นพี่แนะนำทันทีจากนั้นก็อธิบายสถานการณ์ให้เหอหยวนฟัง

“ประธานเหอ อาจารย์ผู้นี้เป็นคนในสมาคมนักรบ คุณต้องช่วยเรา” เกิ้งกล่าวทันที

“ถูกต้อง ลำพังหากพวกเราโดนก็คงไม่เป็นอะไรมากเพราะเป็นแค่เพียงความทุกข์ทางร่างกาย แต่กับพวกผู้หญิงนี่สิ พวกเขาถูกเอาเปรียบอยู่!” โปเตโต้กล่าวเสริม

คนที่เหลือจ้องไปที่เหอหยวนด้วยความคาดหวังและรอการตอบกลับของเขาอย่างประหม่า

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเหอหยวนสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาโบกมือจากนั้นก็พูดว่า… “สภานักศึกษาไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้หรอก!”