ตอนที่ 150 วิพากษ์วิจารณ์

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

ต่อให้​ฉัง​เหยี​ยน​เป็น​คนมีเหตุผล​เพียงใด​แต่​เมื่อ​ได้ยิน​แล้วก็​ไม่​อาจ​สงบใจ​ได้

นาง​เรียก​ ​“​ท่าน​แม่​”​ ​เสียง​หนึ่ง​ด้วย​ดวงตา​แดงก่ำ​ ​ประคอง​นาย​หญิง​รอง​เอาไว้

นาย​หญิง​รอง​ได้สติ​กลับมา​ ​อด​ที่จะ​กล่าว​ปลอบโยน​บุตรสาว​ไม่ได้​ว่า​ ​“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​ ​ตั้งแต่​วันที่​เจ้า​ถือกำเนิด​ออกมา​ข้า​ก็​สะสม​สิน​เจ้าสาว​เอาไว้​ให้​เจ้า​แล้ว​ ​สิน​เจ้าสาว​ของ​พวกเรา​ไม่​แพ้​พวกเขา​ก็​ไม่พอ​”

แม้น​กล่าว​เช่นนี้​ ​แต่​ทั้งสอง​ต่าง​กระจ่างแจ้ง​แก่​ใจดี​ ​นาย​หญิง​สาม​มิใช่​คน​สายตา​ตื้นเขิน​ ​ตรงกันข้าม​ ​เนื่องจาก​ภูมิหลัง​ของ​นายท่าน​สาม​ไม่​โดดเด่น​ ​นาง​จึง​รัก​และ​สงสาร​บุตรสาว​มาก​เป็นพิเศษ​ ​สินสอด​ที่​ตระกูล​เวิน​ให้​มา​ ​โดยมาก​นาง​น่าจะ​มอบ​เป็น​สิน​ติดตัว​เจ้าสาว​ให้​ฉัง​เคอ​นำ​ติดตัว​ไป​ที่​ตระกูล​เวิน​ด้วย​ทั้งหมด

ต่อให้​นาย​หญิง​รอง​เริ่ม​สะสม​สิน​เจ้าสาว​ให้​ฉัง​เหยี​ยน​มาตั​้ง​แต่​ที่นาง​ถือกำเนิด​ ​แต่​เมื่อมี​เงิน​หนึ่ง​หมื่น​หนึ่ง​ตำลึง​ของ​ตระกูล​เวิน​เป็น​เงิน​ตั้งต้น​แล้ว​ ​อย่างไร​สิน​เจ้าสาว​ของ​ฉัง​เคอ​ก็​ไม่มีทาง​น้อยหน้า

สอง​แม่​ลูก​ต่าง​ไม่​พูด​อะไร​กัน​อีก​ ​รับ​มื้อ​เย็น​เสร็จ​แล้ว​ต่าง​คน​ต่าง​แยกย้าย

นาย​หญิง​รอง​คำนวณ​บัญชี​อยู่​ใต้​โคมไฟ​ ​ครุ่นคิด​ว่า​พอ​จะ​โยก​เงิน​จาก​ตรงไหน​ไป​ให้​บุตรสาว​ได้​บ้าง

ส่วน​ฉัง​เหยี​ยน​เดิน​ไป​เรื่อยๆ​ ​จนกระทั่ง​เดิน​มาถึง​สวน​ร่ม​วสันต์​โดยไม่รู้ตัว

ภายใน​สวน​ร่ม​วสันต์​จุด​โคมไฟ​สว่างไสว​ ​มีเสียง​หัวเราะ​กังวาน​ใส​ดุจ​เสียง​ระฆัง​ดัง​มา​ให้​ได้ยิน​เป็น​ระลอก​ตั้งแต่​ไกลๆ

เมื่อก่อน​ ​นาง​อยาก​ไป​สวน​ร่ม​วสันต์​ ​ผู้ใด​กล้า​ไม่​ประจบประแจง​นาง​บ้าง​ ​แต่​นับตั้งแต่​ที่นาง​หมั้น​หมาย​กับ​ตระกูล​หวง​เป็นต้นมา​ ​นอกจาก​คนบ้าน​สาม​แล้ว​ ​แม้แต่​คุณหนู​พาน​และ​คนอื่นๆ​ ​ยัง​ไม่​เคารพ​นาง​เหมือน​เมื่อก่อน​ด้วย

แต่​นี่​โทษ​นาง​ได้​หรือ

คุณหนู​จวน​โหว​ที่​มี​เพียง​ชื่อเสียง​อย่าง​เดียว​เช่น​นาง​ ​เมื่อ​ต้อง​เจรจา​เรื่อง​งานแต่ง​ขึ้น​มา​จริงๆ​ ​มี​ใคร​ไม่สน​ใจ​สิน​เจ้าสาว​บ้าง

จะ​ให้​นาง​ทำ​เหมือน​ฉัง​เคอ​ ​แต่งงาน​กับ​เศรษฐี​บ้านนอก​ ​ใช้ชีวิต​ด้วย​การ​พึ่งพาอาศัย​ตระกูล​ชั้นสูง​อย่าง​จวน​เจียง​ชวน​ป๋อ​ไป​ตลอดชีวิต​อย่างนั้น​หรือ​?

นาง​ทำไม​่​ได้​!

ขณะที่​ฉัง​เหยี​ยน​ขบคิด​อยู่​นั้น​ ​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​กลับ​มี​หยาดน้ำ​ตารื​้น​ชื้น​ขึ้น​มาตรง​หาง​ตา

สาวใช้​คนสนิท​ของ​นาง​เรียก​เสียง​หนึ่ง​อย่าง​เป็นห่วง​ว่า​ ​“​คุณหนู​”

ฉัง​เหยี​ยน​สั่น​ศีรษะ​ ​กำลังจะ​เดิน​กลับ​ ​กลับ​ได้ยิน​เสียงพูด​คุย​ของ​พวก​บ่าวไพร่​ดัง​ขึ้น​มาจาก​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​กำแพง

“​คิดไม่ถึง​ว่า​คุณหนู​พาน​จะ​เป็น​คน​ร่าเริง​ขนาด​นี้​ ​ยัง​จัดงาน​แสดงความยินดี​ให้​คุณหนู​สี่​ด้วย​ ​แสดงความยินดี​ที่​คุณหนู​สี่​หมั้น​หมาย​ ​ยัง​ทำ​โคม​มังกร​ด้วยตัวเอง​จำนวนมาก​ ​ฝีมือดี​จริงๆ​”

มี​คน​กล่าวว่า​ ​“​เห็นได้ชัด​ว่า​เมื่อก่อน​คุณหนู​พาน​ปกปิด​นิสัย​แท้จริง​เอาไว้​”

“​เนื่องจาก​เป็น​แขก​ ​จึง​สู้​คนใน​บ้าน​ไม่ได้​”​ ​สาวใช้​อีก​คน​หนึ่ง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​“​ใน​บ้าน​ยัง​มีฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​อยู่​ด้วย​มิใช่​หรือ​”

มี​คน​ได้ยิน​แล้วก็​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​พวก​เจ้า​ได้ยิน​ข่าว​หรือยัง​ ​คุณหนู​สกุล​หวัง​กล่าวว่า​ ​นาง​เติม​หีบ​สิน​เจ้าสาว​ให้​คุณหนู​สี่​เป็น​เงิน​สาม​พัน​ตำลึง​ ​ทั้ง​ยัง​มอบ​ร้านค้า​ให้​อีก​หนึ่ง​ร้าน​ด้วย​ ​ไม่รู้​จริง​หรือ​เท็จ​?​”

“​เจ้า​เอง​ก็ได้​ยิน​มา​เหมือนกัน​หรือ​”​ ​ทันใดนั้น​สาวใช้​เหล่านั้น​ก็​พากัน​ตื่นเต้น​ขึ้น​มา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็ได้​ยิน​มา​เช่นกัน​ ​ซือห​มัว​มัว​คน​ข้าง​กาย​ของฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​เป็น​เล่า​ ​เรื่อง​นี้​น่าจะ​มีมูลความจริง​”

มี​คน​กล่าวว่า​ ​“​พวก​เจ้า​ลอง​คิดดู​ ​คุณหนู​สกุล​หวัง​พูดจา​ไม่น่าเชื่อ​ถือ​ตั้งแต่​เมื่อใด​กัน​ ​ยัง​น่าเชื่อถือ​ว่า​เหล่า​คุณชาย​ใน​บ้าน​เสียอีก​!​”

จึง​มี​คน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​หาก​ข้า​เป็นคุณ​หนู​สกุล​หวัง​ ​ข้า​เอง​ก็​คง​น่าเชื่อถือ​กว่า​เหล่า​คุณชาย​เหมือนกัน​!​”

“​กล่าว​เช่นนี้​ไม่ได้​”​ ​มี​คน​กล่าว​แย้ง​ ​“​เงิน​ของ​ตระกูล​หวัง​หา​ได้​พัดมา​ตาม​สายลม​ ​ต่อให้​อยาก​มอบให้​ ​ก็​ต้อง​เป็น​คนที​่​คุณหนู​สกุล​หวังชื่น​ชอบ​ด้วย​ถึง​จะ​ถูก​”​ ​ขณะที่​กล่าว​ ​เสียง​ของ​คน​ผู้​นั้น​หยุด​ลง​ครู่หนึ่ง​ ​คล้าย​กำลัง​ทำท่า​ทาง​อะไร​บางอย่าง​ ​จากนั้น​ถึง​ได้​กล่าว​ต่อว่า​ ​“​ไม่​กล่าว​อะไร​เลย​มิใช่​หรือ​ ​ทว่าห​มัว​มัว​ของ​ตระกูล​ซือ​ท่าน​นั้น​กลับ​ไม่รู้​จัก​ความ​เป็นความ​ตาย​ ​วิ่ง​ไป​ถาม​หวังห​มัว​มัว​ ​พูด​อะไร​ทำนอง​ว่า​คุณหนู​ของ​พวก​เจ้า​ช่าง​ไม่รู้​จัก​หลักการ​ของ​โลก​นี้​เลย​จริงๆ​ ​ทั้งที่​เป็นคุณ​หนู​ใกล้​ออกเรือน​แล้ว​ ​การ​เลือก​ปฏิบัติ​อย่าง​ไม่​เท่าเทียม​เช่นนี้​ ​ไม่​กลัว​ทำให้​คน​ขุ่นเคือง​ใจ​หรือ​”

“​แล้ว​หวังห​มัว​มัว​ว่า​อย่างไรบ้าง​”​ ​ทุกคน​ถาม​อย่าง​ตื่นเต้น

“​ใช่​ว่า​พวก​เจ้า​ไม่เคย​ปฏิสัมพันธ์​กับ​หวังห​มัว​มัว​มาก​่อน​ ​นาง​เป็น​คนที​่​ยอม​ถูก​เอาเปรียบ​หรือ​”​ ​คนที​่​พูด​ก่อนหน้านี้​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​“​ผู้อื่น​ก็​รีบ​ตอบกลับ​ไป​ทันที​ ​บอกว่า​ไม่​เลือก​ปฏิบัติ​คง​ไม่ได้​!​ ​ตระกูล​ซือ​เป็น​คน​ตระกูล​ใหญ่​ตระกูล​โต​ ​คาด​ว่า​ตอน​คุณหนู​ซือ​ออกเรือน​ ​เงิน​เติม​หีบ​ของ​ลุง​ป้าน​้า​อาคง​ไม่มีใคร​น้อยหน้า​ใคร​ ​แม้น​คุณหนู​ของ​พวก​นาง​จะ​ไม่​ขาดแคลน​เงินทอง​ ​แต่​ก็​ไม่​อาจ​ไป​กด​ข่ม​เหล่า​ญาติ​ๆ​ ​ของ​ตระกูล​ซือ​ ​ให้​มากกว่า​พวกเขา​ได้​ ​นี่​ต่างหาก​ถึง​จะ​เป็นการ​ทำให้​คน​ขุ่นเคือง​ที่แท้​จริง​!​ ​จึง​ทำได้​แค่​ตั้งราคา​ตาม​ราคา​ใน​ตลาด​ ​เห็น​ผู้อื่น​ให้​อย่างไร​ ​คุณหนู​ของ​พวก​นาง​ก็​ให้​ตามนั้น​ ​ทำเอา​ตานห​มัว​มัว​โกรธ​จน​สะบัด​แขน​เสื้อ​เดินหนี​ไป​”

บ่าวไพร่​เหล่านั้น​พร้อมใจกัน​หัวเราะ​ดังลั่น​ ​ราวกับว่า​ได้​เห็น​บ่าว​ของ​ตระกูล​ซือ​ผู้​นั้น​เสียหน้า​แล้ว​มีความสุข​มาก​ก็​ไม่​ปาน

ใบหน้า​ของ​ฉัง​เหยี​ยน​เขียว​ครึ้ม​ไป​หมด

แต่​คน​เหล่านั้น​กลับ​ไม่รู้​ว่า​กำแพง​มี​หู​ ​ยังคง​กล่าว​วาจา​เลื่อนเปื้อน​อยู่​ตรงนั้น​ต่อ

“​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​บ้าน​นั้น​ก็​เป็น​พยัคฆ์​หน้า​ยิ้ม​ผู้​หนึ่ง​เหมือนกัน​ ​พูด​อย่าง​แต่กลับ​ทำ​อย่าง​ ​ก่อนหน้านี้​ก็​ฉกฉวย​งานแต่ง​ของ​คุณชาย​สี่​ ​มา​วันนี้​ก็​ขโมย​งานแต่ง​ของ​คุณหนู​สี่​อีก​ ​คน​ไม่รู้​ ​อาจ​คิด​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ครอบครัว​พวกเขา​ ​ทั้ง​บุตรชาย​บุตรสาว​ต่าง​เหมือนกับ​แต่ง​ไม่ได้​ ​ขายไม่ออก​กัน​หมด​ก็​ไม่​ปาน​ ​อำนาจ​และ​ความมั่งคั่ง​ดี​เพียงนั้น​?​ ​การขโมย​ของ​ผู้อื่น​ทำให้​ตัวเอง​รุ่งโรจน์​ได้​?​”

สาวใช้​ของ​ฉัง​เหยี​ยน​ได้ยิน​แล้ว​ตกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ก้าว​ออก​ไป​หมาย​จะ​ไป​ต่อว่า​ ​ทว่า​ถูก​ฉัง​เหยี​ยน​จับ​แขน​เอาไว้​ ​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​พวกเรา​ไป​กัน​เถอะ​”

สาวใช้​ผู้​นั้น​ไม่กล้า​มาก​เรื่อง​ ​รีบ​ตาม​ฉัง​เหยี​ยน​ออกจาก​ชายคา​บ้าน​ที่​ติดกับ​กำแพง​ไป​ ​เพียงแต่ว่า​เสียง​วิพากษ์วิจารณ์​ของ​บ่าวไพร่​เหล่านั้น​ยัง​ดัง​มา​ให้​ได้ยิน​อีก​สอง​สาม​ประโยค

“​ใช่​ว่า​ทุกคน​มองไม่เห็น​ ​พวกเรา​รอดู​กันต​่อ​ไป​ก็ได้​แล้ว​”

“​น่าเห็นใจ​เมื่อก่อน​ก็​เป็น​คน​มีหน้ามีตา​ผู้​หนึ่ง​ ​บัดนี้​ขัง​ตัว​อยู่​ใน​บ้าน​ไม่กล้า​ขยับตัว​ไป​ไหน​ ​ไม่รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​พยายาม​แสวงหา​คือ​อะไร​”

“​โชคดี​ที่​คุณหนู​สี่​ยัง​ได้รับ​โชคดี​ใน​เคราะห์ร้าย​ ​คน​มี​วาสนา​ดี​อย่างไร​ก็​มี​วาสนา​ดีจริง​ๆ​”

“​เห็น​บุตร​เขย​สี่​ผู้​นั้นแล​้ว​ ​เป็น​คน​รูปงาม​จริงๆ​ ​อีกทั้ง​ยัง​ให้​ความเคารพ​นายท่าน​สาม​ ​ดีกว่า​บ้าน​นั้น​มาก​โข​ ​มาถึง​ก็​รู้จัก​แต่​มอง​คุณหนู​ผู้เดียว​เท่านั้น​ ​ไม่รู้​จัก​ไป​พูดคุย​กับ​ลุง​กับ​อา​ท่าน​อื่นๆ​ ​บ้าง​”

ฉัง​เหยี​ยน​เจ็บ​หน้าอก​เหลือ​จะ​ทาน​ทน​ ​กลับ​ไป​แล้ว​ป่วย​อยู่​หลาย​วัน

ฉัง​เคอ​ไม่​แม้แต่​จะ​รักษา​มารยาท​หรือ​หน้าตา​ ​แสร้งทำ​เป็น​ไม่รู้​เรื่อง​ ​ไม่​ส่ง​สาวใช้​ไป​ถามไถ่​ด้วยซ้ำ​ ​กลับเป็น​ฉัง​หนิง​ที่มา​เยี่ยม​ฉัง​เหยี​ยน​ด้วยตัวเอง​ ​แต่​ไม่ได้​พูด​อะไร​สัก​อย่าง​ ​นั่ง​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้วก็​กลับ​ไป

หวัง​ซีกับ​คุณหนู​พาน​ก็​ไม่ได้​ไป​เยี่ยม​คนป่วย​เช่นกัน​ ​น้ำ​ปรุงรส​เห็ด​ปลวก​ที่​ทั้งสอง​ช่วยกัน​ทำ​เมื่อคราว​ก่อน​รับประทาน​ได้​แล้ว​ ​คนที​่​ชอบ​ก็​ชอบ​กิน​เป็นอย่างมาก​ ​ส่วน​คนที​่​ไม่​ชอบ​กิน​แค่​ดม​ก็​รู้สึก​ไม่ดี​แล้ว​ ​ดีที​่​คุณหนู​พาน​อยู่​ใน​กลุ่มคน​ชอบ​กิน​ ​นี่​ยัง​เป็นครั้งแรก​ที่นาง​ทำ​ของกิน​ออกมา​แล้ว​ประสบความสำเร็จ​ขนาด​นี้​ ​หลังจาก​ดีอกดีใจ​เป็นอย่างมาก​ไป​แล้ว​ ​นาง​ก็​ลาก​หวัง​ซี​ไป​ศึกษา​วิธีทำ​น้ำ​ปรุงรส​ชนิด​อื่นๆ​ ​ทุกวัน

หวัง​ซี​ถูก​รบกวน​จน​ไม่​ทนไม่ไหว​แล้ว​ ​พอคุณ​หนูพา​นมา​นาง​จึง​หลบ​ไป​คัด​พระธรรม​อยู่​ใน​ห้อง​ ​ให้​ไป๋​กั่ว​พานาง​ไป​ที่​ห้องครัว​แทน

ภายใต้​การ​ชี้แนะ​ของ​แม่ครัว​ตระกูล​หวัง​ ​คุณหนู​พาน​หอบ​ผัก​หมัก​ที่​ทำสำเร็จ​ออกมา​หนึ่ง​ไห​ ​ใช้​โหล​แก้ว​บรรจุ​แล้ว​ส่ง​ไป​ให้​ทุกคน​อย่าง​มีความสุข

ไป๋​กั่ว​เม้มปาก​กลั้น​หัวเราะ​ ​พูด​กับ​หวัง​ซี​เป็นการ​ส่วนตัว​ว่า​ ​“​โหล​แก้ว​นั่น​ไม่รู้​ว่า​เอา​ไป​ซื้อ​ผัก​หมัก​ได้มา​กมาย​เพียงใด​”

“​นั่น​ไม่​เหมือนกัน​นี่​นา​!​”​ ​พระธรรม​ที่หวัง​ซีคัด​คือ​พระธรรม​ที่จะ​ส่งกลับ​ไป​ที่​สู่​จง​ ​วันที่​หนึ่ง​เดือน​สิบ​ของ​ทุกปี​ ​ตระกูล​หวัง​จะ​ไป​ถวาย​พระธรรม​ ​จัดงาน​สวด​พระธรรม​และ​บริจาค​เงิน​ค่า​ธูปเทียน​ที่​วัด​เล่อ​ซาน

ปีนี​้​นาง​ไม่รู้​ว่า​ตัวเอง​จะ​กลับ​ไป​ทัน​หรือไม่​ ​จึง​ตัดสินใจ​คัด​พระธรรม​แต่​เนิ่นๆ​ ​หาก​ไป​ไม่ทัน​ ​ก็​ให้​คน​นำ​กลับ​ไป​ที่​สู่​จง​แทน

“​การแสวง​หาความ​สุข​สัก​อย่างหนึ่ง​ก็​นับเป็น​เรื่อง​ยาก​มาก​แล้ว​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​ ​ทว่า​ไม่​หยุด​พู่กัน​ใน​มือ​แต่อย่างใด​ ​ไม่นาน​ก็​เขียน​ออกมา​ได้​หนึ่ง​บรรทัด

ไป๋​กั่ว​นั่ง​ตัด​กระดาษ​ให้​นาง​อยู่​ด้าน​ข้าง

สาวใช้​เด็ก​อา​หนา​นวิ​่ง​เข้ามา​ ​ ​ถือ​กระดาษ​มาด​้วย​หนึ่ง​กอง​ใหญ่​ ​กล่าวว่า​ ​“​คุณหนู​ใหญ่​ ​นาย​หญิง​สาม​ให้​ข้า​เอา​มา​เจ้าค่ะ​ ​บอกว่า​ขอ​พี่สาว​ไป๋​จื่อ​ช่วย​ดู​ให้​หน่อย​ว่า​ลาย​ดอกไม้​พวก​นี้​ใช้ได้​หรือไม่​”

ช่วงนี้​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​เข้าสู่​ช่วง​มีเรื่อง​มงคลเกิด​ขึ้น​ติดๆ​ ​กัน​ ​นาย​หญิง​รอง​วุ่นอยู่กับ​เรื่อง​พิธีแต่งงาน​ของ​คุณชาย​สาม​ฉัง​ใน​เดือน​เก้า​ไป​ด้วย​ ​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ก็​วุ่น​เรื่อง​ที่​ตระกูล​หวง​จะ​มา​วาง​สินสอด​ไป​ด้วย​ ​ส่วน​บ้าน​สาม​นอกจาก​วุ่น​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​ฉัง​เคอ​แล้ว​ ​ยัง​ไปหา​ซื้อ​สิน​เจ้าสาว​ให้​ฉัง​เคอ​ทั่วทุก​ที่​อีกด้วย

ก่อนหน้านี้​นาง​คิดไม่ถึง​ว่างาน​แต่ง​ของ​ฉัง​เคอ​จะ​ดี​ขนาด​นี้​ ​รู้สึก​ว่า​สิน​เจ้าสาว​ที่​เคย​เตรียม​เอาไว้​ให้​ฉัง​เคอ​น้อย​เกินไป​ ​อีกทั้ง​กลัว​ว่า​ตัวเอง​ความรู้​น้อย​จะ​ทำให้​คน​ของ​ตระกูล​เวิน​ดูแคลน​ ​จึง​มา​ขอยืม​ตัว​หวังห​มัว​มัว​ไป​ช่วย​เตรียมงาน​ด้วย​ ​ผล​ปรากฏ​ว่า​ทั้ง​ไป๋​กั่ว​และ​คนอื่นๆ​ ​ต่าง​ก็​เริ่ม​ช่วย​ฉัง​เคอ​เตรียมงาน​แต่ง​ไป​ด้วยกัน​ทั้งหมด​ภายใต้​การ​เห็นชอบ​ของ​หวัง​ซี

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า

อา​หนา​นวิ​่ง​ไปหา​ไป๋​จื่อ​ประหนึ่ง​ควัน​สาย​หนึ่ง

หวัง​ซี​รู้สึก​คัน​ยุบยิบ​ที่​หัวใจ

นาง​ไม่ได้​เจอ​เฉินลั​่ว​มา​หลาย​วัน​แล้ว​ ​เฉินลั​่ว​บอกว่า​ต้อง​เข้า​วัง​ไปร​่ว​มงา​นวั​นค​ล้าย​วัน​ประสูติ​ของ​เจียง​ไท่​เฟย​ ​ไม่รู้​ว่า​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​ยัง​มี​ลู่​หลิง​อีก​คน​ ​บอกว่า​เจียง​ไท่​เฟย​รั้ง​ให้​อยู่​ใน​วัง​หลวง​ด้วย​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​เกิดเรื่อง​อะไร​หรือไม่

คุณหนู​ตระกูล​ถาน​ผู้​นั้น​อายุ​ไล่เลี่ย​กับ​ลู่​หลิง​ ​กลับ​ต้อง​หมั้น​หมาย​กับ​องค์​ชาย​สี่​แล้ว​ ​ลู่​หลิง​อยู่​ใน​วัง​ ​จะ​ถูกจับ​คู่​ให้​กับ​องค์​ชาย​พระองค์​ไหน​ด้วย​หรือไม่​?

องค์​ชาย​รอง​และ​องค์​ชาย​สี่​หน้าตา​ไม่เลว​นัก​ ​รวมถึง​องค์​ชาย​สาม​และ​องค์​ชาย​ห้า​เอง​ต่าง​ก็​รูปงาม​กว่า​คน​ทั่วไป​มาก​ ​กลัว​แต่ว่า​ลู่​หลิง​จะ​ถูก​ลาก​ไป​ข้องเกี่ยว​กับ​คน​ตุ้ยนุ้ย​อย่าง​องค์​ชาย​หก​ผู้​นั้น

ขณะที่​หวัง​ซีคิด​ ​ก็​รู้สึก​นั่ง​ไม่​ติด​ที่​เล็กน้อย​ ​นางกวัก​มือ​เรียก​อา​ซี​ ​สาวใช้​เด็ก​อีก​คน​เข้ามา​ ​ให้​นาง​เอา​ระฆัง​ไป​แขวน​บน​ต้น​หลิว​ข้าง​กำแพง

เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เฉินลั​่​วจะ​ได้รับ​หรือไม่

รอ​จนถึง​ปลาย​ยาม​โหย​่ว​ ​แสงอาทิตย์​อัสดง​ตรง​ขอบฟ้า​ยัง​เหลืออยู่​รำไร​ ​หวัง​ซี​เตรียมตัว​พร้อม​แล้ว​ ​เหลือ​เพียง​รอสาว​ใช้​ที่​เฝ้า​อยู่​ใต้​ต้น​หลิว​มารา​ยงาน​เท่านั้น​ ​ผู้ใด​จะ​รู้​ว่านาง​รอ​จนถึง​ต้น​ยามซ​วี​ ​รอ​จน​ทน​รอต​่อ​ไป​ไม่ไหว​เตรียมตัว​จะ​ไป​นอน​แล้ว​นั้น​ ​ถึง​มีสาว​ใช้​เด็ก​วิ่ง​กระหืดกระหอบ​เข้ามา​กล่าวว่า​ ​“​ที่​ต้น​หลิว​มี​คน​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

หวัง​ซี​มุ่งหน้า​ไป​ทาง​นั้น

ครั้งนี้​เฉินลั​่​วนั​่ง​ขัดสมาธิ​อยู่​บน​ต้น​หลิว​ต้น​นั้น​ ​พอ​เห็น​นาง​มาก​็​กล่าว​เสียง​หนึ่ง​ว่า​ ​“​วันนี้​มีเรื่อง​นิดหน่อย​ ​ข้า​เพิ่ง​กลับมา​!​”

ใน​น้ำเสียง​ของ​เขา​เผย​ความเหนื่อย​ล้า​ออกมา​อย่าง​เด่นชัด​ ​ยัง​มี​ความ​เฉยชา​อยู่​ด้วย​ ​คล้าย​กับ​ว่า​หวัง​ซี​เป็น​คนแปลกหน้า​ผู้​หนึ่ง​ ​และ​พวกเขา​อยู่​ห่าง​กัน​พัน​ภูเขา​หมื่น​สายน้ำ​ก็​ไม่​ปาน

หวัง​ซี​ใจเต้น​ไม่​เป็น​ส่ำ​ ​หันไป​มอง​เฉินลั​่​วอ​ย่าง​ร้อนใจ

เฉินลั​่​วก​ลับ​มอง​ไกล​ออก​ไป​ด้วย​ความเรียบ​เฉย​ ​เหมือน​ภิกษุ​ที่​ใกล้​จะ​บรรลุ​อรหันต์​แล้ว​

“​เฉินลั​่ว​!​”​ ​หวัง​ซี​ตระหนก​ ​เรียก​นาม​เต็ม​ของ​เขา​ออก​ไป​ตาม​สัญชาตญาณ

เฉินลั​่​วก​้​มห​น้า​ลงมา​มอง​หวัง​ซี

ดวงตา​ของ​หวัง​ซีส​ว่าง​สุกใส​ ​อยู่​ใต้​แสงจันทร์​แล้ว​เหมือน​น้ำ​บ่อ​หนึ่ง​ ​กระจ่าง​ใส​ ​สะท้อน​ประกาย​ระยิบระยับ

เฉินลั​่ว​พลัน​นึกถึง​ดวงตา​ของ​มารดา​ที่​ยืน​มอง​เงา​หลัง​ของ​เขา​อยู่​บน​บันได​สีแดง​ชาด​ของ​วัง​หลวง​ตอนที่​เขา​หันกลับ​ไป​ขณะ​เดิน​ออกมา​จาก​ประตู​วัง​ขึ้น​มา

มัน​หมายถึง​อะไร

เป็นห่วง​?

พวก​นาง​ต่าง​กำลัง​เป็นห่วง​เขา​หรือ​?

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​หยัน​ตัวเอง

หัว​คิ้ว​ที่​ย่น​ขึ้น​สูง​ ​ดวงตา​ที่​เผย​ความเหนื่อย​ล้า​ออกมา​นั่น​ ​ทำให้​หวัง​ซีนึก​ถึง​ทาส​ที่​สิ้นหวัง​เหล่านั้น

เหตุใด​ถึง​เป็น​เช่นนี้

หวัง​ซีเรียก​ ​“​เฉินลั​่ว​”​ ​อีกครั้ง​หนึ่ง

ครั้งนี้​เสียง​ของ​นาง​ทั้ง​เบา​และ​เร็ว​ ​ยัง​เจือ​ความเห็นใจ​และ​สงสาร​ที่​แม้แต่​ตัวนาง​เอง​ก็​ไม่รู้​ตัว

เฉินลั​่ว​ช้อนตา​ขึ้น​ ​ไหล​ตรง​เข้าไป​สู่​ดวงตา​ของ​หวัง​ซี

ราวกับ​ถูก​โอบล้อม​ด้วย​สายน้ำ

อบอุ่น​และ​อ่อนโยน

ทันใดนั้น​เขา​รู้สึก​อยาก​พูดคุย​ขึ้น​มา

“​เจ้า​รู้​หรือไม่​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ที่​งาน​วัน​คล้าย​วัน​ประสูติ​ของ​เจียง​ไท่​เฟย​?​”​ ​เฉินลั​่ว​ถาม​ ​แต่​เขา​ไม่ได้​ต้องการ​ให้​หวัง​ซี​ตอบ​ ​เขา​เพียง​อยาก​ให้​ใคร​สัก​คนฟัง​เขา​อย่างตั้งใจ​เท่านั้น​ ​“​ไม่รู้​ว่า​เจียง​ไท่​เฟย​ถูก​ข่มขู่​หรือว่า​ไร้​ทางเลือก​จริงๆ​ ​กัน​แน่​ ​ถึงกับ​จับ​แขน​เสื้อ​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​เอาไว้​ ​ร่ำไห้​ถึง​กุ้ย​เฟย​ที่​จากไป​แล้ว​ขึ้น​มา​”

หลังจากที่​ฮ่องเต้​ขึ้น​ครองราชย์​ ​มารดา​แท้ๆ​ ​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​ก็ได้​รับ​อิสริยยศ​เป็น​ ​‘​กุ้ย​เฟย​’

หวัง​ซี​ตะลึงพรึงเพริด

“​ฮ่องเต้​ยิ่ง​น่าขบขัน​ ​ทำ​เสมือน​ผู้อื่น​เป็น​คนโง่​งม​ ​กรรแสง​ถึง​กุ้ย​เฟย​ขึ้น​มาด​้ว​ยอี​กคน​”​ ​เฉินลั​่ว​เหยียด​ริมฝีปาก​ ​เผย​รอยยิ้ม​เยาะ​เยียบ​เย็น​ออกมา​ ​“​ยัง​ดำรัส​คล้อยตาม​คำพูด​ของ​เจียง​ไท่​เฟย​ ​ตรัส​ถึง​เรื่อง​แต่งตั้ง​รัชทายาท​ขึ้น​มา​ ​จาก​ความหมาย​นั่น​แล้ว​ ​ทรง​ต้องการ​ปฏิบัติตาม​ธรรมเนียม​ปฏิบัติ​ของ​บรรพบุรุษ​ ​แต่งตั้ง​องค์​ชาย​ใหญ่​เป็นไท​่​จื่อ​!​”​

…………………………………………………………………

ตอนต่อไป