ตอนที่ 92

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดจากสายตาของยี่เทียนซิน แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้มันสายเกินไป

ยี่เทียนซินคิดว่าลู่โจวยอมยกโทษให้กับเธอถึงได้มาพบตัวเธอแบบนี้ และเพราะแบบนั้นยี่เทียนซินจึงมีความสุขมากเมื่อได้พบกับลู่โจว

แต่ถึงแบบนั้นคำพูดของลู่โจวก็ยังคงเย็นชาเช่นเดิม “ข้ามีคำถามที่อยากจะถามเจ้า แค่ตอบคำถามนั่นมาก็พอ”

“ได้ค่ะ…ข้าเข้าใจแล้ว” ยี่เทียนซินพูดตอบกลับไป และเมื่อเธอได้ยินคำพูดของลู่โจวที่ยังคงเย็นชาเช่นเคย เธอก็เริ่มรู้สึกผิดหวังในทันที

“เจ้าไปตรวจสอบเรื่องของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? “

เมื่อยี่เทียนซินได้ฟังคำถามนี้ ตัวเธอก็รู้สึกตกใจในทันที เธอคิดมาเสมอว่าอาจารย์ของเธอคนนี้กำลังตำหนิติเตียนเธอ เธอไม่คิดมาก่อนว่าอาจารย์จะสนใจเรื่องในหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ขึ้นมา ในตอนนี้อารมณ์ของยี่เทียนซินสับสนไปหมด หลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งสุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะตอบตามตรงออกมา “10 ปีก่อนที่ข้าออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป”

“แล้วเจ้าเข้าไปหาข้อมูลในหอจดหมายเหตุรวมไปถึงที่ในพระราชวังได้ยังไงกัน? “

“คนของข้าที่วังจันทราเคยเป็นคนคุ้มกันของทางพระราชวังมาก่อน เจ้าพวกนั้นคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของทางพระราชวังเป็น อย่างดี แต่กว่าที่จะเข้าไปยังห้องบันทึกได้ข้าต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเท่า” ยี่เทียนซินพูดออกมา เธอพูดออกมาเบาๆ ราวกับว่าคำพูดของเธอไม่ได้สำคัญอะไร

ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจที่เห็นยี่เทียนซินใช้เวลาถึง 5 ปีด้วยกันกว่าที่จะเข้าไปในห้องบันทึกได้ จากข้อมูลที่ได้มาทำให้ลู่โจวรู้ว่าเธอตั้งใจแค่ไหนที่จะสืบค้นเรื่องนี้

ยี่เทียนซินได้พูดต่อไป “บางทีการกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ไปคงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเหล่าขุนนางในพระราชวัง…แต่ว่าชาวบ้านกว่าหลายร้อยคน…” ยี่เทียนซินกำลังลำลึกความหลังอันน่าหดหู่อยู่นั่นเอง

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกมาอย่างไม่ไยดี “และเพราะแบบนั้นสินะทำให้เจ้าถึงเกลียดข้า”

เมื่อยี่เทียนซินได้ยินแบบนั้น จิตใจของเธอก็ว่างเปล่า ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกมีความหวังเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินคำถามของลู่โจวจิตใจของเธอก็เหี่ยวเฉาขึ้นมาอีกครั้ง

ลู่โจวไม่รอให้เธอได้ตอบคำถาม เขาได้ชิงพูดออกไปซะก่อน “แล้วคนของเจ้าเคยไปที่แม่น้ำสวรรค์มาก่อนไหม? “

ยี่เทียนซินได้ตอบกลับ “คนของข้าเคยไปที่แม่น้ำสวรรค์หลายครั้ง พวกพระราชวังได้บอกเอาไว้ว่ามีชนเผ่าอื่นๆ อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น แต่ถึงจะได้ยินแบบนั้นคนของข้าก็ไม่เคยพบกับชนเผ่าอื่นๆ เลย

ดูเหมือนยี่เทียนซินจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์เผือก จากความทรงจำเดิมที่ลู่โจวมี ดูเหมือนว่าเผ่ามนุษย์เผือกจะไม่ใช่ชนเผ่าอื่นที่แท้จริง พวกมนุษย์เผือกเป็นเพียงชนเผ่าที่ไม่เหมือนใคร พวกเขาอยู่ท่ามกลางเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เผ่ามนุษย์เผือกไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำสวรรค์ ดูเหมือนว่าทางพระราชวังจะใช้ชนเผ่าอื่นเป็นเพียงข้ออ้างในการกวาดล้างเท่านั้น

เมื่อยี่เทียนซินเห็นอาจารย์ของเธอลูบเครา ลึกๆ ในใจของเธอกลับรู้สึกแย่ “ข้ายินดีที่จะรับโทษทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโทษที่ร้ายแรงแค่ไหน ได้โปรดเถอะท่านอาจารย์! “

“ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อน” ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ข้าจะลงโทษเจ้าที่กล้ามาปรักปรำตัวข้าแน่นอน ความจริงของเหตุกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ยังไม่ถูกเปิดเผย ฝานซุยเหวินคงจะเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเพียงเท่านั้น ถ้าหากข้าพบคนร้ายตัวจริง แล้วเจ้าล่ะจะทำยังไง? “

“…”

ยี่เทียนซินตกตะลึง ในตอนนั้นความรู้สึกหมดหนทางก็ได้ผุดขึ้นภายในใจของเธอ ในตอนนี้เธอไม่รู้อีกต่อไปว่าควรที่จะไว้ใจใครกันแน่

“ขังนางไว้ที่ศาลาทางใต้เหมือนเดิมซะ อย่าให้นางได้ออกไปไหนได้” ลู่โจวสั่งก่อนที่จะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

ผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสองคนจากวังจันทราทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น หลังจากนั้นเธอทั้งสองคนก็ได้พายี่เทียนซินกลับไป

ลู่โจวที่หมดเรื่องได้กลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง

ในวันที่สองลู่โจวก็พยายามทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง ในตอนนี้ตัวเขาได้ใช้เวลาทำความเข้าใจเคล็ดวิชามากขึ้นแล้ว และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงเข้าใจเนื้อหาของมันมากขึ้น แต่ยังไงก็ตามการที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ดี หลังจากที่ลู่โจวได้ใช้ความพยายามไปช่วงเวลาหนึ่งตัวเขาก็รู้สึกดีขึ้นมา ‘บางทีตอนนี้ตัวฉันอาจจะมีโชคมากขึ้น’

“จับฉลากนำโชค”

“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม ได้รับค่าความโชคดี 1”

“จับฉลากนำโชค”

“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม ได้รับค่าความโชคดี 1”

ลู่โจวส่ายหัว บางทีตัวเขาอาจจะใช้ความโชคดีไปกับการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไปแล้วก็เป็นได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นลู่โจวก็ตัดสินใจที่จะจับฉลากนำโชคในเวลาอื่นแทน ยังไงซะตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถที่จะใช้แต้มบุญไปอย่างประมาทได้อีกต่อไป ตัวเขาเหลือการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น ลู่โจวจะต้องหาโอกาสซื้อการ์ดเมื่อมีโอกาส

“ติ้ง! หมิงซี่หยินตรวจสอบแม่น้ำสวรรค์สำเร็จ ได้รับแต้มบุญ 100 แต้ม” ลู่โจวไม่ได้แปลกใจอะไรกับการแจ้งเตือนนี้ ท้ายที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าหมิงซี่หยินจะสามารถทำงานสำเร็จได้มากที่สุดแล้ว ลู่โจวได้แต่รอคอยที่จะได้รับจดหมายจากหมิงซี่หยินเพื่อรายงานความคืบหน้าเท่านั้น

หลังจากที่รอคอยมาถึง 6 ชั่วโมงด้วยกัน ลู่โจวก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรจากหมิงซี่หยินเลย ศาลาปีศาจลอยฟ้ามักจะใช้งานนกพิราบสื่อสารเพื่อส่งจดหมายอยู่เป็นประจำ พวกนกพิราบสื่อสารสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับสัตว์ขี่ในตำนาน เพราะแบบนั้นแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงในการส่งจดหมายแบบนี้

“หยวนเอ๋อ”

“ค่ะ ท่านอาจารย์”

“ส่งจดหมายหาเจียงอาเฉียนซะ บอกให้เขาช่วยสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านมังกรสวรรค์กับทางพระราชวังที บอกเจ้านั่นว่าข้าจะให้สุดยอดดาบไปถ้าหากเขาพบเบาะแสความจริง”

ลู่โจวรู้สึกว่าหมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังจะเจอกับปัญหาใหญ่เข้า

หลังจากนั้นไม่นานหยวนเอ๋อก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ศิษย์ส่งจดหมายไปแล้วค่ะท่านอาจารย์”

ในตอนนั้นเองโจวจี้เฟิงก็ได้รีบวิ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “ท่านปรมาจารย์ ศิษย์พี่สี่ได้รับบาดเจ็บ! “

หยวนเอ๋อร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่กัน? “

ลู่โจวเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน หมิงซี่หยินที่ไปส่งข้อความให้กับเหล่าอัศวินดำ ในตอนนั้นเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากหมิงซี่หยินได้รับบาดเจ็บจากการสืบหาความจริงที่หมู่บ้านมังกรสวรรค์จริง ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้คงจะซับซ้อนมากขึ้น ลู่โจวได้แต่ลูบเคราไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้านั่นอยู่ที่ไหนกัน? “

“ศิษย์พี่อยู่ที่เชิงเขา ฝางซงกำลังพาตัวเขากลับมาครับ”

หลังจากนั้นไม่นานฝางซงก็ได้พาหมิงซี่หยินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่

สภาพของหมิงซี่หยินในตอนนี้ดูยับเยินเหมือนกับในตอนที่สู้กับอัศวินดำเฉิงจงเหอ ตัวเขาที่กลับมาได้คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดขึ้นมาทันที “ศิษย์ดีใจที่ไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ศิษย์พบเบาะแสอะไรบางอย่างจากแม่น้ำสวรรค์แล้ว”

“พูดต่อไปสิ”

“เจ้าหน้าที่จากทางการได้ลาดตระเวนอยู่รอบๆ แม่น้ำสวรรค์กับหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ตลอดทาง มีการลาดตระเวนกันอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ศิษย์ได้พยายามสอดแนมที่นั่นจนกระทั่งตอนกลางคืนศิษย์ก็เจออะไรบางอย่างเข้า” หมิงซี่หยินได้กลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อไป “ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นกำลังเอาศพขึ้นมาจากแม่น้ำ! “

“…”

ทุกๆ คนที่อยู่ห้องโถงต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าหากมีชนเผ่าอื่นอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำสวรรค์จริง ไม่มีความจำเป็นเลยที่คนเหล่านั้นจะต้องหาศพจากในแม่น้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนี้ได้ทำแบบนี้มากว่าหลายสิบปีแล้ว

“เหตุผลอะไรกันที่ทำให้เจ้าพวกนั้นเอาศพขึ้นมาแบบนี้? ” ลู่โจวพูดขึ้น

“ศิษย์ที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้มากกว่านี้ได้ย้อนกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง ในตอนนั้นศิษย์ก็เจอกับกับดักเขา และเพราะแบบนั้นศิษย์เลยต้องรีบกลับมา” ตอนนี้หมิงซี่หยินดูเหมือนจะหายใจติดๆ ขัดๆ

ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินลงบันไดไปหาหมิงซี่หยิน

หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นได้หมอบลงกับพื้น “ศิษย์คนนี้ช่างไร้ประโยชน์! “

“เงยหน้าขึ้นซะ” น้ำเสียงของลู่โจวดูเข้มงวดขึ้นมา

หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นได้รีบเงยหน้าทำตามที่ลู่โจวบอก

ตามที่คาดเอาไว้ ลู่โจวเห็นสัญลักษณ์ดอกบัวสีดำอยู่ที่ระหว่างคิ้วของเขา!

“เวทมนตร์คาถา…”

ฝางซงนั้นเป็นคนที่ใกล้ชิดกับหมิงซี่หยินที่สุด เขาเป็นคนที่พาหมิงซี่หยินขึ้นมาบนภูเขานั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นสัญลักษณ์นี้เลย ในตอนที่ฝางซงเห็นสัญลักษณ์นี้เข้า ความกลัวก็ได้กัดกินจิตใจของเขาไปในทันที

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศิษย์พี่จะได้รับบาดเจ็บมาแบบนี้ นั่นมันคือกับดักเวทมนตร์คาถาอย่างงั้นสินะ มีผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาอยู่ในยุทธภพไม่มากนัก ใครกันที่กล้าทำกับศิษย์พี่แบบนี้? ” ฝางซงได้อุทานออกมาด้วยความตกใจ

ลู่โจวไม่ได้ตอบโต้อะไรฝางซง เขามองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดต่อไป “ในตอนนั้นเจ้าอยู่ใกล้กับแม่น้ำสวรรค์ใช่ไหม? “

“ศิษย์คิดว่าอาจจะมีกับดักอยู่ที่ตลอดริมฝั่งแม่น้ำ…ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่เป็นไร ศิษย์แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น เวทมนตร์คาถานี้ผนึกพลังวรยุทธศิษย์เพียงแค่ 6 ส่วนเท่านั้น ศิษย์คิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไร…” หลังจากที่ถูกผนึกพลังยุทธเอาไว้หมิงซี่หยินก็ได้กลับมายังภูเขาทองแห่งนี้ด้วยพลังยุทธที่เหลือ ด้วยพลังยุทธที่เหลือเพียง 4 ส่วนเท่านั้นไม่อาจที่จะทำให้ตัวเขามาถึงที่นี่ได้ หมิงซี่หยินจะต้องมีทั้งความดื้อรั้นและความแน่วแน่ที่จะเอาชีวิตรอดอีกด้วย

บางครั้งลู่โจวก็ได้แต่รู้สึกสงสัย ถ้าหากจีเทียนเด๋าเลือกลูกศิษย์เพื่อเติมเต็มบทกลอนหรือเลือกเพราะความสามารถและพรสวรรค์กันแน่ ‘ทำไมทุกๆ คนถึงได้มีพรสวรรค์กันล่ะ ถ้าหากเลือกลูกศิษย์ตามชื่อจริง หรือว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ’

ฝางซงได้โค้งคำนับก่อนที่จะเริ่มพูด “ถ้าหากมันเป็นเวทมนตร์คาถาจริงๆ …พวกเราจะต้องหาวิธีคลายมันให้เร็วที่สุด ถ้าหากเวทนั่นแพร่ไปทั่วทั้งร่างกายของศิษย์พี่ ข้าคิดว่าเขาอาจจะเสียพลังวรยุทธทั้งหมดไปก็เป็นได้ ในเวลานั้นแม้แต่จะยกเลิกเวทมนตร์คาถาเองก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากกว่าเดิมเช่นกัน”