ตอนที่ 231 การเปลี่ยนแปลง (3)
ฉินอวี่เยียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ไป๋อวิ๋นเซียนก้าวถอยออกไปยืนอยู่ด้านข้างด้วยความโล่งอก ฉินอวี่เยียนส่งสายตาให้ศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นคนหนึ่ง ศิษย์คนนั้นก็ปรี่ไปที่ร่างของมั่วเฉี่ยนยวนที่อยู่บนพื้นแล้วกระชากหัวของเขาขึ้นมา ให้ใบหน้าของเขามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่แน่นิ่งอยู่บนรถเข็น
“ฝ่าบาท น้องชายของเจ้าตายไปแล้ว หากเจ้ายังไม่อยากเป็นเหมือนเขา เช่นนั้นก็จงคายสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาแต่เนิ่นๆ เสียจะดีกว่า” ฉินอวี่เยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ มั่วเฉี่ยนยวนดื้อรั้นและใจแข็งกว่าที่นางคิดไว้มาก ยาพิษที่นางจับกรอกปากเขาไปในตอนแรก ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจแก่นางสักเท่าไร ยาพิษที่นางบังคับให้เขากลืนมันลงไปนั้น คือยาพิษที่จะเข้าไปทำลายอวัยวะภายในทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันมันก็จะกดเส้นประสาท บังคับให้ผู้ที่ถูกพิษมีสติอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็ตาม ความรู้สึกเจ็บปวดเกินจะบรรยายจากพิษนั้น เพียงพอจะทำให้คนผู้หนึ่งยอมฆ่าตัวตายเพื่อหลุดพ้นเลยทีเดียว
แม้จะเป็นอย่างนี้แต่มั่วเฉี่ยนยวนกลับเอาแต่ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ย
นี่ทำให้ฉินอวี่เยียนรู้สึกประหลาดใจเอามากๆ
มั่วเฉี่ยนยวนจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณของมั่วเซวี่ยนเฝ่ย ไม่มีความเจ็บปวดหรือว่าโศกเศร้าในดวงตาของเขา มีแต่เพียงความสะใจเท่านั้น
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนจากสำนักชิงอวิ๋นจะรู้ได้
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ” ฉินอวี่เยียนถอนหายใจเบาๆ โบกมือแล้วสั่งให้ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นคนหนึ่งไปยกมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นมา “เคยได้ยินเขาพูดกันว่าสิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ[1] ลุงเจียงโปรดช่วยข้าพิสูจน์ในเรื่องนี้ที”
เจียงเฉินชิงลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้ามั่วเฉี่ยนยวนแล้วยึดมือขวาที่อ่อนเปลี้ยของเขาไว้ ใช้สองนิ้วคีบไปที่นิ้วก้อยของมั่วเฉี่ยนยวน แล้วปลดปล่อยพลังวิญญาณผ่านปลายนิ้วเข้าไปทีละนิดๆ!
อ๊ากกก เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังลั่นท้องพระโรง
นิ้วก้อยของมั่วเฉี่ยนยวน เริ่มถูกเจียงเฉินชิงบดขยี้ตั้งแต่ปลายนิ้วของเขาลงไป เศษชิ้นเนื้อผสมกับโลหิตกระจัดกระจายเต็มพื้น เหล่านางกำนัลและขันทีที่หลบซ่อนตัวอยู่ ทำได้เพียงมองภาพฉากความสยดสยองตรงหน้าแล้วกอดกันกลมอย่างสั่นเทา สายตาที่มองไปยังฮ่องเต้ของพวกเขาที่กำลังทรมานอยู่ มีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น
“เจ็บหรือไม่” ฉินอวี่เยียนถามด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นมันช่างโหดร้ายและโหดเหี้ยมเหลือเกิน
นิ้วก้อยของมั่วเฉี่ยนยวนถูกบดขยี้จนเละไปหมดแล้ว ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั้งหัวใจ ทำให้ริมฝีปากของเขาขาวซีด เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องทนทรมานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน และเมื่อไหร่เรื่องทั้งหมดนี้จะยุติลงเสียที
ถ้าหากข้าฟังที่จวินอู๋เสียพูดแต่แรก…ถ้าหากข้าฟังที่นางเตือนแล้วชิงลงมือเสียแต่เนิ่นๆ…เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…
“ทำต่อ” ฉินอวี่เยียนยิ้มแล้วโพล่งคำพูดโหดร้ายออกไปอย่างหน้าตาเฉย
ในขณะที่เจียงเฉินชิงกำลังจะทรมานมั่วเฉี่ยนยวนต่อ ประตูท้องพระโรงที่ปิดสนิทมาโดยตลอด ก็ถูกพลังสายหนึ่งกระแทกให้เปิดออกจากด้านนอกอย่างแรง!
พวกเขาเห็นบุรุษรูปงามในชุดอาภรณ์สีขาวขี่อยู่บนหลังสัตว์ร้ายสีดำก้าวเข้ามาในท้องพระโรงอย่างองอาจ!
โฮกกกก เสียงร้องคำรามที่เหมือนกับเสียงร้องของสิงโตดังก้อง!
หลังจากที่เจ้าสัตว์ร้ายสีดำกลืนราชสีห์ทองคำยักษ์ลงไปแล้ว มันก็สามารถเลียนเสียงร้องคำรามเหมือนกับของเจ้าราชสีห์ทองคำยักษ์ของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยได้ ซึ่งเสียงร้องคำรามนี้ น่าเกรงขามกว่าเสียงร้อง ‘เหมียว’ ของมันเมื่อก่อนมาก!
“พวกเจ้าเป็นใคร!” เจียงเฉินชิงปล่อยมือของมั่วเฉี่ยนยวนลงทันที เขาเหยียดหลังตรง เผชิญหน้ากับหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรที่บุกเข้ามาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“คำถามนี้ ควรเป็นข้ามากกว่ากระมังที่ถามเจ้า” น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านนอกประตูท้องพระโรง จวินอู๋เสียก้าวผ่านประตูท้องพระโรงเข้ามาโดยมีจวินอู๋เย่าเดินตามหลังนางมาติดๆ รอยยิ้มทรงเสน่ห์ยังคงระดับอยู่ที่มุมปากบนใบหน้าที่งดงามของเขา
“พวกเจ้านับเป็นตัวอะไรกัน กล้าดีอย่างไรบุกเข้ามาในรัฐชีแล้วกระทำเรื่องอุกอาจแบบนี้” จวินอู๋เสียมองผ่านไปยังร่างของมั่วเฉี่ยนยวนที่นอนอยู่บนพื้นกลางท้องพระโรง คิ้วงามขมวดแน่นทันที
คิดจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของ แม้ว่านางจะอยากให้บทเรียนบางอย่างแก่มั่วเฉี่ยนยวน แต่ดูเหมือนนางจะยังประเมินความชั่วช้าของสำนักชิงอวิ๋นต่ำเกินไป
“อู๋เสีย…” มั่วเฉี่ยนยวนที่มีสีหน้าซีดเผือด ทันทีที่เขาเห็นจวินอู๋เสียปรากฏตัวออกมา ความเจ็บปวดในร่างกายทั้งหมดก็คล้ายพลันมลายหายไป เขายกยิ้มขึ้นอย่างยากลำบาก แสดงสีหน้าโล่งใจออกมาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
ในที่สุดนางก็มาแล้ว…
ตอนที่ 232 การเปลี่ยนแปลง (4)
เสียงของมั่วเฉี่ยนยวนนั้นแผ่วเบามาก แต่คำพูดที่เขาพูดออกมาก็ยังลอยมาเข้าหูของฉินอวี่เยียนทุกคำ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนเด่นหน้าประตูท้องพระโรงด้วยความสนใจ
อู๋เสียหรือ
ถ้านางจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าชื่อของคุณหนูใหญ่สกุลจวินก็คือจวินอู๋เสีย!
แต่นางได้ส่งคนไปที่จวนหลินอ๋องแล้วนี่ แล้วจวินอู๋เสียผู้นี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน!
อย่างไรก็ตาม ถึงฉินอวี่เยียนจะสงสัย แต่สิ่งที่นางให้ความสนใจในตอนนี้กลับเป็นจวินอู๋เย่าที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียมากกว่า
ช่างเป็นบุรุษที่หล่อเหล่าอะไรเช่นนี้!
นางไม่เห็นเคยรู้เลยว่าภายใต้ผืนฟ้านี้จะยังมีบุรุษที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย!
“เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หากเจ้าอยากรนหาที่ตายดีนักเช่นนั้นข้าก็จะสนองให้!” เจียงเฉินชิงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีตัวตนและมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร เขารู้เพียงว่าจวินอู๋เสียกล้าเหิมเกริมต่อหน้าสำนักชิงอวิ๋น และนางก็ต้องตาย!
เจียงเฉินชิงพุ่งขึ้นไปข้างหน้าทันทีด้วยความเร็วราวสายฟ้า เป้าหมายของเขาก็คือการฆ่าจวินอู๋เสีย โดยไม่เห็นบัวหิมะมัวเมาและคนอื่นๆ อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย คนหนุ่มสามคนกับภูติวิญญาณอีกตัวหนึ่งมันจะไปมีปัญญาทำอะไรเขาได้ จากที่ดูๆ แล้ว ดูเหมือนภูติวิญญาณของเด็กหนุ่มหน้าสวยนี้จะมีทักษะการต่อสู้เล็กน้อย พวกเขาสามคนอายุยังน้อย ส่วนคนที่อายุมากที่สุดก็อายุประมาณยี่สิบปี ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่มีใครคู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่คนเดียว!
อย่างไรก็ตามก่อนที่เจียงเฉินชิงจะแตะโดนขอบชายเสื้อของจวินอู๋เสีย เงาร่างที่เปื้อนโลหิตก็พุ่งมายืนขวางหน้าเขาไว้
เด็กหนุ่มรูปงามเหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าของเจียงเฉินชิงอย่างแรง การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ใจนี้ ทำให้เจียงเฉินชิงถึงกับต้องชะงักฝีเท้าแล้วยกแขนขึ้น ป้องกันใบหน้าแก่ๆ นี้จากกำปั้นของบัวหิมะมัวเมาที่ซัดเข้ามา เนื่องจากเขารับหมัดที่ชกเข้ามานี้ตรงๆ พลังโจมตีที่รุนแรงนั้นจึงทำให้เขาได้แผลหลายจุด
ในชั่วพริบตา เจียงเฉินชิงก็กระเด็นลอยออกไป แขนของเขาที่ยกขึ้นเพื่อปัดป้องการโจมตีของบัวหิมะมัวเมามีเลือดไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง กระดูกของเขาหัก และแขนที่ตกลงแนบติดกับอาภรณ์บนตัวก็เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่ปูดโปนออกมาอย่างชัดเจน!
นี่มันพลังบ้าอะไรกันเนี่ย!
เจียงเฉินชิงมองไปที่บัวหิมะมัวเมาด้วยสายตาตะลึงงันและไม่อยากจะเชื่อ!
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินที่แข็งแกร่งอย่างเขา กลับถูกเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์ในวัยเพียงสิบกว่าปีซัดจนกระเด็นด้วยหมัดเดียว นี่…ไม่ว่าใครก็ทำใจเชื่อไม่ลงทั้งนั้น!
ความแข็งแกร่งและอหังการ์ของบัวหิมะมัวเมา ไม่เพียงแต่ทำให้เจียงเฉินชิงตกตะลึง แม้แต่เหล่าศิษย์ที่มาจากสำนักชิงอวิ๋นก็ยังถึงกับต้องผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง!
ความแข็งแกร่งของเจียงเฉินชิงนั้นอยู่ในระดับใด พวกเขาชัดเจนเป็นที่สุด ต่อให้เขาจะถูกลอบโจมตีโดยไอ้เด็กหน้าขาวคนนั้น แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำให้เจียงเฉินชิงอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้
บัวหิมะมัวเมายกหมัดขึ้นกลางอกแล้วบีบกำปั้นของเขาจนเกิดเป็นเสียงดังกร๊อบแกร๊บ เลือดที่เพิ่งเปื้อนมือหยดลงกับพื้น แม้ว่าเขาจะหยิ่งผยอง แต่เขาก็เป็นเหมือนกับภูติวิญญาณทั่วๆ ไปที่จะต้องปกป้องเจ้านายของตัวเองให้ดีที่สุด! ตาแก่นี่ถึงกับบังอาจมามุ่งร้ายจวินอู๋เสียต่อหน้าต่อตาเขา สงสัยคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วกระมัง ถึงได้รนหาที่ตายแบบนี้!
“เจ้าเป็นใครกันแน่” เจียงเฉินชิงประคองแขนที่อาบเลือดของเขาแล้วถลึงตาจ้องบัวหิมะมัวเมา เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้จะเป็นคนรุ่นเยาว์จริงๆ
“เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรู้” บัวหิมะมัวเมายิ้มอย่างดูถูก
ฉินอวี่เยียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หรี่ตาลงแล้วเก็บสายตากลับมาจากร่างของจวินอู๋เย่า มองไปที่บัวหิมะมัวเมาอย่างใช้ความคิด เจียงเฉินชิงเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงิน คนธรรมดาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษอีกด้วย นอกเสียจากจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณในขอบเขตสีครามที่แข็งแกร่ง มิฉะนั้นใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะเอาเปรียบเจียงเฉินชิงได้
แต่เด็กหนุ่มคนนี้ เห็นได้ชัดว่าอายุยังน้อย แต่เขาสามารถส่งเจียงเฉินชิงให้กระเด็นลอยออกไปด้วยหมัดเดียวได้อย่างไร
ฉินอวี่เยียนกรอกตาอย่างใช้ความคิด นางลุกขึ้นยืนแล้วเปลี่ยนท่าทีของตัวเองทันที มองไปที่บัวหิมะมัวเมาที่วางตัวเย่อหยิ่งด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสท่านนี้ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ใช่มีความเข้าใจผิดใดต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราหรือไม่ แต่สำนักชิงอวิ๋นยามนี้กำลังจัดการธุระส่วนตัวอยู่ จึงขอท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าได้ยื่นมือเข้าแทรกแซง แล้วสำนักชิงอวิ๋นจะจดจำน้ำใจในครั้งนี้ของท่านไว้อย่างแน่นอน” ไม่ว่าคนผู้นี้จะอายุเท่าไร ฉินอวี่เยียนก็ไม่อยากจะวางตัวเป็นศัตรูกับเขา นางจึงอ้างชื่อของสำนักชิงอวิ๋นเพื่อให้เขาไว้หน้าและยอมรามือ ส่วนมั่วเฉี่ยนยวนกับจวินอู๋เสียนั้น อีกเดี๋ยวนางค่อยเก็บกวาดทีหลัง
—————————–
[1] สิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ หมายถึงมีความรู้สึกไว