บทที่ 140 โทษหนัก(ปลาย)
ตอนนั้นเองที่ ฉู่จงเทียน พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ชูเหยียน เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่าการกระทำของแม่เจ้าจะดูโหดร้ายไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้วในใจของนางนั้นหวังดีต่างหาก มันอาจดูเหมือนว่านางกำลังลงโทษ ซูอัน แต่ในความเป็นจริง นางกำลังปกป้องเขาอยู่ เจ้าลองคิดดูสิ สำนักดอกบ๊วยจะปล่อยเขาไปหลังจากประสบกับความสูญเสียอย่างหนักแบบนี้หรือเปล่า? หาก ซูอัน ยังคงเดินเตร่ไป ทั่วเมือง อีกไม่นานพวกสำนักดอกบ๊วยจะลงมือแก้แค้นเขาแน่นอน ถึงตอนนั้นถ้าเราไม่มีหลักฐานในมือ เราก็ไม่สามารถล้างแค้นให้เขาได้”
“อย่างไรเสีย ถ้าเขายังคงอยู่ในคฤหาสน์อย่างเชื่อฟัง ไม่ว่าสำนักดอกบ๊วยจะมีแผนการที่ชั่วร้ายขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของเรามาทำร้ายซูอันได้”
ฉู่ชูเหยียน พยักหน้าแสดงความเข้าใจ “ขออภัยด้วยท่านแม่ ข้าไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเอง ข้ามองท่านผิดไป”
ในที่สุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เข้มงวดของ ฉินว่านหรู จากนั้นนางพูดขึ้นว่า “ชูเหยียน จริง ๆแล้วเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าพ่อกับแม่ซะอีก สิ่งที่เจ้ายังขาดนั้นมีแค่เพียงประสบการณ์และเวลา แม่มั่นใจว่าในอนาคตไปเจ้าจะแซงหน้าแม่กับพ่อของเจ้าได้ในที่สุดแน่นอน”
ฉู่ชูเหยียน ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของนางสะท้อนความเศร้าลึก ๆ เมื่อถึงเวลานั้น ความเยาว์วัยของข้าก็หายไปแล้ว และข้าก็จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย…
ซูอัน ยังไม่มีรายชื่ออยู่ในหัวของนางเลย
…
ฮัดชิ่ววว!
ซูอัน ลูบจมูกของเขาในขณะที่เขาสงสัยว่าสาวคนไหนกำลังคิดเกี่ยวกับเขาอยู่
“นายน้อย ในที่สุดท่านก็กลับมา!” เสียงดังขึ้นก่อนที่เฉิงโซวผิงจะรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับซาลาเปาสองลูกบนหัวของเขา
เขาได้ยินมาว่าคราวนี้นายน้อยออกไปกับ เสวี่ยเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะได้พบกับ เสวี่ยเอ๋อร์ เมื่อเจอกับนายน้อยของเขา แต่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายเพราะสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มีแค่ ซูอัน และพ่อบ้านหง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันเท่านั้น
รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของ ซูอัน เขารีบพุ่งไปคว้าตัว เฉิงโซวผิง ที่คอเสื้อและพูดว่า “เจ้ามาถูกเวลาจริง ๆ ไปคักลอกกฎของตระกูลกับข้าเดี๋ยวนี้!”
“อีกแล้ว?” สีหน้าของ เฉิงโซวผิง เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที “นะ นายน้อยแล้วคราวนี้เรา ต้องคัดลอกกี่จบ?”
ซูอัน โบกมือและตอบกลับอย่างสบาย ๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก มันก็แค่ 10,000 จบแค่นั้นเอง”
“10,000 จบ?” เฉิงโซวผิง ขาอ่อนจนแทบทรุดตัวลงไปกับพื้นด้วยความกลัว นายน้อยของข้าเก่งคณิตศาสตร์หรือเปล่า? เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าตัวเลข 10,000 มันหมายถึงอะไร?
ในระหว่างที่ เฉิงโซวผิง กำลังหวาดกลัวสุดขีดเขาก็ถูกลากตัวไปที่ห้องสำนึกตนโดย ซูอัน และ หงจง เมื่อพวกเขามาถึงที่หมายแล้ว หงจงจึงเอ่ยว่า “นายน้อย โปรดอย่าออกจากห้องสำนึกตนจนกว่าท่านจะคัดลอกกฎของตระกูลเสร็จ”
เมื่อพูดจบ หงจง ก็เดินหายไปในทันทีปล่อยให้ ซูอัน และ เฉิงโซวผิง มองหน้ากันและกัน
“นายน้อย โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าคงไม่สามารถคัดลอกกฎของตระกูลได้ถึง 10,000 จบแน่นอน!” เฉิงโซวผิง ตั้งใจที่จะไม่ช่วย ซูอัน ในครั้งนี้ไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะพูดอะไรเขาจะไม่ยอมแน่นอน ปัจจุบันนี้เขายังคงบอบช้ำไม่หายจากการที่เขาถูกหลอกให้คัดลอกกฎของตระกูลคนเดียวเมื่อรอบที่แล้ว
“หึหึหึ ใครจะช่วยข้าอีกถ้าไม่ใช่เจ้า” ซูอัน โอบไหล่ของ เฉิงโซวผิง พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ไม่เอา ๆ ข้าขอปฏิเสธ!” เฉิงโซวผิง ส่ายหัวอย่างแข็งขัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูอันก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบตั๋วเงินมูลค่า 100 ตำลึงเงินออกมา 1 ใบ “เฮ้อ ตอนแรกข้าว่าข้าจะให้รางวัลเจ้าสัก 100 ตำลึงเงินสักหน่อยถ้าเจ้าช่วยข้าในงานนี้ แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะช่วยข้า ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมองหาคนอื่นทำแทนเจ้า”
ในขณะที่ตั๋วหนี้มูลค่า 7,500,000 ตำลึงเงินจะใช้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังได้รับเงินสดมาแล้ว 150,000 ตำลึงเงินจากบ่อนโกยเงิน จากมุมมองนี้ การเดินทางไปบ่อนโกยเงินจึงไม่นับว่าเสียเที่ยวเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของ เฉิงโซวผิง เป็นประกายทันทีเมื่อเห็นตั๋วเงินในมือของซูอัน เขารีบเอื้อมมือไปคว้าตั๋วเงินมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเบิกบานก่อนที่จะพูดว่า “ในฐานะบ่าวรับใช้ส่วนตัวของนายน้อย ข้าจะยอมให้คนอื่นมารับใช้ท่านแทนข้าได้อย่างไร มันเป็นเรื่องปกติสำหรับข้าที่จะทำมันอยู่แล้ว!” “ก็ได้ ๆ งั้นข้าฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน ข้าไปนอนก่อนล่ะ” ซูอัน พูดขึ้นพลางหาวสั้น ๆ แน่นอนว่าการออกไปรับมือกับผู้คนมากมายมันทำให้เขารู้สึกเพลียมาก
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของ เฉิงโซวผิง กลับพลันเปลี่ยนเป็นมืดหม่น เขารีบเอ่ยขึ้นทันที “แต่นายน้อย ข้าคนเดียวคงไม่สามารถคัดลอกกฎของตระกูลได้ถึง 10,000 จบหรอก!”
ซูอัน กลอกตาและตอบว่า “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าให้เงินเจ้า 100 ตำลึงเงิน? ที่ข้าให้มากขนาดนี้มันเป็นเพราะข้าเผื่อให้เจ้าเอาเงินนี่ไปจ้างคนอื่นให้ช่วยเจ้าด้วยเจ้าเข้าใจหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของ เฉิงโซวผิง กลับยิ่งมืดหม่นกว่าเดิม “ถ้าเป็นแบบนั้นเงินที่ข้าจะได้มันก็ยิ่งน้อยลงกว่าเดิมน่ะสินายน้อย”
ซูอัน ยักไหล่ “ข้าให้เงินเจ้าไปแล้ว เจ้าจงบริหารมันด้วยตัวเอง ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคัดลอกด้วยตัวเองเพียงคนเดียวหรือจะจ้างคนอื่นช่วยรึเปล่า สิ่งที่ข้าสนใจมีแค่กฎของตระกูลต้องถูกคัดลอกเสร็จ 10,000 ครั้งเท่านั้น”
หลังจากพูดจบ ซูอัน ก็เดินออกไปอย่างมีความสุข โดยทิ้งเฉิงโซวผิงที่แสดงสีหน้าขัดแย้งไว้เบื้องหลัง
ระหว่างทางกลับเรือนของเขา ซูอัน เริ่มตรวจสอบจำนวนคะแนนความโกรธที่เขาได้รับ หนึ่ง สิบ ร้อย พัน หมื่น…
ยอดเยี่ยมมมม! ข้าได้รับ 60,224 คะแนนความโกรธ!
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ซูอัน เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เขาผ่านมาในวันนี้ เขารู้สึกว่ามันเป็นการดีกว่าที่จะเล่นบทเป็นตัวร้ายมากกว่าตัวเอก
จากนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พัก ในขณะที่เขากำลังจะล้างหน้าเพื่อเตรียมสุ่มรางวัล ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างหลังเขา
“เจ้าทำมันได้อย่างไร?”
ซูอัน กระโดดด้วยความตกใจพร้อมกับรีบหันกลับไปมองทันที ซึ่งภาพที่เขาเห็นก็คือมี่เหลียนอิ๋นกำลังยืนจ้องเขาอยู่
บัดซบเอ๊ย! ตาแก่ผู้นี้นี่มันยังไงกันแน่ ทำไมเขาถึงสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างไร้สุ้มเสียงขนาดนี้ นี่ขนาดระดับการบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้นมาแล้ว ข้ายังสัมผัสไม่ได้ถึงการปรากฏตัวของตาแก่ผู้นี้เลย!
“ผู้อาวุโส ท่านหมายถึงอะไรงั้นเหรอ?” ซูอัน ถามกลับอย่างรวดเร็วไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีหยาบคายต่อหน้าชายชราผู้นี้ เขาสามารถยียวนคนอื่น ๆ ได้ตามใจนึกเพื่อโกยคะแนนความโกรธ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างสัญชาตญาณของเขามันร่ำร้องบอกว่า หากเขาล่วงเกินชายชราผู้นี้เมื่อไหร่เขาได้เดือดร้อนจริง ๆ แน่นอน
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น?
ซูอัน ไตร่ตรองคำถามเป็นเวลานาน แต่เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
“ตอนนี้คนในตระกูลทุกคนต่างพูดคุยกันเรื่องที่เจ้าสามารถชนะบ่อนจนได้เงินมา 7,500,000 ตำลึงเงิน ข้าอยากรู้ว่าเจ้าทำมันได้อย่างไร” มี่เหลียนอิ๋น หรี่ตามอง ซูอัน ราวกับว่าเขาต้องการจะมองทะลุไปถึงสมองของฝั่งตรงข้าม