ตอนที่ 428 – กักตนพุ่งสู่ขั้นปลาย
แม้จะตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องกลับเทียนจี๋ แต่ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนระยะยาว
สถานการณ์อวิ๋นจงในปัจจุบันนี้วุ่นวาย ไม่ใช่เวลาที่ดีในการออกไปข้างนอกเลย อีกทั้ง การข้ามทะเลใต้ด้วยระดับการฝึกตนของนางนั้นมีอันตรายสูงเกินไป เมื่อครุ่นคิดถึงสองจุดนี้ โม่เทียนเกอก็ได้แต่อดทนทำอย่างช้า ๆ ระยะเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบปีน่าจะพอแล้ว
วันต่อ ๆ มาน่าเบื่อมาก เนี่ยอู๋ชางไม่ออกจากถ้ำพำนักเลย โม่เทียนเกอก็ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ทุก ๆ วันฝึกตน, ศึกษาประสบการณ์ฝึกตนของโม่เหยาชิง, ตรวจสอบตำราโบราณ ผ่านไประยะหนึ่งก็ออกไปซื้อสิ่งของจำเป็น สอบถามข่าวสาร
ผู้ฝึกตนระดับสูงของอวิ๋นจงรวมตัวกันที่ทะเลกุยสวี ทุกวันล้วนมีข่าวสารเล็ก ๆ น้อย ๆ แพร่กระจายในเมืองกุ่ยฟาง
ผ่านไปไม่นานนัก ในเมืองกุ่ยฟางมีข่าวลือว่าผู้ฝึกตนเหล่านั้นค้นพบร่องรอยของเจดีย์มารสวรรค์แล้ว ผู้ฝึกตนที่ได้รับเจดีย์มารสวรรค์คนแรกสิ้นชีพที่ทะเลกุยสวีแล้ว สิ่งของตกไปอยู่ในมือผู้ฝึกตนอิสระ
หลังจากนั้นลือกันอีกว่า ผู้ฝึกตนอิสระนั้นหนีไปหลายวัน ถูกประมุขมารคนหนึ่งค้นพบ ฆ่าตายคาที่ ยึดเจดีย์มารสวรรค์ไป แต่น่าเสียดาย ผู้ฝึกตนใหญ่ ๆ หลายคนของอาณาจักรตงถังก็ค้นพบในเวลาเดียวกัน ตกลงสู่การแย่งชิง
ในการแย่งชิงครานี้ สำนักผู้ฝึกพุทธและผู้ฝึกขงจื้ออาณาจักรหนานโจวก็ถูกม้วนเข้าไปด้วย ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานนับร้อยนับพันลงไม้ลงมือที่ทะเลกุยสวีเป็นการใหญ่ และผู้ฝึกตนผูกจิตวิญญาณจำนวนมากก็ฉีกหน้าแตกหักกันแล้ว
ข่าวลือนี้ลือกันนานหลายปี ทุกครั้งที่โม่เทียนเกอออกไป สิ่งที่ได้ยินล้วนเป็นข่าวว่าผู้ฝึกตนสักคนของสำนักสักสำนักสิ้นชีพ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ โม่เทียนเกอและเนี่ยอู๋ชางคุยกันเป็นการส่วนตัวว่าหลังเหตุการณ์นี้ เกรงว่ากลุ่มอำนาจของอวิ๋นจงต้องสับเปลี่ยนขนานใหญ่ ผู้ฝึกตนมากขนาดนี้สิ้นชีพ อีกทั้งล้วนเป็นก่อเกิดตานขึ้นไป สำหรับสำนักเล็ก ๆ จำนวนมาก นี่เป็นหายนะในหายนะ
ตามคาด ถัดจากนั้น ข่าวลือในเมืองกุ่ยฟางล้วนพูดว่าผู้ฝึกตนสิ้นชีพไปแล้วอีกเท่าไหร่
คลื่นลมครานี้ยาวนานต่อเนื่องยี่สิบกว่าปีจึงเรื่องสงบลง ไม่กี่ปีแรกสุด ผู้ฝึกตนหลากหลายที่มาลงมือต่อสู้แย่งชิงเจดีย์มารสวรรค์กันใหญ่โต นองเลือดกันทุกวัน ในระยะนี้ สำนักเล็ก ๆ มากมายดับสูญไปด้วยเหตุนี้ ภายหลัง การต่อสู้เพียงจำกัดอยู่ที่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของสำนักใหญ่ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน พร้อมกับที่ผู้ฝึกตนแต่ละสำนักกลับสำนักอาจารย์ สนามต่อสู้ก็ไม่เพียงจำกัดอยู่ที่ทะเลกุยสวีแล้ว
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เจดีย์มารสวรรค์สรุปแล้วตกอยู่ในมือใคร มีความเห็นแตกต่างกันแล้ว ไม่อาจทราบชัด
มักจะมีสำนักที่ผูกความแค้นกันกล่าวหาว่าในมืออีกฝ่ายมีเจดีย์มารสวรรค์มาทำการแก้แค้น อวิ๋นจงปั่นป่วนด้วยเหตุนี้
ถึงสิบปีสุดท้าย คลื่นลมค่อย ๆ สงบ กลุ่มอำนาจสำนักต่าง ๆ สูญเสียอย่างสาหัส ปิดสำนักพักฟื้น ในที่สุดอวิ๋นจงก็สงบลง
ส่วนเจดีย์มารสวรรค์สุดท้ายแล้วตกอยู่ในมือใครถึงกับไม่มีผู้ใดทราบ
ความวุ่นวายครานี้ จากต้นจนจบ นอกจากคนที่ได้เจดีย์มารสวรรค์ กลุ่มอำนาจใด ๆ ล้วนไม่ได้รับผลประโยชน์ แต่กลับสูญเสียผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่ยอดเยี่ยมจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่
ถึงขนาดมีคนระแวงว่า นี่เดิมทีเป็นแผนร้ายประการหนึ่ง ให้กลุ่มอำนาจต่าง ๆ ของอวิ๋นจงเข่นฆ่ากันเอง เป็นแผนร้ายที่จะเผาผลาญความแข็งแกร่งของพวกเขา
แต่การปรากฏสู่โลกของเจดีย์มารสวรรค์กลับเป็นสิ่งที่ไม่ข้อกังขาสักนิด ผู้ฝึกตนมากมายล้วนเคยเห็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้กับตา แต่น่าเสียดายที่ยังคลำหาวิธีการใช้งานวัตถุนี้ไม่ออกก็ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว
โม่เทียนเกอได้ยินเรื่องพวกนี้ ในใจกลับแอบคิดว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้ ไหนเลยจะไม่เคยคิดว่านี่อาจจะเป็นแผนร้าย แต่ว่า ขอเพียงเจดีย์มารสวรรค์เป็นของจริง ถึงจะระแวง พวกเขายังคงเต็มอกเต็มใจจะกระโดดลงไป
เลื่อนขึ้นแปลงเทพ สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่แทบจะฝึกตนไปถึงจุดสูงสุดและไม่มีความหวังจากเลื่อนระดับเหล่านี้ แม้จะเสี่ยงชีวิตก็ไม่เสียดาย
ในเมืองกุ้ยฟาง สิ่งที่โม่เทียนเกอได้ยินมากที่สุดยังคงเป็นเรื่องของประมุขมารกุ่ยฟางรวมทั้งผู้ฝึกตนในสังกัด
สิบกว่าปีก่อน ประมุขมารกุ่ยฟางพาเหล่าลูกศิษย์กลับมายังเมืองกุ่ยฟางแล้ว ในการต่อสู้นี้ เมืองกุ้ยฟางแม้จะไม่ถึงกับสั่นคลอนรากฐาน แต่ก็สูญเสียอย่างหนักหน่วง
ตัวอย่างเช่น ในศิษย์หลักหลายคนของประมุขมารกุ่ยฟาง สองคนที่มีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ที่สุดสิ้นชีพในความวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกมารของเมืองกุ่ยฟางจึงกังวลไม่รู้แล้ว
ประมุขมารกุ่ยฟางถึงจะแข็งแกร่ง จัดอยู่ในสามประมุขมารใหญ่ แต่อายุขัยของเขาไม่มากจริง ๆ มีคนคำนวณว่าอย่างมากที่สุดก็ห้าร้อยปี ในห้าร้อยปีนี้ ถ้าหากเมืองกุ่ยฟางไม่ปรากฏผู้สืบทอดที่ระดับการฝึกตนสูงส่งความแข็งแกร่งเลิศล้ำ ก็จะกลายเป็นเป้าหมายการแย่งชิงของกลุ่มอำนาจอื่น นี่สำหรับเมืองกุ้ยฟางแล้วไม่ใช่เรื่องดีเป็นอันขาด
แต่ก็มีคนมองในแง่ดีว่า ศิษย์คนเล็กที่คุณสมบัติสูงล้ำคนนั้นของประมุขมารกุ่ยฟางเลื่อนขึ้นก่อเกิดตานขั้นกลางแล้ว ระยะเวลาห้าร้อยปีไม่แน่ว่าจะสามารถเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ได้อย่างราบรื่น ถึงเวลา เมืองกุ่ยฟางยังคงสามารถรักษาตำแหน่งแดนมารใหญ่ทั้งสามของทุกวันนี้ นอกจากนี้ ถึงแม้เมืองกุ้ยฟางจะมีความสูญเสีย แดนมารใหญ่อีกสองแดนก็สูญเสียศิษย์กลุ่มใหญ่ไปเช่นกัน ใครก็ไม่ได้จะดีไปกว่าใคร แล้วจะเป็นไรไปเล่า
ทฤษฎีอย่างนี้มีผู้เห็นพ้องมากมาย อย่างไรเสีย พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนระดับต่ำมีชีวิตไม่ถึงห้าร้อยปี หลังจากตนเองตายไป ใครจะสนว่าน้ำท่วมถึงสวรรค์*
ศิษย์คนเล็กของประมุขมารกุ่ยฟางที่ผู้ฝึกตนเหล่านี้พูดกันน่าจะเป็นหยางเฉิงจี พูดอย่างนี้ หยางเฉิงจีไม่เพียงเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยจากความวุ่นวายยี่สิบกว่าปีนี้ อีกทั้งยังเลื่อนขึ้นก่อเกิดตานขั้นกลางแล้ว อีกอย่าง แม้แต่สวรรค์ยังช่วยเขา ทำให้ซือเกอคู่แข่งของเขาสิ้นชีพในความวุ่นวาย เช่นนี้แล้ว วันเวลาในตอนนี้ของเขานับว่าพ้นทุกข์สุขมาเยือน ลมวสันต์โชยชื่น
เบื้องบนไม่มีซือเกอซือเจี่ยกดดัน กลายเป็นศิษย์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ที่สุดของประมุขมารกุ่ยฟาง เมืองกุ่ยฟางจะต้องสนับสนุนเขาสุดกำลัง หลังจากนี้ ไม่มีใครจะกดเขาอีก เขาก็กลายเป็นนายน้อยตัวจริงของเมืองกุ่ยฟาง
ยี่สิบปีนี้ การบ่มเพาะปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มของเนี่ยอู๋ชางยังนับว่าราบรื่น เพียงแต่ว่าความเร็วนั้นช้าอยู่บ้าง จนถึงปัจจุบันนี้ยังคงแปลงไปได้เพียงหนึ่งในสาม คำนวณอย่างนี้ ยังต้องใช้เวลาอีกห้าสิบปีนางจึงสามารถเก็บปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้มาใช้ประโยชน์
แต่ว่า เนี่ยอู๋ชางบอกว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มที่สยบแล้วเหล่านี้เพิ่มพูนระดับการฝึกตนของนางอย่างใหญ่หลวง คาดว่าผ่านไปไม่กี่ปีก็สามารถเลื่อนขึ้นก่อเกิดตานขั้นปลาย หากสามารถสยบปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้ทั้งหมดในห้าสิบปี ถึงเวลาจะสามารถเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่
เนี่ยอู๋ชางในปัจจุบันนี้เป็นผู้ฝึกมารแล้ว การฝึกสภาวะจิตใจอะไรนั่นสำหรับนางไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว กักตนจนเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ที่นี่ตรง ๆ ก็ไม่เป็นไร
ส่วนโม่เทียนเกอ การฝึกตนยี่สิบปีนี้ก็ราบรื่นมาก นางไม่ได้กินโอสถมากเกินไป แต่ด้วยคุณสมบัติของนาง บวกกับประสบการณ์การฝึกตนของโม่เหยาชิง รวมทั้งพลังวิญญาณอันเข้มข้นของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ภายใต้ความทุ่มเทจดจ่อ ความเร็วในการฝึกตนเร็วจนน่าตระหนก ปัจจุบันนี้ไปถึงจุดสูงสุดของก่อเกิดตานขั้นกลาง สามารถกักตนพุ่งทะลวงขั้นปลายแล้ว
ถึงจะรู้สึกว่าตนเองฝึกตนครั้งนี้ผ่านด่าน แต่โม่เทียนเกอยังคงตัดสินใจจะเลื่อนขึ้นขั้นปลายก่อน
เรื่องมีแบ่งหนักแบ่งเบา ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนางในตอนนี้ไม่ใช่ฝึกตนเร็วเกินไป ทว่าระดับการฝึกตนไม่เพียงพอ ดังนั้น ถึงจะความกังวลว่าพื้นฐานไม่มั่นคง นางยังคงตัดสินใจเลื่อนขั้นก่อน ส่วนปัญหาของสภาวะจิตใจ ตอนที่เลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ค่อยครุ่นคิดก็ยังไม่สาย
หลังจากตัดสินใจเช่นนี้ โม่เทียนเกอเสียเวลาพักหนึ่งซื้อสิ่งจำเป็นต่อการกักตน แจ้งต่อเนี่ยอู๋ชางสักคำ เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนไปกักตน
นั่งอยู่ในเรือนน้อยของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน โม่เทียนเกอไม่ได้ฝึกตนทันที
ในระยะเวลายี่สิบกว่าปีนี้ เวลาของนางไม่เพียงใช้ไปกับการฝึกตน นอกจากนี้ยังพลิกดูหนังสือทั้งหมดในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนไปหนึ่งรอบ
กระบี่ฝูเซิงเล่มนั้นในมือ นางใช้ทักษะการหลอมอุปกรณ์ขจัดคราบสนิมเหล่านั้นไปแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในกาลก่อน แต่เผยประกายออกมาแล้ว
นางหยิบกระบี่ฝูเซิงออกมาจากในกระเป๋าเอกภพ เห็นเพียงตัวกระบี่ดุจวารีสารทใสกระจ่าง หนาวจนสะท้าน ด้ามกระบี่รูปทรงเรียบง่าย ดูอย่างละเอียด บนนั้นสลักตัวอักษรโบราณสองคำ ฝูเซิง
ถึงจะไม่ได้มีสนิมเกรอะกรังแล้ว แต่กระบี่ทั้งเล่มกลับถูกปราณมารที่คล้ายมีเสมือนไม่มีหนึ่งชั้นปกคลุม ปราณมารนี้ดูอ่อนแอมาก แต่โม่เทียนเกอเคยพยายามแล้ว ไม่อาจขจัดออกไป
นางเดาว่า กระบี่นี้ตกอยู่ที่แดนมารหลายหมื่นปี สุริยันจันทราผันผ่าน ปราณมารที่เดิมที่ไม่ได้แข็งแกร่งพวกนั้นสั่งสมจนกลายเป็นพลังอันน่าสะพรึงกลัว ค่อย ๆ กัดกร่อนกระบี่ฝูเซิงที่สูญเสียเจ้านายไป เวลาหลายหมื่นปีทับถม ไม่ว่ากระบี่ฝูเซิงเดิมจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจต้านทานการพังทลายตามกาลเวลา
นางเคยถามเนี่ยอู๋ชางว่า สถานการณ์ประเภทนี้ควรจะจัดการอย่างไร เนี่ยอู๋ชางบอกว่าไร้ทางแก้ ถึงนางจะติดตามซงเฟิงซ่างเหรินจนเติบใหญ่ แต่การฝึกของมหาเวทปีศาจแรกเริ่มกับผู้ฝึกมารไม่เหมือนกันเลย ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ประเภทนี้พิเศษเฉพาะเกินไป นางไม่อาจล่วงรู้
โม่เทียนเกอหันไปสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในหนังสือที่เจ้าหายคนก่อน ๆ ของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนทิ้งเอาไว้ ท้ายที่สุดกลับเป็นเฟยเฟยแจ้งต่อนางว่า ช่วงโบราณกาลมีสมบัติลับประเภทหนึ่งเรียกว่าวารีดับวิญญาณ วัตถุนี้เป็นดาวข่มของปราณมาร ว่ากันว่าสามารถชำระล้างสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับปราณมารทั้งหมด
เฟยเฟยว่างจนเบื่อหน่ายอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ยามปกตินอกจากฝึกตนแล้วก็เล่นกับเสี่ยวหั่ว เรื่องที่เหลือก็คือพลิกอ่านหนังสือ มันเดิมเป็นอสูรเทพ สติปัญญาไม่ด้อยกว่ามนุษย์ ความจำยิ่งดีเยี่ยม แทบจะผ่านตาไม่ลืมเลือน
โม่เทียนเกอหาหนังสือเล่มนั้นเจอ ในนั้นมีการบันทึกถึงวารีดับวิญญาณจริง ๆ แต่วารีนี้กลับเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวที่แดนเซียนโบราณเท่านั้น หายากถึงสิบส่วน ล้ำค่าหาใดเปรียบ
สถานที่ที่ได้รับการเรียกขานว่าแดนเซียนยุคโบราณกาล มาถึงทุกวันนี้เลือนหายไปจากโลกหล้าแต่แรกแล้ว ที่ใดก็หาไม่เจอ โม่เทียนเกอผิดหวังอย่างยิ่ง ได้แต่ปล่อยวางไว้ชั่วคราว หยิบกระบี่ฝูเซิงออกมาดูเป็นครั้งคราว ศึกษาว่ามีหนทางอื่นที่จะสามารถกำจัดปราณมารหรือไม่
อันที่จริง ตามที่ประมุขมารเสวียนเยว่พูด กระบี่ฝูเซิงในตอนนี้มีอำนาจประมาณหนึ่งแล้ว นางหยิบมาใช้เป็นอาวุธเวทก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า หากสามารถชำระล้างปราณมารบนนั้น กระบี่นี้จะสามารถฟื้นคืนสู่ความคมกล้าของวันวาน กระบี่นี้ในเมื่อเป็นกระบี่คู่ชีพของฝูเหยาจื่อผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอวิ๋นจง หากฟื้นฟูพลังในอดีต ควรจะเป็นอาวุธเวทที่แข็งแกร่งเพียงใด ถึงแม้ว่าโม่เทียนเกอไม่ได้สะโมบเกินไปต่อวัตถุอย่างอาวุธเวท พอคิดถึงตรงนี้ก็ยังรู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่าน
เก็บกระบี่ฝูเซิงกลับไป นางจัดวางสินค้าที่ซื้อมาในครั้งนี้ทีละรายการ
ถึงแม้ว่านางไม่ต้องการหญ้าวิญญาณมากเกินไป แต่การกักตนฝึกตนยี่สิบกว่าปียังใช้จ่ายศิลาวิญญาณของนางไปจำนวนมาก ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนมีหญ้าวิญญาณส่วนใหญ่ แต่ก็มีวัตถุดิบบางอย่างที่ไม่มีที่นี้อยู่เสมอ จำเป็นต้องซื้อ อุปกรณ์ตั้งม่านพลัง, เครื่องราง ถึงครั้งหนึ่งจะเปลืองไม่มาก บวกขึ้นมากลับค่อนข้างน่าชม —— ที่นี่เป็นเมืองกุ่ยฟาง สิ่งของของผู้ฝึกเต๋าราคาไม่ถูก
ยี่สิบกว่าปีนี้ โม่เทียนเกอเห็นกับตาว่ากระเป๋าของตนเองแบนลงไป เครื่องบูชาในสำนักของนางในอดีตมีไม่น้อย สภาปี้เซวียนก็มอบศิลาวิญญาณให้นางอีกหลายหมื่นก้อน ยิ่งบวกกับการเก็บกระเป๋าเอกภพจำนวนมากในภูเขามาร รวมทั้งทรัพย์สินของผู้ฝึกตนที่เคยเข่นฆ่าพวกนั้น จึงไม่ได้เอาจริงเอาจังกับศิลาวิญญาณไปช่วงหนึ่ง
แต่ศิลาวิญญาณมากเกินไปก็ประคับประคองการที่มีออกไม่มีเข้าหลายปีขนาดนี้ไม่ไหว อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายของระดับก่อเกิดตานเดิมก็ไม่น้อย
ค้นพบจุดนี้แล้ว โม่เทียนเกอเริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ ขอเพียงนางควบคุมตัวเอง สิ่งที่สามารถไม่จ่ายก็ไม่จ่ายสุดความสามารถ ศิลาวิญญาณบนตัวน่าจะเพียงพอให้นางใช้ไปถึงผูกจิตวิญญาณ พอกลายเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ย่อมไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับศิลาวิญญาณอีกแล้ว
คิดถึงตอนท้ายสุด นางสะบัดศีรษะ ผลักเรื่องยุ่งพวกนี้ออกไป จัดสิ่งของจิปาถะให้ดี นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ เริ่มขัดเกลาวิญญาณ หายใจเข้าออก
กักตนครั้งนี้ นางจะต้องเข้าไปสู่ก่อเกิดตานขั้นปลาย
………………..
*อันนี้น่าสนใจตรงที่ว่าที่มาของประโยคนี้มาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศส “Après moi, le déluge” แปลว่า ‘After me, the flood’ ความหมายตีความกันว่าเป็นการแสดงออกถึงความไม่แยแสว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังตัวเองตาย ประมาณว่าชาติจะล่มจมหลังตัวเองตายก็ไม่สน วันนี้ตัวเองมีชีวิตก็ขอฟุ่มเฟือยก่อน แต่ก็ว่ากันว่าเป็นการตีความแบบใส่ร้ายเหมือนกัน (เหมือนกับเรื่องพระนางอังตัวเนตกับเค้ก)
ตอนที่ 429 – ผู้ฝึกตนสำนักพุทธ