บทที่ 154 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 1 (2)

นี่คือสิ่งที่จะพบได้ทุกที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่เมืองหรือประเทศไหนก็ตาม อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคาร์ลที่นักเล่นแร่แปรธาตุผู้นี้จะมีชื่อเสียงมากน้อยเพียงใด นั่นคือเหตุผลที่เขาถามบิลอสอีกครั้ง

“เขาเป็นคนแบบไหน?”

บิลอสยิ้มเมื่อตอบกลับ

“เขาเป็นทั้งคนดีและไม่ดีขอรับ”

คาร์ลสามารถให้คำตอบในประเด็นนี้ได้ การที่เขาเป็นคนไม่ดีก็เพราะเขาทำงานในโลกมืดแต่นิสัยใจคอลึกๆเขาอาจเป็นคนดีอยู่บ้าง?

บิลอสเริ่มเงียบก่อนจะลอบสังเกตคาร์ลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับนักเล่นแร่แปรธาตุผู้นี้ให้คาร์ลฟังคร่าวๆ เชวฮันขมวดคิ้วหลังจากได้ฟังข้อมูลดังกล่าว มันดูต่างจากที่เขาคาดไว้

หลังจากบิลอสพูดจบคาร์ลก็เอ่ยขึ้นทันที

“ดี!”

เขาคือคนที่คาร์ลตามหา คนสีเทาๆแบบนี้ล่ะที่จะเหมาะทำงานกับเขา

คาร์ลเอ่ยถามอีกครั้งด้วยเสียงเรียบๆ

“ข้าสามารถพบเขาได้เลยหรือไม่?”

“ตอนนี้?”

“ท่านคาร์ล..ท่านหมายถึงตอนนี้เลยหรือขอรับ?”

บิลอสและเชวฮันเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ คาร์ลหันไปมองเชวฮันที่พลันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่คาร์ลสบเข้าไป

“เชวฮัน”

“ได้ขอรับ..กระผมจะพาท่านคาร์ลไปทันทีหากท่านต้อง—-”

“ถอดออก”

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง คาร์ลจ้องไปที่เชวฮันที่เริ่มขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้าว่างเปล่าราวกับไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ชักช้าอะไรอยู่?”

“..เอ่อ..ขอรับ?”

“ถอดเสื้อผ้าออกเดี๋ยวนี้เลย”

“อ่า”

คาร์ลเป็นฝ่ายลงมือถอดเสื้อคลุมและเสื้อตัวนอกของตนออกก่อนหลังจากนั้นเชวฮันจึงเริ่มถอดตามพร้อมกับเปล่งเสียงโง่ๆออกมา

“บิลอส”

“ขอรับ?”

บิลอสที่เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนึกสงสัยเอ่ยตอบคาร์ลด้วยความตกใจซึ่งคาร์ลก็ไม่ได้สนใจในท่าทีนั้นเมื่อเขาเอ่ยในสิ่งที่ตนต้องการ

“ค้นข้อมูลเพิ่มเติมของนักเล่นแร่แปรธาตุผู้นั้นแล้วทำเป็นเอกสารมาให้ข้าอ่าน..อ้อ!?แล้วเจ้ามีบ้านพักอยู่ที่อื่นอีกหรือไม่?”

“เอ่อ..มีขอรับ”

คาร์ลพยักหน้ารับเมื่อได้ยินคำตอบของบิลอสและชี้มาที่ตนเองทันที

“ส่งข้าไปที่นั่นเพื่อไปเอาเหล้าดีๆกลับมา”

“อะไรนะขอรับ?”

คาร์ลไม่ตอบสนองต่อบิลอสที่มองเขากลับมาด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาหันไปหาอูฮาเบ็นที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“ฮาเบ็น”

“ขอรับนายน้อย..ท่านจะให้กระผมสลับพวกท่านสองคนใช่หรือไม่?”

“ใช่”

คาร์ลชี้ไปที่ผมของตนเองและของเชวฮันในขณะที่พยักหน้าตอบรับกับคำกล่าวของอูฮาเบ็น

“โอ้!.ข้าคิดว่าท่านเป็นอัศวินเสียอีก..แต่นี่ท่านเป็นนักเวทย์ระดับสูงหรือนี่!”

ในที่สุดบิลอสก็อุทานออกมาด้วยความชื่นชมเป็นเพราะเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคาร์ลจึงนำนักเวทย์ระดับสูงปลอมตัวเป็นอัศวินและพามายังที่นี่ คาร์ลส่งยิ้มให้กับบิลอสที่จ้องไปยังอูฮาเบ็นซึ่งกำลังร่ายเวทย์เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กับเขาและเชวฮัน

หลังจากนั้นไม่นานบิลอสก็เดินลงไปยังชั้นหนึ่งและออกคำสั่งแก่พนักงานร้าน

“จัดเตรียมผลไม้และกับแกล้มดีๆให้ข้าที..พวกข้าจะดื่มแอลกอฮอล์กันสักหน่อย”

“ตอนนี้เลยหรือขอรับ?”

บิลอสพยักหน้าพร้อมยกยิ้มอย่างมีความสุขให้กับพนักงานที่เริ่มเป็นกังวล

“ใช่..นายน้อยคาร์ลสหายเก่าของข้าอุตส่าห์มาเยี่ยบมทั้งที..เราก็ต้องดื่มให้หายคิดถึงกันสักหน่อย..เชวฮัน!”

บิลอสหันไปคุยกับชายสวมหน้ากากที่มองเห็นเพียงเส้นผมสีดำและนัยน์ตาสีดำเท่านั้น เขามองเห็นเพียงชุดเกราะประจำกายของอัศวินที่ดูไม่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครลอดผ่านชุดคลุมสีดำของชายที่ชื่อเชวฮันออกมา

“ที่บ้านข้ามีไวน์ดีๆอยู่เพียบเลย..วานเจ้าไปเอาให้ข้าที”

เขาเลือกส่งอัศวินให้กลับไปเอาไวน์ที่บ้านให้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่ชายชื่อเชวฮันจะโกรธเขาที่อยู่ๆก็เลือกใช้ผู้ติดตามของแขกให้ไปจัดการธุระให้ แต่เชวฮันผู้นี้เพียงพยักหน้ารับและก้มศีรษะให้กับบิลอสเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปจากตัวอาคารพร้อมกับแผนที่ในมือทันที

เสียงดังก้องไปทั่วศีรษะของชายผมดำ

~ มนุษย์!..มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่สะกดรอยตามเจ้าไป!ส่วนที่เหลือยังคงซ่อนตัวอยู่รอบๆร้านค้าของสมาคมการค้าฟลินน์!~

‘แค่คนเดียวจะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น’

คาร์ลรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของบิลอสพร้อมย่ำเท้าหนักๆให้เกิดรอยไปทั่ว คาร์ลยื่นข้อความที่เขียนไว้ใต้แผนที่ให้กับพ่อบ้านดูทันทีที่เดินทางไปถึง

“ข้าจะนำทางเจ้าไปเอง”

คาร์ลเดินตามพ่อบ้านไปยังห้องทำงานของบิลอสก่อนที่พ่อบ้านจะขอตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว คาร์ลทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง

“ชั้นสองสินะ?”

ห้องทำงานตั้งอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน ครู่ต่อมาชายสวมเสื้อคลุมก็เดินไปใกล้ริมหน้าต่าง

~ มนุษย์!คนที่สะกดรอยตามเจ้ามา.ยังรออยู่ที่หน้าบ้านพัก!~

คาร์ลพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งตัวออกจากชั้นสองโดยใช้เสียงเรียกของวายุ เขามุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่ต่างจากโลกมืด

สลัม!

เขากำลังเดินทางไปที่สลัมของจักรวรรดิ เส้นผมที่พลิวไหวไปตามสายลมค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างช้าๆ

.

.

.

ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!

มีชายผู้หนึ่งยืนเคาะประตูบ้านที่ดูทรุดโทรม เพียงแค่เคาะเบาๆประตูบ้านอาจหลุดพังได้ทุกเมื่อ

มันตั้งอยู่มุมอับของสลัมโดยไม่มีแม้กระทั่งแสงอาทิตย์ลอดส่องเข้ามาได้ รอบๆบริเวณต่างดูทรุดโทรมจนแม้กระทั่งคนในสลัมเองก็หลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้ มันเป็นสถานที่สำหรับหลบฝนให้กับสัตว์และคนได้ชั่วคราวเท่านั้น

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่รอบๆอาคาร์ลที่เป็นซากปรักหักพัง

ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!

อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมาแม้ว่าประตูจะหลุดติดมือคนเคาะออกมาแล้ว คนที่ยืนเคาะอยู่นานสองนานเริ่มหงุดหงิด เขาถอนหายใจออกมาและเริ่มเคาะแรงขึ้น

ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!

“ไออิกู!..ให้ตายเถอะ!..ทำไมไม่ไปสักที!”

เสียงบ่นพึมพำดังลอดออกมาจากในตัวบ้านก่อนที่บานประตูเก่าๆจะเปิดออกช้าๆ

เอี๊ยดดดด!!!

ชายวัยกลางคนสีหน้าอ่อนล้าปรากฏตัวออกมาผ่านประตูที่เปิดกว้างออก ชายวัยกลางคนตัวสั่นๆน้อยๆก่อนเอ่ยถาม

“เจ้าเป็นใคร?”

คนที่เคาะประตูก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทางสำรวม การกระทำดังกล่าวทำให้ชายเจ้าของบ้านเอ่ยถามออกไปด้วยความอึดอัด

“…เหตุใดนักบวชถึงมาอยู่ที่นี่?”

ผู้ชายที่ถูกเรียกว่านักบวชค่อยๆเงยหน้าขึ้นเขามีเส้นผมสีขาว สวมชุดคลุมสีขาวที่ไม่มีตรวสัญลักษณ์ใดๆประดับอยู่

แน่นอนว่าชายผู้นี้คือคาร์ล เขายกยิ้มน้อยๆให้กับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมๆกับที่เสียงของราอนดังเข้ามา

~ ไม่มีใครอยู่รอบๆ!!~

คาร์ลเองก็เริ่มพูดเช่นกัน

“ข้ามาเพราะต้องการทำลายหอระฆัง”

ท่าทางของชายในบ้านผู้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว