มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 127 ปล้น

“ไอ้เศษสวะ มึงลงไปจากรถกูเดี๋ยวนี้!”

ไป๋เสี่ยวเสียนชี้หน้าด่ามู่เซิ่งด้วยความโกรธ

ปัญญาอ่อน

มู่เซิ่งพูดไม่ออกเลย

“มู่เซิ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ในเวลานี้ เจียงหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆมู่เซิ่งก็ดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ แล้วถาม

3 คนนี้ดูท่าทางน่าสงสาร แม้แต่เธอก็ทนไม่ได้ แต่ว่า มู่เซิ่งไม่ให้พวกเขาขึ้นมา จะต้องมีเหตุผล

มู่เซิ่งแอบส่ายหน้า และส่งสายตาให้เจียงหว่าน

3 คนนี้เป็นอันธพาล มีแต่เขาเท่านั้นที่มองออก

แต่ถ้าตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยในที่สาธารณะ เกรงว่าทั้งสามคนนี้จะกลัวว่ามู่เซิ่งและคนกลุ่มนี้แจ้งความ และเลือกที่จะฆ่าปิดปาก พวกอันธพาลประเภทนี้ไม่มีมนุษยธรรมเลย

เมื่อลงมือ พวกเขาอยู่บนรถ ในที่แคบ ถ้าอันธพาลหยิบปืนมายิงกวาดในรถ แม้ว่าจะเป็นมู่เซิ่งก็ยากที่สุดสลัดตัวออกจากสถานการณ์เช่นนี้

“เจียงหว่าน พวกเราลงจากรถเถอะ” มู่เซิ่งเอ่ยปากพูด

ในเมื่อพวกเขาอยากหาที่ตายกัน มู่เซิ่งก็ขี้เกียจจะอยู่ด้วย

“ฉัน…”

เจียงหว่านลังเลสักพัก ตรงนี้ยังห่างไกลจากเมืองมาก บนถนนจะมีรถหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ เกรงว่าจะหาที่พักไม่ได้

แต่ด้วยความไว้วางใจในตัวมู่เซิ่ง เธอก็พยักหน้า แล้วพูดว่า: “โอเค ฉันไปกับคุณ”

“มู่เซิ่งพยักหน้า จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆสักนิด: “มีใครจะลงรถด้วยกันไหม?”

แม้ว่าเขารู้สึกไม่ดีกับ เหล่าลูกหลานเศรษฐีเหล่านี้ แต่เขาคิดว่าเวลาทำอะไร ก็ให้ความสำคัญกับมโนธรรมที่ชัดเจน ก่อนไปก็ถามสักคำ ก็ถือว่าเป็นเป็นการทำตามสิ่งที่คิดในใจแล้ว

“ไอ้โง่ ใครจะลงรถไปกับแกล่ะ?”

“ไสหัวไปเถอะ ขยะที่ถูกคุณชายไป๋เขี่ยทิ้ง พูดเหมือนว่าตัวแกเองไม่อยากนั่งอยู่บนรถอย่างนั้นแหละ”

“ฮ่าๆๆ โง่จริงๆ ขนาดตดยังไม่กล้าเลยก็ลงจากรถไปแล้ว เจียงหว่าน คุณมีสามีแบบนี้น่าสงสารเลยจริงๆ ไม่งั้นก็หย่าไปซะก็สิ้นเรื่อง”

เมื่อมู่เซิ่งเอ่ยปาก ไม่เพียงแต่ไม่มีใครตกลง สายตาที่แต่ละคนมองมู่เซิ่ง กลับเหมือนว่ามองคนโง่คนหนึ่งเลย

ที่นี่ในถิ่นทุรกันดาร ไม่เห็นรถสักคัน ลงไปจากรถตอนนี้ จะกลับเจียงหนานได้ยังไง?

ฮ่า ฮ่า ฮ่า โง่จริงๆ ความคิดอะไรก็คิดออกมาได้ทั้งหมด

“ฉัน…ฉันตามคุณไปด้วย”

ในขณะนี้ เงาร่างที่สง่างามยืนขึ้นจากฝูงชน เดินไปข้างๆมู่เซิ่ง นั่นก็คือโจวเสว่ฉี

ในสายตาของเธอ มู่เซิ่งดีกว่ากลุ่มลูกเศรษฐีพวกนี้ที่ไม่ทำอะไรเลย บวกกับลูกเศรษฐีเหล่านั้นมักจะเยาะเย้ยมู่เซิ่งอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่มู่เซิ่งพูดจะผิด เธอก็จะยังยืนอยู่เคียงข้างมู่เซิ่งและสนับสนุนเขา

ผู้คนตกตะลึง เงียบเป็นเป่าสาก

เกิดอะไรขึ้น?

โจวเสว่ฉีจะตามมู่เซิ่งไปเหรอ?

มู่เซิ่งก็เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยา ได้คบกับเจียงหว่านก็ทำให้ทุกคนอิจฉาแทบแย่แล้ว วันนี้แม้แต่สาวสวยอย่างโจวเสว่ฉีก็จะตามมู่เซิ่งไปอีกคนงั้นเหรอ? นี่มันอะไรกัน!

“คุณโจว หมอนี่พูดจาซี้ซั้ว คุณอย่าไปเชื่อเด็ดขาด!”

“จริงด้วย คุณโจว คำพูดไร้สาระของคนโง่คนหนึ่งคุณก็เชื่อเหรอเนี่ย?”

ในเวลานี้เซียวผิงก็เดินออกมา ที่นี่ก็ไม่ใช่ตระกูลหลิ่ว เขาก็ไม่ได้กลัวมู่เซิ่ง พูดอย่างเย็นชา: “โจวเสว่ฉี ผมรู้ว่าคุณอยากสนับสนุนมู่เซิ่ง แต่คุณยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ถ้าหากลงรถไปกับคนโง่คนนี้ จะมีใครรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“ใช่ๆๆ เซียวผิงพูดถูก”

“ไม่แน่เขาอาจจะหลอกให้คุณลงจากรถ แล้วทำเรื่องอย่างว่ากับคุณล่ะ!”

มู่เซิ่งได้ยิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คนกลุ่มนี้ ตนไม่อยากจะไปสนใจพวกเขา สุดท้ายแล้วจะยังไม่จบกับเขาใช่ไหม?

มู่เซิ่งพูดจาเย็นชาว่า: “เหอะๆ พวกคุณไม่อยากเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า……”

คำพูดของมู่เซิ่งเรียกเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ไป๋เสี่ยวเสียนหัวเราะเย็นชา เดินไปตรงหน้ามู่เซิ่ง “ไอ้ขยะ มึงจะให้กูไล่มึงลงจากรถเองใช่ไหม? นี่คือรถของกู กูไม่ต้อนรับมึง ลงไปจากรถซะ!”

มู่เซิ่งยิ้มเบาๆ ลงไปจากรถกับเจียงหว่านและโจวเสว่ฉี

“พวกคุณรีบขึ้นมาเถอะ ตอนนี้เคลียร์ที่ว่างให้แล้ว” ไป๋เสี่ยวเสียนพูดกับคนที่อยู่ข้างล่าง 3 คน

“ขอบคุณนะ ขอบคุณพวกคุณจริงๆ”

ดวงตาของชายฉกรรจ์ที่แบกผู้หญิงไว้บนหลังเปล่งประกาย รีบขึ้นไปบนรถ และนั่งลงบนเก้าอี้

ผู้ชายอีกคนหนึ่งก็พยักหน้าซ้ำๆ สีหน้าร่าเริง

พวกเขาอยู่ด้านนอกรถ แต่ได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจน

พวกเขามั่นใจ 100% จากรูปร่างหน้าตา และอากัปกิริยาสีหน้าของว่ามู่เซิ่ง มู่เซิ่งจะต้องจำพวกเขาได้ อีกอย่างออร่าบนตัวของไอ้หมอนี่ได้รับการฝึกฝนจนสุดขีด เขาต้องเป็นผู้ฝึกฝนอย่างแน่นอน!

เพียงแต่ว่า ไม่รู้ทำไม คนบนรถพุ่งเป้าไปที่มู่เซิ่ง ต้องการไล่เขาลงจากรถ

เรื่องนี้พวกเขาก็ขี้เกียจจะไปสนใจแล้ว ถึงขั้นที่ว่าหวังให้มู่เซิ่งรีบๆลงจากรถ ทั้งรถบัส ก็มีแค่มู่เซิ่งเท่านั้นที่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เมื่อมู่เซิ่งไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!

“พี่ใหญ่ จะลงมือตอนนี้เลยไหม?”

ผู้ชายชี้ไปที่ด้านข้างของเขา

“รอให้ 3 คนนี้ไปก่อน ผู้ชายคนนั้นมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา ถ้าหากลงมือ พวกเราอาจจะเกิดปัญหา”

ชายฉกรรจ์ที่แบกผู้หญิงส่ายหน้า

แม้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้กลัวมู่เซิ่งขนาดนี้ แต่ก็พยักหน้า และไม่รีบลงมือทำอะไร

“เห็นหรือยัง คนเขาก็เป็นแค่ชาวนาที่ซื่อๆ ยังไม่ให้พวกเขาขึ้นบนรถอีก จิตสำนึกของคุณถูกหมาคาบไปแล้ว”

เห็นท่าทางทั้ง 3 คนนั่งบนเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ ไป๋เสี่ยวเสียนก็หัวเราะฮ่าฮ่า “ฉันให้โอกาสแกครั้งหนึ่ง ขอเพียงแค่แกคุกเข่าขอโทษฉัน ฉันก็จะให้แกขึ้นรถ”

มู่เซิ่งยิ้มแต่ไม่พูด สายตาจับจ้องไปที่ไป๋เสี่ยวเสียนด้วยความดูถูก และพูดออกมาคำหนึ่งว่า “ไสหัวไป”

“แก เหอะๆ ก็ตายไปในถิ่นทุรกันดารนี้เถอะ!”

ไป๋เสี่ยวเสียนโมโหมากจนหัวเราะออกมา ยื่นมือออกมาชี้นิ้วใส่มู่เซิ่งอย่างดุร้าย จากนั้นก็บอกคนขับรถว่า “ออกรถ ไม่ต้องสนใจไอ้โง่คนนี้!”

คนขับรถพยักหน้า เหยียบคันเร่ง รถบัสขับรถออกไปท่ามกลางเสียงดังสะเทือน ปล่อยไอเสียออกมา

มองดูรถขับไป มู่เซิ่งโทรศัพท์หาหลิ่วมู่เซิง บอกว่าตนลงจากรถระหว่างทางแล้ว ให้พวกเขาไปส่งตนหน่อย หลิ่วมู่เซิงตอบรับอย่างง่ายดาย และในไม่ช้าก็ขับรถหรูออกมา

“พี่มู่ ขึ้นรถ”

คนขับรถก็คือหลิ่วผู่คุน แต่ตอนนี้ท่าทีของเขาที่มีต่อมู่เซิ่ง คือความนับถืออย่างยิ่ง

มู่เซิ่งกับเจียงหว่านและคนอื่นๆก็ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังเจียงหนาน

อีกฝั่งหนึ่ง บนรถบัส

หลังจากที่ไล่มู่เซิ่งไป ไป๋เสี่ยวเสียนก็ถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ให้เขาเย่อหยิ่งออกนอกหน้าตลอด เดาว่าตอนนี้ พวกเขาทั้งสามคนคงจะเดินเท้าเปล่าอย่างน่าสงสารแล้วล่ะมั้ง

เหอะๆ สมควร!

ไป๋เสี่ยวเสียนกลับมานั่งตรงที่นั่ง

หลังจากที่ชาวนาขึ้นมาบนรถ ลูกหลานเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละคนก็รังเกียจกันมาก ต่างก็นั่งอยู่ไกลๆพวกเขา กลัวว่าจะทำให้เสื้อผ้าของตนสกปรก ปกติแล้วพวกเขาปากบอกว่ามีน้ำใจ แต่กลับสนใจเฉพาะคนของตัวเอง

ชายฉกรรจ์ที่ตัวเปื้อนไปด้วยโคลนก็ไม่ได้ถือสา ใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดโคลนออกจากแขน เผยให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่และดุดัน

“รอย…รอยสัก”

มองไปที่ชายฉกรรจ์ ลูกหลานเศรษฐีคนนี้อึ้งทันที

ชาวนาคนนี้ทำไมถึงได้มีรอยสักที่ใหญ่มากบนร่างกาย? แม้พวกเขาไม่พูดอะไร แต่ภายในใจ ก็มีลางสังหรณ์อยู่บ้าง

“เลี้ยวรถ ขับไปทางซ้าย!” ชายฉกรรจ์ลุกขึ้นแล้วพูด

“เลี้ยวรถ นั่นเป็นทางไปภูเขานะ” คนขับขมวดคิ้ว ชายฉกรรจ์คนนี้สั่งเขาให้ขับรถไปไหน?

ไป๋เสี่ยวเสียนเผยแววตาไม่พอใจ ชาวนาคนนี้คิดจะทำอะไร?

ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ชายฉกรรจ์เดินไปตรงหน้าคนขับรถ ทันใดนั้นก็หยิบกริชออกมาจากข้างตัว และจี้ที่หัวของคนขับ พร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า “ปล้น เข้าใจไหม?”

“เอามือสองข้างกุมหัว แล้วหมอบลงบนเก้าอี้!”

ผู้ชายอีกคนลุกขึ้นยืน ในมือของเขา นำหอกยาวสีดำออกมาอย่างฉับพลัน

ฉึบ!

ทุกคนบนรถ ต่างก็ตกตะลึง

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการปล้นจริงๆ!

“ฉันมีเงิน 5 แสน ทั้งเนื้อทั้งตัว ขอร้องคุณปล่อยฉันไปเถอะ……” ไป๋เสี่ยวเสียนพูดจาติดอ่างและหยิบบัตรธนาคารออกมาและร้องไห้

“ปล่อยลูกค้าไปกับผีน่ะสิ!”

ผู้ชายเตะไป๋เสี่ยวเสียนลงกับพื้น เพื่อนพ้องของพวกเขาได้ข่าวเมื่อ 3 วันก่อน มีลูกเศรษฐีมากกว่า 20 คนจากในมณฑลเจียงหนานที่กำลังออกไปเที่ยวตามชานเมือง จะผ่านถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ แม้ว่าจะเป็นตระกูลอันดับรองก็ตาม เงินติดตัวพวกเขาจะมีแค่ 5 แสนได้อย่างไร?”

“โทรศัพท์หาพ่อพวกแก คนละ 20 ล้านหยวน ถ้าไม่ให้เงิน กูจะฆ่าให้ตาย!”

เสียงของผู้ชายเย็นชา และดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

ไป๋เสี่ยวเสียนขาสั่น ใบหน้าซีดเผือด รู้สึกเพียงแค่หวาดกลัวอยู่ข้างใน

แย่แล้ว

ครั้งนี้ พวกเขาแย่แล้วจริงๆ