หยวนชิงหลิงได้ถูกพาเข้าไปจากประตูหลังของจวน ผู้หญิงที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบผู้ชายที่ปล่อยผมไว้ คนในจวนเจ้าพระยาเห็นแล้วไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นเห็นเป็นเรื่องปกติ

ความชอบนี้ของท่านเจ้าพระยา มีใครไม่รู้บ้าง?

“ข้าจะไปจัดการธุระหน่อย พวกเจ้าดูนางเอาไว้ให้ดีๆ!” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกระชากนางเข้าไปในห้อง สั่งกำชับสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้สองคนคำนับแล้วตอบ

หยวนชิงหลิงมองดูหญิงสาวสองคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ กระดูกมือใหญ่ ดูแล้วก็น่าจะเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์

นางคิดอยากจะหนีไปจากมือของสองคนนี้ ใช้กำลังนั้นไม่มีทางเป็นไปได้

แต่ว่า……….หยวนชิงหลิงจับกล่องยาที่อยู่ในแขนเสื้อหนึ่งที แววตากะพริบ

“พี่สาวท่านนี้ ข้าอยากเข้าห้องน้ำ ไม่ทราบว่าห้องน้ำอยู่ที่ใด?” หยวนชิงหลิงถาม

สาวใช้สองคนนี้เห็นนางไม่มีอาการหวาดกลัวเลย ใส่เครื่องแต่งกายผู้ชายกลับมีใบหน้าของผู้หญิง แล้วมองดูหน้าตาที่มีเสน่ห์ของนาง คิดว่าน่าจะเป็นนางคณิกาที่มาจากซ่อง มาด้วยความเต็มใจ อย่างไรก็ตามท่านเจ้าพระยาได้สั่งให้ดูนางไว้ให้ดีๆ แล้วจึงกล่าวขึ้น “เจ้าเข้าไปด้านหลังฉากกั้นนั่น ตรงนั้นมีโถอยู่”

“ไม่มีห้องน้ำรึ?” หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว

“มันไกลเกินไป ท่านเจ้าพระยาได้กำชับไว้แล้วห้ามออกไปจากห้องนี้ เกรงว่าสุนัขดุร้ายในจวนตกใจแล้วจะกัดแม่นาง”

สุนัขดุร้าย? หยวนชิงหลิงจำได้ตอนที่เข้ามานั้น ได้ยินเสียงสุนัขเห่าจริงๆ น่าจะเลี้ยงฝูงสุนัขไว้เฝ้ายาม

ช่างเถอะ อยู่ด้านหลังฉากกั้นก็น่าจะหยิบกล่องยาออกมาได้เหมือนกัน พวกนางคงไม่ถึงขั้นตามเข้ามาดูนางเข้าห้องน้ำหรอกมั้ง?

หยวนชิงหลิงเข้าไปในหลังฉากกั้น นั่งอยู่บนโถ ตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอก สาวใช้สองคนต่างยืนตัวตรงไม่ขยับ และก็ไม่ได้เข้ามา

นางหยิบกล่องยาอย่างเบามือ เดิมได้ยืมมีดสั้นเล่มหนึ่งใส่ไว้ในกล่องยา แต่ตอนเก็บกล่องยานั้น เพราะมีมีดสั้นอยู่ มันเลยไม่สามารถหดขนาดให้เล็กลง สุดท้ายจึงไม่ได้ใส่มีดสั้นเข้ามาด้วย

บัดนี้ดูแล้ว ยาสลบเป็นยาชนิดเดียวที่นางจะใช้เป็นอาวุธได้

แต่ว่า หยวนชิงหลิงนั้นสังเกตเห็นอย่างช่วยไม่ได้ ยาสลบมีเพียงหลอดเดียว มันเพียงพอแค่หนึ่งคน หากเป็นเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง นางรู้สึกว่ายาสลบคงจะอยู่ได้ไม่เกินสามนาที

นางค้นไปสักพัก จำได้ว่ายังมียาเอโทมิดาเตะหลายขวด ทำไมไม่เห็นแล้วล่ะ? กล่องยา ครั้งนี้ทำไมไม่เอื้อมอำนวยเลย

หยวนชิงหลิงกังวลอยู่ในใจ

“แม่นางเสร็จหรือยัง?” ด้านนอก ดังมาด้วยเสียงของสาวใช้

“ใกล้แล้ว!” หยวนชิงหลิงตอบกลับ

ครอบด้วยฝาเข็ม ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ กล่องยาก็เก็บแล้ว แล้วก็มัดผมให้เรียบร้อย ผมที่กระเซอะกระเซิงดูน่าสังเวชนัก

เมื่อกี้ตอนที่เข้ามานั้นเข้ามาจากประตูหลัง ระหว่างทางมาถึงที่นี่ เส้นทางนางยังจำได้ดี หากจะหนีออกไป ก็ควรที่จะหนีไปทางประตูหลัง

แต่ปัญหาคือมียาสลบเพียงหลอดเดียว กลับมีคนสองคน และไม่รู้ว่าเจ้าพระยาหุ้ยติ่งจะอยู่ด้านนอกหรือไม่ หากเจ้าพระยาหุ้ยติ่งอยู่ด้านนอก ต่อให้ออกไปจากประตูนี้ได้ ก็ออกไปจากจวนเจ้าพระยาไม่ได้อยู่ดี

ดูแล้ว ยาสลบหลอดนี้ ต้องเก็บไว้ใช้กับเจ้าพระยาหุ้ยติ่งแล้ว

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งไปที่ห้องหนังสือ เรียกลูกน้องคนสนิท “เจ้าพาคนไปเฝ้าหน้าจวนให้ดี ห้ามให้ใครก็ตามฝ่าเข้ามาเด็ดขาด หากอ๋องฉู่มา ให้ทำการยื้อเวลาเอาไว้ จากนั้นให้แกล้งทำเป็นพระชายาฉู่อยู่ที่นี่ แล้วค่อยให้เขาเข้ามา”

ลูกน้องคนสนิทตกใจ “ท่านเจ้าพระยา แล้วหากเขาหาพระชายาฉู่เจอจะทำเช่นไร?”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คนที่ปรนนิบัติข้าแล้ว ก็ต้องเป็นคนของข้า ต่อให้ข้าจะเผานางจนเหลือแต่กระดูกขี้เถ้า ก็ไม่ให้คนเจอแม้แต่ร่องรอย”

ลูกน้องคนสนิทเข้าใจแล้ว “ขอรับ งั้นก็รอให้ท่านเจ้าพระยาส่งตัวพระชายาออกไปแล้ว ค่อยให้อ๋องฉู่เข้ามา”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งได้หยิบมีดสั้นจากโต๊ะหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่ม แกว่งเล่นไปสักพัก จู่ๆก็ปักมีดลงไปบนโต๊ะอย่างแรง มีดสั้นไม่ได้เข้าถึงด้ามมีด เขากล่าวอย่างเย็นชา ไอ้เด็กหยู่เหวินเห้า ข้าหมั่นไส้แกมันมานานแล้ว ไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดยังไง ถึงได้มอบตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครให้กับมัน แต่ว่าไม่เป็นไร เขามีปัญญาขึ้นไปนั่ง กลับไม่มีปัญญานั่งให้มันมั่นคง ครั้งนี้ผู้หญิงที่โง่คนนี้วิ่งมารนหาที่เอง ข้าจะใช้นางทำให้หยู่เหวินเห้าตกลงไปในเหวลึก ไม่สามารถกลับมายืนได้ตลอดกาล

ลูกน้องคนสนิทก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ใช่แล้ว ท่านเจ้าพระยาสามารถล้างความอัปยศได้ในคราเดียว”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งคิดถึงความอัปยศในวันนั้น ยังคงโกรธเกลียดจนอกจะระเบิด ในเวลานั้นเขานั้นเป็นเพียงกองหน้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของข้า อาศัยที่เป็นลูกของฮ่องเต้ กลับกล้าทำร้ายข้าต่อหน้าทหาร ทำให้ข้าขายหน้าไปหมดสิ้น จนเกือบจะถูกฮ่องเต้ถามหาความผิด หากไม่ใช่ท่านลุงช่วยเอาไว้ เกรงว่าข้าก็คงไม่มีความสำเร็จอย่างวันนี้ แค้นนี้ ถูกกดทับอยู่ในใจของข้ามานานหลายปี วันนี้ ได้เวลาชำระแค้นแล้ว

“ท่านเจ้าพระยาวางใจเถอะ วันนี้รับประกันว่าจะสามารถสร้างโทษให้กับอ๋องฉู่ในข้อหาใส่ร้ายข้าราชาการและบุกรุกจวนเจ้าพระยา ลูกน้องคนสนิทกล่าว เขาเงยหน้าขึ้น “แล้วพระชายาฉู่จะจัดการอย่างไร?”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งยิ้มอย่างเย็นชา “ในเมื่อมารนหาที่เอง ข้าก็จะใช้นางมาหยามอ๋องฉู่? เพียงแค่ไม่รู้ว่าเมื่อเขารู้ว่าเมียของตัวเองถูกข้าล่วงเกิน จะมีความรู้สึกอย่างไร?”

“ขอรับ งั้นก็รอให้ท่านเจ้าพระยาสั่งการ แล้วค่อยพานางไปขังในห้องลับ ซ่อนไว้ในห้องช่วงคราว แล้วรอคำสั่งจะท่านเจ้าพระยา” ลูกน้องคนสนิทกล่าว

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งหรี่ตาลง หยู่เหวินเห้าเอ๊ยหยู่เหวินเห้า ตอนนั้นเจ้ากล้าหาญเพียงใด? ทำร้ายข้าไม่พอ ยังแย่งผลงานของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะให้เจ้าโอหังได้อีกหรือ?

เมื่อคิดถึงหยวนชิงหลิง เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อคำพูดของหยวนชิงหลิงอยู่แล้ว ว่าอยากจะมาดูว่าที่น้องเขยเป็นคนอย่างไร? เกรงว่าจะเป็นเต่าหดหัวอย่างไอ้หยู่เหวินเห้าส่งมาวางหลุมพราง ดังนั้น เขามั่นใจว่าวันนี้หยู่เหวินเห้าจะมา หยู่เหวินเห้าเกลียดเขาเข้าไส้ เมื่อได้ตำแหน่ง คนแรกที่จะลงมือจัดการ ก็คือเขา

ใจร้อนเกินไปแล้ว  

หยวนชิงหลิงสุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดที่จะฉีดยาสลบให้กับสาวใช้ เพราะว่านางได้ยินเสียงกระซิบคุยกันด้านนอก ด้านนอกน่าจะยังมีคนเฝ้าอยู่ นางมียาสลบเพียงหลอดเดียว จะสิ้นเปลืองไม่ได้

แต่ครั้งนี้กล่องยาไม่เอื้ออำนวยจริงๆ ทำให้นางหดหู่ใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้ยังนึกว่ากล่องยาจะเปลี่ยนตามความคิดหรือสถานการณ์ของนาง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ ตอนนี้นางอยากให้ในกล่องยามีปืนด้ามหนึ่ง

นางนั่งลง เรียบเรียนความคิด ในใจก็ค่อยๆสงบลงมา

โอกาสมีเพียงครั้งเดียว นางไม่สามารถที่จะผิดพลาดได้เลย ขอเพียงผิดพลาด เสียชีวิตไม่ว่า แต่ก่อนตายยังต้องถูกทำมิดีมิร้ายอีก

“แม่นาง เจ้าพระยาเรียนเชิญ!” สาวใช้ออกไปข้างนอกพูดคุยไปสองสามคำ ก็เข้ามากล่าวกับหยวนชิงหลิง

“เชิญ?” หยวนชิงหลิงมองนาง “ไปไหน?”

สาวใช้ยิ้มพร้อมกับกล่าว “ท่านเจ้าพระยารอท่านอยู่ในห้อง ได้เตรียมสุราอาหารไว้แล้ว”

หยวนชิงหลิงรู้ว่าไม่ตามไปไม่ได้ ก็กล่าว “ได้ เชิญนำทาง”

ออกนอกประตูมา เดินบนระเบียงโค้งไปประมาณสามโค้ง ก็ไปถึงหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง หยวนชิงหลิงแอบจำทางไว้อย่างดี ตรงนี้ไกลกว่าตรงเมื่อกี้หน่อย เสียงหมาเห่าดังมาก ดังแล้วเหมือนดังมาจากเรือนด้านข้าง

เมื่อเปิดประตู สาวใช้จู่ๆก็ยิ้มอย่างเย็นชา “เชิญ แม่นาง!”

นางใช้มือผลักหลังของหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงเซเข้าไป ไม่ง่ายกว่าจะยืนให้มั่น ก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้น

ในห้องไฟค่อนข้างสลัว หน้าต่างปิดด้วยม่านหนาสีเข้ม ประตูก็ถูกติดด้วยกระดาษสีเหลือง ปิดบังแสงสว่าง หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว มองไปด้านซ้ายสุดเป็นแสงเทียนเล่มหนึ่ง

แสงเทียนนั้นยิ่งอยู่สว่างมากขึ้น ส่องไปทั่วห้อง คนที่ถือเทียนมา ก็คือเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความน่ากลัว ดูชั่วร้ายมาก อีกทั้งยังไม่สวมเสื้อผ้า เผยให้เห็นแผลเป็นรอยใหญ่รอยเล็กเต็มบนร่างกาย

สิ่งที่ทำให้หยวนชิงหลิงกลัวไม่ใช่คนผู้นี้ แต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทรมานร่างกายที่แขวนอยู่บนกำแพงและอุปกรณ์ที่มีไว้……….ทรมานผู้หญิง

หนึ่งในนั้น หลายชิ้นยังมีคราบเลือดติดอยู่ โชยกลิ่นเน่ากลิ่นคาวออกมา

หยวนชิงหลิงปิดจมูกโดยสัญชาตญาณ ความโกรธในใจนั้นมากกว่าความกลัว ห้องนี้ ได้คร่าชีวิตของหญิงสาวไปตั้งเท่าไหร่?