ตอนที่ 155 แผนของเหลียนซา
ตอนที่ 155 แผนของเหลียนซา
สีหน้าของถานหย่งเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาขยำจดหมายในมือเป็นก้อนด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ชวีจิ้งอวิ๋นสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาและถามว่า “เหล่าต้า มีอะไรเขียนอยู่ในนั้น”
ถานหย่งทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วถามด้วยสีหน้าดุร้ายว่า
“สือจื่อจิ้นกับซูเถาเป็นอะไรกัน”
ชวีจิ้งอวิ๋นสับสน “พวกเขามีความสัมพันธ์กันเหรอ?”
คนหนึ่งเป็นพลตรีที่รู้จักกันในชื่อ ‘หัวใจ’ ของตงหยาง ส่วนอีกคนเป็นคนรีดเงินในภูเขาผานหลิวที่อยู่ห่างไกล
จริง ๆ ก็ห่างไกลกันอยู่
ถานหย่งโยนของที่ระลึกที่ยับยู่ยี่ลงบนโต๊ะ
ชวีจิ้งอวิ๋นคลี่มันออก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที
“ซูเถาผู้นี้….คือคนที่กู้หมิงฉือยอมกบฏพวกเราเพื่อเธอ และตอนนี้สือจื่อจิ้นของตงหยางก็กำลังปกป้องเธออย่างชัดเจน! ทำไมกัน?!”
ใบหน้าของถานหย่งคล้ำลง “เห็นได้ชัดว่าเธอยั่วยุเราก่อน ตอนนี้ทุกคนคิดว่าฉันแค่หาเรื่อง และห้ามไม่ให้ฉันแตะต้องเธอ”
ชวีจิ้งอวิ๋นทั้งหวาดกลัวและโกรธ “เหล่าต้า เราควรทำยังไงดี? สือจื่อจิ้นไม่ใช่คนที่เราจะต่อกรกับเขาได้ง่าย ๆ”
ถานหย่งกำหมัดแน่นและไม่พูดอะไร สีหน้าของเขายิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
เหลียนซาหันมามองเขาและถามว่า “ตอนนี้สือจื่อจิ้นมีความสามารถอะไร”
เธอมาอยู่ทางใต้ไม่ถึงครึ่งปี และเคยมองหาผู้สนับสนุนทางการเงินที่ฐานทางเหนือมาก่อน หลังจากที่เธอมาอยู่กับถานหย่ง เธอก็ไม่มีเวลาได้สืบหาเรื่องราวอะไร เธอมีข้อมูลของฐานขนาดกลางและขนาดใหญ่ในทางใต้น้อยมาก
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอหน้ากับเขามาก่อนก็ตาม ในความประทับใจของเธอ สือจื่อจิ้นเป็นทหารที่แข็งแกร่งกว่าผู้ที่มีพลังวิเศษทั่วไป
ถานหย่งส่ายหัว “ไม่รู้สิ เขาเป็นคนลึกลับมาตลอด แต่มีข่าวลือว่าเขามีพลังวิเศษมากกว่าหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเขา”
ดวงตาที่สวยงามของเหลียนซาเปิดขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเกี่ยวกับบุคคลที่มีพลังวิเศษมากมาย
นับว่ามีอานุภาพยิ่งกว่าผู้มีพระคุณทั้งหลายที่เธอเคยติดตามมา
เขาคือผู้เข้ารอบผู้มีพระคุณคนต่อไปของเธอ
เธอจึงยิ้มและพูดว่า
“พี่หย่ง ทำไมไม่ให้ฉันลองล่ะ เขามีพลังมาก น่าเสียดายถ้าจะนับเขาเป็นศัตรู ถ้าเขากลายเป็นพวกของเรา…”
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องโกหก
ถ้าเธอควบคุมสือจื่อจิ้นได้ เธอจะไม่กลับมาที่สถานีเก่า
เธอจะมีความสุขกับผู้มีพระคุณคนใหม่ พลตรีสือจากตงหยาง เขามียศมีตำแหน่งที่สูง…อย่างไรก็ตามเธอจะให้สือจื่อจิ้น ช่วยเธอค้นหาผลึกนิวเคลียสที่หายไป… สมบูรณ์แบบที่สุด
ถานหย่งปฏิเสธทันที “ไม่ ฉันไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดต้องการให้ผู้หญิงมาช่วย”
แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นไปได้จริง ถ้าสือจื่อจิ้นกลายเป็นพวกของเขา ภูเขาผานหลิวก็จะตกอยู่ในมือของเขาด้วย
แต่ความถือตัวของเขา เขาไม่ยอมพึ่งพาผู้หญิงเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ
เหลียนซาแอบดูถูกเขาในใจ
“ฉันก็เป็นห่วงพี่ ไม่อยากเห็นพี่โกรธแบบนี้ ฉันอยากช่วยพี่หย่งจริง ๆ~ พี่ให้โอกาสฉันนะ ให้ฉันได้ช่วยแบ่งเบาพี่บ้าง~”
ในขณะที่เธอพูดก็พยายามนัวเนียอยู่รอบตัวเขา
ถานหย่งรู้สึกเพียงว่าสติของเขาค่อย ๆ หายไป ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ชวีจิ้งอวิ๋นขมวดคิ้วและเปล่งเสียงของเธอ
“เหล่าต้า อย่าลืมว่าเราได้เตรียมกำลังคนเพื่อโจมตีภูเขาผานหลิว แล้วตอนนี้เราจะให้พวกเขาทำอะไรได้บ้างล่ะ”
ถานหย่งกำลังมัวเมากับเสน่ห์ของหญิงสาว
“เราจะส่งคนไปโจมตีหลังจากที่ซาซาทำสำเร็จ ไม่งั้นหากเราไปต่อสู้กับภูเขาผานหลิวตอนนี้ สือจื่อจิ้นจะมาเล่นงานเราแน่นอน… ซาซาฉันจะส่งเธอไปตงหยางวันพรุ่งนี้….”
……
เมื่อซูเถากลับมาจากภูเขาผานหลิว ทุกคนเห็นว่าเธอดูเหนื่อย ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะคุยเรื่องงานกับเธอโดยปริยาย และบอกให้เธอกลับไปพักผ่อน
ซูเถาเหนื่อยมาก เธออุ้มเฮยจือหม่าและจูงเสวี่ยเตาตรงไปที่ห้องของเธอที่เถาหยาง
เธอไม่ได้นอนมาเป็นเวลาสองหรือสามวันติดต่อกัน ดังนั้นทันทีที่เธอหลับตา จึงหลับไปในทันที และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงของวันถัดไป
เธอนอนไปสิบหกหรือสิบเจ็ดชั่วโมง
เธอไม่ได้ตื่นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกปลุกด้วยเสียงของเฮยจือหม่าที่ข่วนประตู
การข่วนนั้นรุนแรงมาก จนไป๋จือหม่าตกใจและพุ่งตัวเข้าไปที่เตียงของซูเถา มันส่งเสียงร้องราวกับว่ากำลังฟ้องเธอ
ซูเถาลุกขึ้นมองดูเฮยจือหม่าที่ข่วนประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยมันออกไปแน่
เมื่อเห็นว่าเธอไม่เคลื่อนไหว เฮยจื่อหม่ารีบกระแทกประตูสองครั้ง จากนั้นกระโดดขึ้นไปบนขอบหน้าต่างและข่วนหน้าต่างด้วยความกระตือรือร้นจนเธออยากจะร้องไห้ออกมา
ซูเถาใช้อาหารกระป๋องและขนมแมวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากมัน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายจอมดื้อรั้นไม่ได้ยิน เอาแต่ส่งเสียงร้องและเกาประตูหน้าต่างอยู่อย่างนั้น
และสุดท้ายอาหารกระป๋องกับขนมแมวก็ตกเป็นของไป๋จือหม่า
ซูเถายอมจำนนต่อชะตากรรมของเธอและบอกเฮยจือหม่า
“ฉันปล่อยแกออกไปก็ได้ แต่ห้ามออกไปนอกรั้วนะเข้าใจไหม ไม่งั้นฉันจะทำโทษเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
ไม่รู้ว่าเฮยจือหม่ามันเข้าใจหรือไม่ แต่มันเม้มปากใส่เธอถึงสองครั้ง
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก มันก็พุ่งตัวออกไปราวกับยิงกระสุน
ซูเถาเปิดหน้าต่างและมองลงไป ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล นี่ทำให้เธอต้องคิดถึงคำพูดของสือจื่อจิ้น
ไม่สามารถขังมันไว้ในห้องเล็ก ๆ นี้ได้ และเถาหยางไม่ใช่ปลายทางของมัน
โลกภายนอกคือความกว้างใหญ่และอิสระ
หลังจากอาบน้ำและกินอะไรรองท้องแล้ว สือจื่อจิ้นก็โทรมา
“คุณนอนหลับสบายดีไหม”
ซูเถากล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสงบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา”
“ก็ดีแล้ว สยงไท่ถูกจับแล้ว คนของผมส่งเขาไปที่ภูเขาผานหลิวให้คุณแล้ว”
“โอเค แล้วคุณจะกลับเมื่อไหร่”
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “อีกประมาณสามถึงห้าวัน ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่เสิ่นเวิ่นเฉิงกล่าวถึงจะมีวิวัฒนาการเหมือนมนุษย์ บุคคลนี้คิดว่าเสิ่นเวิ่นเฉิงและทีมตายแล้ว เขาจึงนำเอกสารการวิจัยของทีมไปขาย”
“ตอนนี้เรากำลังตามจับเขาอยู่”
ซูเถาจ้องมองอย่างเหม่อลอย “….แย่จริง ๆ งั้นพวกคุณไปทำงานเถอะ”
หลังจากวางสาย ซูเถาก็ตรงไปที่ภูเขาผานหลิว เมื่อหม่าต้าเพ่าเห็นเธอ เขาก็รีบมาทักทายเธอทันที
“เถ้าแก่ ในที่สุดสีหน้าของคุณก็กลับมาเป็นปกติแล้ว เมื่อวานคุณหน้าซีดมาก ตามผมมา ผมขังสยงไท่ไว้ในห้องน้ำ”
ทันทีที่ซูเถาเดินไปที่ประตูห้องน้ำ เธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านใน
“อ๊ะ! เจ้าแมว! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย! อา! อย่าฆ่าฉัน! ฉันผิดไปแล้ว! ฉันไม่กล้าแล้ว”
หม่าต้าเพ่าตกใจจึงบอกเหล่าจูและเหล่าฉีให้เปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นสยงไท่ที่เต็มไปด้วยเลือดและใบหน้ามีรอยขีดข่วน
มีแมวดำดุร้ายยืนอยู่บนฉากกั้น
ซูเถาตะคอก “เฮยจือหม่า!”
เมื่อเฮยจือหม่าได้ยินเสียง มันก็หยุดทันทีและแสดงท่าทีก้าวร้าวน้อยลง มันกระโดดลงจากฉากกั้นสูง 2 เมตรอย่างง่ายดาย และวิ่งมาที่เท้าของซูเถาแล้วถูไถเข้าที่เท้าของเธอ
ซูเถาอุ้มมันขึ้นมา และแน่นอนว่าเธอเห็นเลือดติดอยู่ที่กรงเล็บแหลมคมของมัน ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยความโกรธ
“แกอาฆาตแค้นมาก คืนนี้กลับไปฉันจะตัดเล็บของแก”
เฮยจือหม่าดูเหมือนจะเข้าใจ อุ้งเท้าของมันหดกลับเข้าไปทันที และหูของมันก็ลู่ไปด้านหลังศีรษะ
ในเวลานี้สยงไท่มีใบหน้าเปื้อนเลือดเขาถอยห่างออกไป
เฮยจือหม่าเริ่มหายใจแรงอีกครั้ง มันกัดฟันและกางกรงเล็บอย่างดุเดือดขณะที่ถูกอุ้ม
เมื่อเห็นแบบนี้ สยงไท่ก็ตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงสั่นเครือ ถ้าเขาไม่ได้ถูกมัด เขาไม่มีทางคุกเข่าลงแน่