ตอนที่ 171 ฉันอยากรอด!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

มือของฝ่ายตรงข้ามเตรียมตัวจะคว้ามือขวาของหลิงหลานที่แทงมายังด้านหลังเขาโดยไม่มีผิดพลาด มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

ติดกับแล้ว! ในใจหลิงหลานพลันตระหนักได้ว่า กลิ่นอายของอีกฝ่ายปั่นป่วน ความจริงแล้วเสียงร้องโหยหวนบ้าคลั่งนั้นเป็นเรื่องเสแสร้งทำเพื่อที่จะล่อให้เธอลงมือเท่านั้น!

รังสีอำมหิตฉายวาบขึ้นในแววตาของหลิงหลาน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจงใจหรือว่าเป็นแผนการ อันที่จริงแล้วเดิมทีเวลานี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะลอบโจมตีเลย

ไม่มีการป้องกัน การจู่โจมทางจิตที่อยู่เหนือความคาดหมายสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียการควบคุมไปชั่วพริบตาจริงๆ ทำให้เธอสังหารได้ในการโจมตีเดียว ทว่าขอเพียงอีกฝ่ายมีการป้องกัน พลังโจมตีนั้นไม่ได้เป็นการจู่โจมทางจิตที่ทรงพลังมาก มันไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิง การลอบสังหารติดต่อกัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามระวังตัวขึ้นมาตั้งนานแล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอตัดสินใจใช้ระเบิดพลังจิตแทนการจู่โจมทางจิตในตอนที่ฆ่าเสี่ยวเฟย

และเวลานี้เธอก็มีแต่ต้องฝืนเข้าปะทะเพื่อฆ่าอีกฝ่ายแล้ว ได้แต่หวังว่า ต่อให้เธอไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ก็ต้องพยายามทำร้ายอีกฝ่ายให้บาดเจ็บหนัก ทำให้เขาสูญเสียพลังรบไปโดยสิ้นเชิงก่อนหน้าที่หัวหน้าทีมคนนั้นจะมา

ถึงแม้ว่ามือขวาของหลิงหลานถูกอีกฝ่ายจับไว้ แต่การตอบสนองก็รวดเร็วสุดขีด มือซ้ายของเธอกวาดไปที่ลำคอของฝ่ายตรงข้ามฉับพลัน ท่อนบนของนิ้วมือเผยเข็มน้ำแข็งเรียวยาวออกมาเล่มหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ระดับพลังปราณเหมือนกัน ต่อให้เข็มน้ำแข็งดูเหมือนไม่ทนทาน มันก็สามารถสร้างบาดแผลถึงแก่ชีวิตให้ฝ่ายตรงข้ามได้

เสี่ยวฉงที่เข้าปะทะกับหลิงหลานตรงๆ เมื่อสักครู่นี้ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนมีอายุแค่ 13 คนนี้มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่เลย เป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้ที่อยู่ระดับพลังปราณเหมือนกัน เขาไม่กล้าเสี่ยง สองขาของเขาพลันถีบตัวขึ้นมาแล้วถอยหลบเข็มน้ำแข็งที่ปล่อยไอเย็นเยียบส่องแสงระยิบระยับของอีกฝ่าย ส่วนมือขวาก็จำเป็นต้องปล่อยอีกฝ่ายไป

เขาคิดว่าศัตรูจะต้องฉวยโอกาสหนีไป โดยปกติแล้วมือสังหารที่เชี่ยวชาญวิธีการลอบฆ่านั้น เมื่อโจมตีครั้งหนึ่งไม่สำเร็จก็จะหนีไปไกลในชั่วพริบตา ดังนั้นเขาเพิ่งจะหลบเข็มน้ำแข็งของอีกฝ่ายไปก็รีบหยุดชะงักทันที คิดจะสกัดอีกฝ่ายในตอนที่เขาหลบหนีไป

มือขวาของหลิงหลานได้รับอิสระก็ไม่ได้หนีไปข้างหลังเหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้ หากแต่เลือกตามเข้าไปประชิดตัวและใช้ข้อศอกโจมตีใส่อีกฝ่าย

เนื่องจากเสี่ยวฉงตัดสินใจหยุดกะทันหันเลยไม่มีช่องทางให้หลบอีกครั้งแล้ว เขาได้แต่ใช้สองมือไขว้กันฝืนสกัดกั้นกระบวนท่าโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไว้

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น! ทั้งสองฝ่ายต่างใช้แรงเต็มกำลัง พลังแฝงสองสายปะทะกันเองจนส่งเสียงดังสนั่นอย่างรุนแรง เพราะว่าเสี่ยวฉงหยุดอีกฝ่ายไว้อย่างฉุกละหุก พลังปราณนั้นไม่ได้อัดแน่นเหมือนกับของหลิงหลาน เสี่ยวฉงรู้สึกว่าเท้าไม่มั่นคง ถอยหลังโซเซติดต่อกันสามก้าวถึงค่อยปัดพลังแฝงสายนั้นออกไปได้ทั้งหมด ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เขายังคงรู้สึกว่าเลือดลมที่หน้าอกพลุ่งพล่านจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

ตอนที่ปะทะกันอย่างรุนแรงนั้น สีหน้าของหลานขาวซีดลงโดยพลัน อย่างไรก็ตาม เธอได้เปรียบในการปะกันครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเมื่อเธอได้เปรียบแล้วก็ไม่ปรานีอีกฝ่าย เข้าไปประชิดตัวตามฝ่ายตรงข้ามที่ถอยหลังไปอีกครั้ง

“บัดซบ!” เสี่ยวฉงยังยืนได้ไม่มั่นคงก็เห็นการโจมตีของอีกฝ่ายมาถึงอีกครั้ง ปากก็ร้องเสียงดัง คราวนี้เขาไม่ได้เลือกหลบอีก หากแต่กำหมัดแน่นแล้วอัดใส่อีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง เขารู้ว่ามีเพียงการบุกโจมตีเท่านั้นถึงจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกอีกฝ่ายโจมตีกดดันตลอดจนสูญเสียโอกาสโต้กลับคืนไปโดยสมบูรณ์

หลิงหลานเห็นหมัดของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้หลบออก หากแต่ใช้มือซ้ายรับกำปั้นของอีกฝ่ายตรงๆ จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดขวาของเธอตามเข้าไป…

แววตาของเสี่ยวฉงฉายความตื่นเต้นยินดีออกมาวูบหนึ่ง มือซ้ายของเขาสกัดกำปั้นนี้ไว้เช่นกัน ทั้งสองคนพลันตกอยู่ในการชะงักงันกันทั้งสองฝ่าย สำหรับเสี่ยวฉงแล้ว การตัดสินใจของหลิงหลานในคราวนี้เป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เปลี่ยนจากการที่เดิมทีตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบมาเป็นสูสีกัน

ในขณะนี้เอง จู่ๆ ร่างของหลิงหลานก็เอนไปด้านหลัง มุมปากของเธอเหมือนกับคล้ายจะยิ้มเยาะหยันหรือไม่ยิ้มเยาะหยันออกมา…

“แย่แล้ว!” ระฆังเตือนภัยดังขึ้นในใจเสี่ยวฉง เขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว พยายามหลบวิกฤติในครั้งนี้โดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว

แต่มันสายไปแล้ว เขารู้สึกว่าส่วนท้องถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาล ทั่วทั้งร่างของเขากระเด็นลอยออกไปก่อนจะกระอักเลือดสดๆ กลางอากาศทันที มันคือท่ากระต่ายทะยานฟ้าที่หลิงหลานใช้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ท่ากระต่ายทะยานฟ้าในตอนนี้ไม่ได้เพิ่มพลังสามเท่า หากแต่ไปถึงเจ็ดเท่าแล้ว

ท่ากระต่ายทะยานฟ้าเป็นทักษะที่ดีแน่นอน มีอานุภาพแข็งแกร่งและอำพรางตัวได้อย่างยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่ทักษะนี้ไม่สามารถใช้ติดต่อกันได้ เพราะว่าแรงสะท้อนกลับจากการใช้ท่ากระต่ายทะยานฟ้าเยอะมากเกินไป ร่างกายของหลิงหลานไม่สามารถแบกรับพลังสายนี้ติดต่อกัน จำเป็นต้องมีช่วงเวลาผ่อนคลายลง ไม่อย่างนั้นมันจะสร้างอันตรายแอบแฝงให้กับสองขาของหลิงหลานได้ง่ายมาก

ต่อให้เสี่ยวฉงไปถึงช่วงปลายของระดับพลังปราณแล้ว แต่เมื่อโดนพลังมหาศาลของลูกเตะนี้เข้าไปก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน

หลิงหลานที่เอนตัวลงจนกำลังจะล้มลงกับพื้นนั้น มือขวาก็ฟาดไปที่พื้นฉับพลันแล้วดีดร่างขึ้นมา กระโจนเข้าไปหาเสี่ยวฉงที่กระเด็นลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้งแล้วเหวี่ยงหมัดที่เธอเตรียมการไว้นานแล้วออกไป

หลังจากนั้นก็เห็นแขนขวาของหลิงหลานเกิดการสั่นเล็กน้อย สุดท้ายมันก็ส่งไปถึงกำปั้น นี่เป็นวิชาต่อสู้ที่หลิงหลานใช้แต้มเครดิตแลกมาในมิติการเรียนรู้ คลื่นซ้อนกระแทก!

คลื่นซ้อนกระแทกเป็นการนำพลังแฝงในร่างกายมาซ้อนเป็นชั้นๆ ไว้ที่กำปั้น ตอนนี้หลิงหลานสามารถซ้อนได้ถึงหกชั้นจากตอนแรกที่ซ้อนได้แค่สองชั้นเท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือทำการโจมตีใส่เป้าหมายด้วยพลังที่เหนือกว่าพลังปราณของเธอหกเท่า

หลิงหลานรู้ดีว่า พละกำลังของผู้หญิงที่ติดตัวมาแต่กำเนิดอ่อนแอกว่าผู้ชาย หากเธออยากกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง นอกจากทักษะการต่อสู้ต้องเหนือกว่าพวกคู่แข่งแล้ว พละกำลังก็ห้ามพ่ายแพ้แก่พวกผู้ชายด้วยเหมือนกัน เธอจึงเบนไปทางพวกทักษะที่สามารถทบพลังในการเลือกทักษะเพื่อที่จะชดเชยความสามารถติดตัวที่ไม่เพียงพอ นี่ก็เป็นสาเหตุที่เธอใช้แต้มเครดิตแลกท่าคลื่นซ้อนกระแทกในมิติการเรียนรู้

เสี่ยวฉงเห็นกำปั้นอีกฝ่ายโจมตีเข้ามา ทั่วทั้งใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุดัน เขาอยู่กลางอากาศไม่มีวิธียืมแรงหลบได้เลย มีเพียงต้องฝืนต้านทานเท่านั้น เขาตะโกนขึ้นมาโดยพลัน เหวี่ยงกำปั้นของตัวเองออกไป เตรียมพร้อมที่จะปะทะกับหลิงหลานตรงๆ

เสียง ‘ปัง!’ ดังลั่น! พลังปราณสองสายกระทบกันเองจนเกิดเป็นพลังรูปวงแหวนแผ่ขยายออกไปด้านนอก ต้นไม้รอบๆ บริเวณไม่สามารถต้านทานพลังมหาศาลนี้ได้และทยอยกันล้มออกไป และก็มีเศษใบไม้กิ่งไม้หักๆ ปลิวว่อนไปนับไม่ถ้วน

“พรูด!” เสี่ยวฉงที่อยู่กลางอากาศกระอักเลือดออกมาอีกรอบ ความเร็วในการกระเด็นไปข้างหลังเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม เขากระแทกลงบนต้นไม้ใหญ่อย่างแรง ร่ายกายของเขาถึงค่อยหยุดลง

เขาไถลลงมาจากบนลำต้นไม้ช้าๆ ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น! ส่วนลำต้นของต้นไม้ที่ถูกชนนั้นปรากฏรอยแตกแผ่ขยายออกไปด้านนอก เห็นได้ว่าพลังที่กระแทกเยอะมากแค่ไหน

ทั้งสองปะทะใส่กันเต็มแรง ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะมีโอกาสลงมือก่อน กอปรกับมีคลื่นซ้อนกระแทกช่วยด้วยแล้ว แต่เธอก็ยังได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน เธอกระเด็นกลับมาถอยติดต่อกันสองสามก้าว กระอักเลือดออกมาอย่างอดทนไม่ไหว ถึงค่อยระงับเลือดลมที่ปั่นป่วนลง

“จะเอาชีวิตแกตอนแกแย่เนี่ยแหละ!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ขอเพียงเพิ่มเข้าไปอีกหมัดก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้โดยสิ้นเชิง หลิงหลานไม่ใจอ่อนเลยสักนิดเดียว เธอย่างเท้าออกไปอีกก้าว พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายราวกับลูกธนู ในขณะเดียวกันก็เหวี่ยงหมัดออกไป ขอเพียงกำจัดอีกฝ่ายได้ หลิงหลานก็จะซ่อนตัวดักซุ่มอีกครั้งเพื่อรอคอยศัตรูคนสุดท้าย หัวหน้าทีมของพวกเขา!

หลิงหลานเพิ่งจะซัดฝ่ามือออกไปนั้น หัวใจเธอพลันกระตุกขึ้นมา สัมผัสของวิกฤติที่หนักหนาอย่างไม่เคยมีมาก่อนโจมตีเข้าที่หัวใจ…หมอกบางๆ ลอยมาอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“แย่ล่ะ! เขามาแล้ว!” ระฆังเตือนของหลิงหลานดังอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือหันไปซัดใส่พื้นอีกทาง ยืมแรงสะท้อนของพื้นแล้วตีลังกาทีหนึ่ง ในขณะเดียวกัน สองขาที่เตรียมตัวไว้นานแล้วก็ถีบลงไปอีกครั้งทันที ทั่วทั้งร่างพุ่งออกไปไกลราวกับแสงเลเซอร์ หายตัวไปจากที่นี่ในพริบตา

ทันใดนั้นหลิงหลานที่ทะยานออกไปร้อยเมตรในชั่วพริบตาก็รู้สึกว่าร่างกายถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง เลือดกระฉูดออกมาจากในปากเธอ ทั่วทั้งร่างสูญเสียการควบคุมไปทันทีก่อนจะตกลงมาจากฟ้า กระแทกกับพื้นแรงๆ

เวลานี้ ด้านหลังหลิงหลานปรากฏหมอกหนาขึ้นมา หลังจากนั้นร่างคนก็โผล่ออกมา เขาเป็นหัวหน้าทีมที่หายตัวไปคนนั้นนี่เอง

“ไม่นึกเลยว่าแค่ห้านาทีก็ทำให้แกฆ่าเสี่ยวหลิน เสี่ยวเฟยไปแล้ว ขนาดเสี่ยวฉงก็แทบจะหนีมืออำมหิตของนายไม่พ้น” หัวหน้าทีมกล่าวด้วยใบหน้าเย็นเยียบ “แกมันตัวอันตรายอย่างที่คิดไว้จริงๆ”

พลังปราณในร่างกายของหลิงหลานถูกการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ซัดจนแตกกระจายทันที ตอนนี้มือเท้าเธอไร้เรี่ยวแรงแล้วทว่าเธอไม่คิดยอมแพ้ ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะยืนตัวตรง ใช้หลังมือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เอ่ยอย่างขมขื่นว่า “ยอดฝีมือระดับเขตแดน!” ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะก้าวเข้าไป แต่ว่าความต่างหนึ่งระดับทำให้กระบวนท่าเดียว หลิงหลานก็แบกรับไม่ไหวแล้ว “นายโชคดีนี่ ทะลวงระดับได้ตรงนี้เลย”

นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงมาสายไปห้านาที คาดว่าช่วงเวลานั้นอีกฝ่ายกำลังทะลวงระดับอยู่ก็เลยมาไม่ได้

“ก็ต้องขอบคุณนาย ไม่อย่างนั้นฉันคงหาตัวเร่งมาทะลวงไม่ได้” หัวหน้าทีมแค่นเสียงเย็น การตายของเพื่อนร่วมรบทำให้จิตใจเขาโศกเศร้า ทำให้พลังปราณที่อยู่จุดสูงสุดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และทำให้ตัวปิดกั้นที่ขังเขามานานเกิดรอยแยกโดยบังเอิญ เดิมทีเขาคิดจะกำจัดอีกฝ่ายแล้วไปหาสถานที่เพื่อทะลวงระดับ นึกไม่ถึงว่าตอนที่เปิดใช้พรสวรรค์ เขาจะตกสู่สภาพทะลวงด่านอย่างกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ทำให้เขาจำเป็นต้องเลือกทะลวงระดับชั่วคราว นี่ก็เลยทำให้เขามาช้าไปห้านาที และสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปสองคน ความยินดีในการทะลวงระดับไม่สามารถเติมเต็มความเจ็บปวดจากการสูญเสียเพื่อนร่วมรบได้เลย นี่จึงทำให้เขายิ่งเคียดแค้นหลิงหลานมากขึ้น

เขาไม่ให้โอกาสหลิงหลานพูดต่อ และพุ่งตัวไปปรากฏที่เบื้องหน้าหลิงหลาน ยื่นมือขวาไปที่ลำคอของหลิงหลาน

หลิงหลานกำลังคิดจะหลบมือของอีกฝ่ายก็พบว่าร่างกายเธอถูกพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งตรึงไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้เลย ทำได้เพียงจ้องมองมือของอีกฝ่ายคว้าคอของเธออย่างง่ายดาย

หัวหน้าทีมยกหลิงหลานขึ้นมาอย่างสบายๆ หลังจากนั้นก็เดินไปทางเสี่ยวฉง แรงของอีกฝ่ายแทบจะทำให้หลิงหลานหายใจไม่ออกจนตาย ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงไม่ฆ่าเธอทันที แต่ความปรารถนาที่อยากจะเอาชีวิตรอดทำให้หลิงหลานโคจรลมปราณบำรุงร่างกายเงียบๆ ชิงฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองก่อนไปก้าวหนึ่งและได้รับโอกาสรอดชีวิต

หัวหน้าทีมมาถึงจุดที่เสี่ยวฉงได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็วแล้วโยนหลิงหลานไปที่ด้านข้าง เขาก้มตัวตรวจสอบสภาพของเสี่ยวฉงแล้วค่อยโล่งอก ถึงแม้ว่าเสี่ยวฉงจะได้รับบาดเจ็บหนักมาก แต่ก็ไม่ตาย ยังนับว่าโชคดีมาก เขาหยิบยารักษาออกมาจากในกระเป๋าคาดเอวแล้วป้อนให้กับเสี่ยวฉง

เสี่ยวฉงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นหัวหน้าทีมก็กล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำสองข้างว่า “หัวหน้า เสี่ยวหลินกับเสี่ยวเฟยพลีชีพแล้ว” นั่นเป็นเพื่อนร่วมรบของพวกเขานะ พวกเขาไม่ได้ตายในมือของทหารประเทศศัตรูในสนามรบ แต่กลับตายในมือเป้าหมายของภารกิจธรรมดา นี่ทำให้เสี่ยวฉงไม่อาจรับได้

หัวหน้าทีมมองไปยังศพของเสี่ยวหลินกับเสี่ยวเฟยที่นอนอยู่บนพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำสองข้างเช่นเดียวกันและเอ่ยเสียงต่ำว่า “เสี่ยวฉง ขอโทษนะ ฉันยังมาช้าไป”

เสี่ยวฉงส่ายศีรษะโคลงเคลง “โทษหัวหน้าไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวนั่นมันต่ำช้ามากเกินไปแล้ว!” เขากล่าวถึงตรงนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกว่า “ไอ้ระยำนั่นล่ะ?”

หัวหน้าทีมเหลือบมองไปยังหลิงหลานที่นั่งเป็นอัมพาตอยู่ทางด้านข้างและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันจับมันไว้แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะใช้เลือดมันมาเซ่นไหว้ให้พวกเพื่อนร่วมรบที่พลีชีพของเรา”

เสี่ยวฉงได้ยินคำพูดนี้ก็พยักหน้าทันที เขาใช้แรงลุกขึ้นมาเดินไปตรงหน้าหลิงหลานช้าๆ จากนั้นก็บีบคอของเธอแล้วลากเธออย่างโหดเหี้ยมไปตรงจุดที่ศพของเสี่ยวหลินกับเสี่ยวเฟยอยู่

ส่วนหัวหน้าทีมก็ย้ายศพของเสี่ยวล่ายที่พลีชีพอยู่อีกบริเวณหนึ่งเข้ามาวางไว้กับศพของเสี่ยวหลินและเสี่ยวเฟย

“เสี่ยวหลิน เสี่ยวเฟย เสี่ยวล่าย มองให้ดีนะ นี่เป็นมือสังหารที่ฆ่าพวกนาย ตอนนี้ฉันจะส่งมันไปที่โลกของพวกนายแล้ว พวกนายต้องแก้แค้นให้ดีๆ” หัวหน้าทีมกล่าวพลางหลั่งน้ำตาลงมาอย่างเงียบเชียบ เดิมทีเขาคิดว่านี่เป็นภารกิจเล็กๆ ที่จัดการง่าย ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้พี่น้องแยกกันคนละภพ เขารู้สึกเสียใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเคียดแค้นความอำมหิตของหลิงหลาน เขาหันหน้าไปฉับพลันและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เสี่ยวฉง ฆ่ามัน!”

“ครับ หัวหน้า!” ตอนนี้ใบหน้าของเสี่ยวฉงดูดุร้าย นิ้วมือของเขาบีบคอหลิงหลานแรงๆ ทันที

หลิงหลานคล้ายกับได้ยินเสียงกระดูกคอของเธอใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอจะตายอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ?

หลิงหลานอยากดิ้นรนอยากต่อต้าน แต่ว่าร่างกายถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา ไม่สามารถทำการเคลื่อนไหวต่อต้านได้เลย หลิงหลานรู้ว่านี่น่าจะเป็นการกระทำสำแดงเดชของระดับขอบเขต อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสเธอหนีเลยสักนิดเดียว

บัดซบ! ฉันอยากรอด ฉันอยากรอดนะ! หลิงหลานคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวในใจก่อนที่จะจมสู่การสลบไสล!

……………………………………..