ตอนที่ 244 ใต้หล้าไม่มีลูกศิษย์ที่ไหนอารมณ์ร้ายเยี่ยงเจ้าอีกแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 244 ใต้หล้าไม่มีลูกศิษย์ที่ไหนอารมณ์ร้ายเยี่ยงเจ้าอีกแล้ว

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมาถึงอารามนักพรตของฉินหลิวซี เพิ่งอ้าปาก ฉินหลิวซีก็เอ่ย “หากจะสั่งสอน ก็ไม่ต้องเอ่ย ปากข้าก็ร้ายเยี่ยงนี้ ตราบใดที่มีเหตุผลจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

“ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย เจ้าก็เอ่ยขัดขึ้นแล้ว จะให้อาจารย์ว่าอะไรได้”

ฉินหลิวซีส่งเสียงหึเบาๆ “ไม่เอ่ยก็เดาได้แล้ว มิใช่บอกว่าข้าทำเจ้าแซ่ไล่นั้นเจ็บแสบเกินไปแล้ว ไม่มีน้ำใจเยี่ยงนักพรตเต๋าควรมี”

“เช่นนั้นเจ้าว่า ไยต้องทำเจ็บแสบกับคนเยี่ยงนั้นเล่า เจ้าควรไม่สนใจจึงจะถูก” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยถาม

ฉินหลิวซีเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “ท่านไม่ได้ยินที่เขาเอ่ยหรือ จะเรียกปัญญาชนทั่วหล้ามาประณามว่าอารามของเราหลอกลวง ท่านว่า พวกเราไหนเลยจะมีหน้าใหญ่มาแบกรับได้ เพียงเพราะข้าเห็นคนตายไม่ช่วย ดังนั้นจึงให้ร้ายอารามของเราเพียงนี้เลยหรือ”

“เพียงวาจาที่เอ่ยเพราะความโกรธเจ้าก็เอามาใส่ใจ เช่นนั้นเจ้าก็ให้เกียรติเขามากไปแล้ว” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนส่ายศีรษะ เอ่ย “ยิ่งเป็นคนที่เอาแต่คุยโวใหญ่โต ก็ยิ่งยากที่จะทำเรื่องใหญ่ให้สำเร็จ พวกเราต้องระวังคนที่ไม่พอใจทว่าไม่ตอบโต้ เพราะสุนัขที่กัดคนนั้นไม่เห่า อาจารย์จำได้ว่าเคยสอนเจ้าแล้วเมื่อครั้งที่เจ้ายังเด็ก”

“จำได้ แต่ท่านก็อย่าลืม ปีนี้ข้าเพิ่งปักปิ่น ยังอ่อนเยาว์” ฉินหลิวซีเอ่ย “ดังนั้น มีอารมณ์โกรธก็นับว่าปกติ พวกเราเข้ามาอยู่ในร่มของเต๋า แต่นิสัยข้านั้นเป็นปฏิปักษ์ ข้าไม่เคารพกฎของเต๋า เป็นพวกนอกคอก แต่ไม่ได้หมายความว่าในใจข้าจะไม่มีเต๋า”

มุมปากของชื่อหยวนกระตุก “เจ้าเองก็รู้ตัวนี่ว่าตนเองนั้นเป็นพวกปฏิปักษ์นอกคอก ข้านึกว่าเจ้าไม่รู้เสียอีก”

ฉินหลิวซียิ้มหยัน “ข้าเป็นปฏิปักษ์ไม่ผิด แต่ข้ายังมีความสามารถในทางเต๋า หากท่านไม่เอ่ยปาก ข้ายังไม่อยากช่วยคนมีบาปกรรมสังหาร”

คนแซ่ถังผู้นั้น มีบาปกรรมติดตัว ร่างกายเต็มไปด้วยกรรม ดังนั้นนางจึงไม่อยากช่วย

“เช่นนั้นเจ้าก็เห็นแล้ว กรรมของเขากำลังเริ่มขึ้นแล้ว เขาบาดเจ็บอยู่หลังเขาของอาราม ตามหลักแล้ว อารามของเราไม่อาจเมินเฉยไม่สนใจ มิเช่นนั้น เรียกว่าเต๋าไปทำไมกัน จะเป็นเต๋าที่ดีได้อย่างไร”

ฉินหลิวซี “ได้ๆๆ ท่านถูกหมด ไม่ต้องเอ่ยแล้วได้หรือไม่”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถอนหายใจ เอ่ย “อาจารย์รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับเวรกรรม แต่อยากบอกเจ้าว่า จิตใจที่เมตตา คือโอกาสของชีวิต จำเอาไว้”

จู่ๆ ฉินหลิวซีก็ลุกขึ้นมา พุ่งไปอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นมือไปดึงเคราหนึ่งเส้น “บอกมา ท่านเป็นปีศาจตนใด ไยจึงเข้ามาอยู่ในร่างของตาเฒ่าบ้านข้า ใช้ผู้แข็งแกร่งหรือ”

นักพรตชื่อหยวนรีบปกป้องเคราของตนเอง ร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด “ศิษย์เนรคุณ แม้แต่เคราของอาจารย์เจ้ายังกล้าถอน อยากตายหรืออย่างไร”

ฉินหลิวซีพึงพอใจ “นี่ ปกติแล้ว ข้านึกว่าท่านถูกพระจากวัดข้างๆ สิงร่างแล้ว บ่นพร่ำเพรื่อไม่หยุดอย่างกับพระ”

“ก่อกวนไปทั่ว” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนจ้องนางเขม็ง “ปากไม่มีประตูจริงๆ”

“ข้าก่อเรื่องจนชินแล้ว ใช่ว่าท่านจะไม่รู้ ไม่เอ่ยถึงเรื่องไม่ดีนั่นแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าไปถามเรื่องของราชาผีเป่ยฟางมา อ้อ ราชาผีเป่ยฟางยามนี้เป็นตนใหม่ ชื่อควงซาน ท่านมีธุระใดก็เรียกเขาได้ ไหว้ลูกศิษย์ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเกือบดึงเคราของตนออกมา น้ำเสียงนี้ อย่างกับพวกนักเลงที่อยู่ตามถนน

ยังมีไหว้ผู้เป็นใหญ่อีก

“โจวเล่อราชาผีเป่ยฟางตนเก่า ถูกซื่อหลัวกลืนกินไปแล้ว”

ดวงตาของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนตกตะลึง คิ้วทั้งสองข้างขมวดขึ้น เอ่ย “เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร”

ฉินหลิวซีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังโดยละเอียด เอ่ย “ข้าทำนายดูแล้ว มังกรดำดิ่งสู่มหาสมุทร[1]…ห้ามหัวเราะ ข้าเพียงทำนายไปเท่านั้น มิใช่ใส่ใจใต้หล้า”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระแอมไอ ปกปิดมุมปากที่ยกยิ้ม

“เขาตกนรกหลายปี เกรงว่ากลืนกินโจวเล่อคนเดียว กำลังคงไม่อาจกลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ คงจะซ่อนตัววางแผนอยู่ในที่ลับสักที่ เจ้าก็ไม่ต้องไปตามหา เขาจะก่อเรื่อง แน่นอนว่าต้องโผล่มา อีกทั้งเขาเป็นพระชั่วร้ายมิใช่หรือ พระชั่วร้ายก็ยังเป็นพระ พระพุทธศาสนาไม่มีทางที่จะนิ่งเฉยไม่ดูดาย เดี๋ยวเจ้าบอกกับภิกษุชราสักหน่อย ให้เขาไปบอกกับพระพุทธศาสนาทางนั้นด้วย” ฉินหลิวซีทั้งโกรธทั้งอิจฉา เอ่ย “วัดพุทธมีไฟธูปรุ่งโรจน์กว่าอารามเต๋ามาก วัดมีมากมาย ลูกศิษย์ก็มากกว่า คงมีเงินมากกว่าเรา”

ลัทธิเต๋ากำจัดมารปีศาจไม่ผิด แต่คงไม่ใช่ว่ายามลำบากให้พวกเขาจัดการ ยามสุขสบายเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนากระมัง

จะบอกว่านางขี้น้อยใจก็ได้ ขอโทษ นางเป็นนักพรตหญิง อายุยังน้อย ก็ควรมีน้อยใจเช่นนี้

“เรื่องนี้ควรร่วมมือกับพุทธศาสนาจริงๆ อาจารย์จะบอกกับฮุ่ยหนิงสักหน่อย

ฉินหลิวซีพยักหน้า “บอกก็บอก แต่ห้ามท่านยื่นมือเข้ามายุ่ง หากต้องบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้อีก ข้าจะออกจากสำนัก จะเอาเจ้าผีร้ายนั่นหรือลูกศิษย์ของท่าน คิดดูเองก็แล้วกัน”

“ใต้หล้าไม่มีลูกศิษย์ที่ไหนอารมณ์ร้ายเยี่ยงเจ้าอีกแล้ว ยังกล้าข่มขู่อาจารย์อีก” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเป่าเคราถลึงตาก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินหนีไป

ฉินหลิวซียิ้มเยาะในใจ หยิบไข่มุกทองคำสลักอักษรมงคลออกมาหนึ่งเส้น ไข่มุกทองคำนั้นกลมสวย ทั้งหมดมีสิบสองเม็ด ทุกเม็ดถูกแกะสลักเป็นอักษรมงคลของเต๋า ถูกบ่มเพาะต่อหน้าปรมาจารณ์ลัทธิเต๋ามานานหลายปี วันนี้ยังได้รับพลังจากการเบิกเนตร นับว่าเป็นเครื่องรางชั้นยอด

นี่คือเครื่องรางที่รับปากว่าจะมอบให้ซือเหลิ่งเย่ว์เอาไว้ป้องกันภัย

ฉินหลิวซีหยิบถุงเล็กๆ ออกมาหนึ่งถุง นำไข่มุกทองคำที่ร้อยเรียงใส่ลงไป เก็บไว้กับตัว

เมื่อเดินออกมาจากเรือนเต๋า กลับเห็นเหนียนซิ่วไฉเดินไปเดินมาด้วยท่าทางลังเล ราวกับมีเรื่องมากมายอยู่ในใจ เขามองเห็นนางแล้วก็รีบเดินเข้ามาหาทันใด

ฉินหลิวซี “เหนียนซิ่วไฉมาหาข้ามีเรื่องใดหรือ”

เหนียนซิ่วไฉถูกมือ เอ่ย “เอ่อ ท่านบอกว่ามือของพี่ถังมีคนอยากให้มันใช้การไม่ได้ เพราะเหตุใดหรือ”

“เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนแซ่ถังนั่นหรือ”

เหนียนซิ่วไฉชะงัก เอ่ย “พี่ถังคือผู้มีความสามารถของจวนหนิงโจว ปกติก็เป็นคนกว้างขวาง ข้าเคยอ่านบทความของเขา เขียนได้ไม่เลวจริงๆ นายท่านจวนหนิงโจวเองก็ชื่นชมเขา”

“เอ่ยเช่นนี้ เจ้ากำลังเสียดายแทนเขาหรือ”

“ก็ไม่ใช่” เหนียนซิ่วไฉส่ายศีรษะ เอ่ย “ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านช่วยให้ข้ารอดจากสหายร่วมสำนักศึกษามาครั้งหนึ่งที่ร้านหนังสือ คือตู้ซิ่วไฉผู้นั้น ท่านบอกว่าเขาจะโชคร้าย ตู้ซิ่วไฉผู้นั้นยังไม่ถึงสองวันก็ถูกจับเข้าคุกเพราะเที่ยวจนทำนางโลมตาย ไม่มีอนาคตแล้ว ยามนี้ท่านยังบอกว่ามือของพี่ถังจะใช้การไม่ได้ ข้า…”

เอ่ยอย่างไรกัน เพียงคิดว่าตนเองเป็นคนที่มักเจอกับปัญหาเหล่านี้ คิดมากอยู่ในใจดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฉินหลิวซียกมือไพล่หลัง เอ่ย “เจ้ากำลังกลัวสิ่งใด เช่นนั้นเจ้ายังจำได้ว่าข้าเตือนอะไรเจ้าไปหรือไม่”

เหนียนซิ่วไฉชะงัก ดวงตามีความยินดีพาดผ่าน “ข้าจะจริงจัง…”

“ความสำเร็จอยู่ที่คน บางเรื่องอยู่ที่สวรรค์ เหนียนซิ่วไฉขอเพียงเจ้ามีความสามารถมีความพยายาม แน่นอนว่าจะสมปรารถนา” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเป็นเจ้า จะไม่เอาเวลาไปสนใจคนไม่สำคัญเหล่านั้น แต่จะมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งข้าเคยบอกว่าสองตานี้ของเจ้ามองคนไม่เก่ง เมื่อสอบเข้าไปได้แล้ว ไม่แน่อาจได้ตำแหน่งที่ดี หากเจ้าอยากเป็นขุนนางที่ดี ต่อไปจะต้องหาอาจารย์ที่มีสติปัญญาทั้งยังฉลาดหลักแหลมถึงจะดี”

ใบหน้าหล่อเหลาของเหนียนซิ่วไฉแดงระเรื่อ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว “ข้าขอบคุณท่านที่แนะนำ”

ฉินหลิวซีหัวเราะ “ไปขอยันต์อยู่เย็นเป็นสุขกลับไปด้วยเถิด”

[1] มังกรดำดิ่งสู่มหาสมุทร อาณาเขตของข้าข้ารับผิดชอบตามโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้