บทที่ 156 มีคนถูกทับจนกระดูกหัก

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ในที่สุดก็ถึงเวลาลงจอด คนทั้งตัวกระแทกซ่งกูที่กำลังนอนอยู่บนพื้นและกำลังเตรียมจะลุกไป

กร๊อบ กร๊อบ

สิ้นเสียงกร๊อบเบา ๆ ไม่กี่รอบ ซ่งกูที่ตอนแรกไม่ได้รับบาดเจ็บก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา มีเลือดไหลออกจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง

ฉินปู้เข่อเวียนหัวและไม่รู้ว่านางลงบันไดมาทำไม นางแค่รู้สึกว่ามันสบายมากที่ได้นั่งทับบั้นท้ายของเขาเบา ๆ เมื่อนางได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากด้านล่าง นางก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก

“ท่านซ่ง ท่านเป็นอะไร เหตุใดท่านถึงอาเจียนเป็นเลือด” ฉินปู้เข่อหันไปหาซ่งกู ตบหน้าและพยายามเรียกเขา

ซ่งกู “…” ในใจของเขา อย่าทรมานข้าเลย ข้าถูกเจ้าทับจนกระดูกหักแล้ว!

ซ่งกูที่กำลังนอนอยู่หน้าซีดเผือด จับหน้าอกของเขาและกระอักเลือดสองสามครั้ง

เถ้าแก่รู้จักซ่งกู และเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตประสบอุบัติเหตุในร้านอาหารของตัวเอง เขาจึงเรียกคนใช้สองสามคนมาพาชายวัยกลางคนไปที่สนามหลังบ้าน หลังจากพบหมอและตรวจร่างกายแล้ว เขาก็พบว่าซ่งกูกระดูกซี่โครงหักสองซี่ แขนข้างหนึ่งหัก และซี่โครงซี่หนึ่งทะลุเข้าไปในปอด ทำให้มีอาการเลือดออกในปอด

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ไม่มีผลใด ๆ กับฉินปู้เข่อ หลังจากที่ซ่งกูถูกหามลงไป นางก็สะดุดเท้าและเดินไปรอบ ๆ ห้องโถงของร้านอาหาร

เมื่อเห็นผู้หญิงเดินผ่านมา ไม่ว่าจะมีใครอยู่รอบ ๆ ตัว นางก็จะเข้าไปทักทาย หากเห็นประตูห้องใดปิดอยู่ นางก็จะเตะประตูให้เปิดด้วยเท้าข้างหนึ่งแล้วร่วมดื่มกับผู้อื่น เมื่อนางผ่านไปเห็นนักระบำหมุนตัวนอนหงายอยู่บนพื้น นางก็จะไปโบกสะบัดชุดของนางเล่น

ไม่นานนักทั้งร้านก็เกิดเสียงเอะอะโวยวาย เถ้าแก่จึงเรียกให้คนมาควบคุมนาง แต่กลับโดนนางเตะ ถีบ สะบัด เหวี่ยงจนล้มไปหลายรอบ

ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ปิดหน้าและหันข้าง

“หากพระชายาของเจ้าเอะอะถึงเพียงนี้ เจ้าก็ควรรีบไปจัดการ!”

หมี่ฉงตื่นขึ้นจากอาการหวั่นไหวอย่างอธิบายไม่ได้โดยสมบูรณ์ ในตอนนี้เขามั่นใจว่าเขาคงไม่ชอบสตรีผู้นี้ที่เมาหลังดื่มสุราสามจอก และเล่นสัปดนหลังจากเมาสุรา

หมี่โม่หรู่เหลือบมองเขาและเอ่ยเสียงเบา “นี่ผู้หญิงทั้งนั้น อย่าสนใจเลย รอนางเล่นเสร็จก่อน”

ยิ่งกว่านั้นใครจะกล้าก้าวไปประจันหน้ากับพลังของพระชายาตัวน้อยในตอนนี้ เมื่อนึกถึงสายตาอยากกินคนของเสี่ยวเข่อในห้องเมื่อสักครู่นี้ หมี่โม่หรู่ก็จับคอของตนโดยไม่รู้ตัวและปล่อยให้นางเล่นกับคนอื่นสักพักเพื่อให้นางอ่อนแรงลง มิฉะนั้นเขาจะทนไม่ได้เมื่อเขากลับไป

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ฉินปู้เข่อก็เตะประตูห้องหนึ่ง และชายคนหนึ่งก็บังเอิญยืนอยู่ตรงประตูและกำลังทำท่าจะเปิดประตู

ฉินปู้เข่อมองไปที่ชายซึ่งกำลังตกตะลึง นางยกยิ้มเล็กน้อยด้วยความเมามาย “เจ้าช่างดูหล่อเหลา เจ้าเป็นนายโลมหรือ”

เมื่อเห็นว่ามือของนางกำลังจะแตะใบหน้าของชายผู้นั้น ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างนาง เขาจับมือนางแล้วดึงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

“น้องชายดื่มมากเกินไป มันช่างน่ารังเกียจนัก” หมี่โม่หรู่อดไม่ได้ที่จะเดินออกไปพร้อมกับฉินปู้เข่อบนไหล่ของเขา และอดไม่ได้ที่จะตบก้นนางอย่างแรง

ลวนลามหญิงสาวก็ยังพอทนได้ แต่ตอนนี้นางกล้าแตะต้องผู้ชายคนอื่นแล้ว! เขาไม่สนใจจริง ๆ ว่านางกับซ่งกูจะนั่งทับหลังกัน เขาแค่รู้ว่าไม่ควรปล่อยให้ซ่งกูตกบันไดและแขนหัก

แต่ก็ไม่เลวเลยที่เขาจะถูกพระชายาตัวน้อยบดขยี้ในที่สุด

“อึก อึก… อึดอัด… อยากอาเจียน…”

หลังจากออกจากร้านอาหารที่มีเสียงดังแล้วก็มีลมเข้ามาในท้องของฉินปู้เข่อ ก่อนที่หมี่โม่หรู่จะวางนางลง นางก็ซบลงบนไหล่ของหมี่โม่หรู่และอาเจียนออกมาอย่างมีความสุข

ความร้อนชื้นพุ่งออกมาเต็มแผ่นหลังของหมี่โม่หรู่ เขาลูบหลังฉินปู้เข่อด้วยรอยยิ้มปนความหงุดหงิด เพื่อทำให้นางอาเจียนได้สะดวกขึ้น ความจริงแล้วเขาคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพระชายาตัวน้อยที่เก่งทุกด้านนั้นแท้จริงแล้วเป็นพวกเทสามจอก

สุรานั้นไม่ดีเลย

เมื่อคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอาเจียนออกมาจนหมด หมี่โม่หรู่ก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วเดินในความมืดโดยมีเพียงเสื้อผ้าชั้นใน และอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนของเขา

บ้านหลังเล็กอยู่ใกล้มากและห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ในห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่มีน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้แล้ว หมี่โม่หรู่ทำความสะอาดคนในอ้อมแขนของเขาและวางนางลงบนเตียง ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นไปดับไฟเข้านอน คนขี้เมาข้าง ๆ เขาก็พูดพล่าม

“หมี่โม่หรู่ ท่านเป็นคนโกหก…”

หมี่โม่หรู่พิงร่างกายของนางและพูดคุยกับคนขี้เมาที่สะลึมสะลืออย่างจริงจัง “ข้าโกหกเจ้าที่ไหน”

“ก็…” ฉินปู้เข่อขมวดคิ้วและถอนหายใจยาว จากนั้นนางก็เงียบไปอีกครั้ง

“เสี่ยวเข่อ ข้าโกหกเจ้าที่ไหน?” ไม่รู้ว่าเหตุใดตอนนี้หมี่โม่หรู่ถึงสนใจ ผู้คนบอกว่าคนจะพูดความจริงหลังจากดื่มเหล้า เขาไม่รู้ว่าพระชายาตัวน้อยจะพูดอะไรเมื่อนางเมา นอกจากการจีบหญิงสาว

“ท่าน… แค่สัญญา… ข้า… ไม่มองสตรีอื่น…” หญิงสาวหลับตาลงแล้วพูดเป็นระยะ

“ไม่ แล้ววันนี้ข้าไม่ได้ปฏิเสธหรือ?” หมี่โม่หรู่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงชอบความหึงหวงของพระชายาตัวน้อยมาก เขารู้สึกสบายใจราวกับว่าเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีสถานะเป็นคนในใจของพระชายาตัวน้อย

“หม่อมฉันรู้ว่าท่านมีความทะเยอทะยาน แต่หม่อมฉันไม่ชอบมันจริง ๆ” ฉินปู้เข่อพบความอบอุ่นและซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหมี่โม่หรู่ “ฮ่องเต้มีสามวังและหกตำหนัก ท่านยังต้องได้รับความรักจากคนอีกมากมาย หากท่านบรรลุความปรารถนาของท่านก็จะมีสตรีมากมายรายล้อมรอบตัวท่าน โดยไม่อาจไล่ไปได้”

“มันน่ารำคาญยิ่งนัก…” ฉินปู้เข่อสูดจมูกด้วยความเสียใจ นางเงยหน้าขาวราวกับหยกขึ้น และดวงตาเมามายของนางก็พร่ามัวราวกับผืนน้ำ

ใบหน้าเล็กงดงามของคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ขนตางอนของนางสั่นระริก และดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของนางก็ดูน่ารักอย่างยิ่ง หมี่โม่หรู่สูดหายใจเข้าและรู้สึกปวดใจอย่างหนักในหัวใจ เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มที่แดงก่ำของนาง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “จะไม่ทำเช่นนั้น…”

“ท่านจะโกหกหม่อมฉันอีกแล้ว หม่อมฉันเรียนประวัติศาสตร์ระบบศักดินานับพันปี ไม่มีฮ่องเต้องค์ใดมีภรรยาเพียงคนเดียว ฮ่องเต้จึงมีกลุ่มภรรยาและนางสนม แม้ว่าท่านจะไม่ต้องการการอภิเษกสมรส แต่เมื่อท่านขึ้นครองบัลลังก์ ท่านก็จะต้องแต่งงานเพื่อรักษาสมดุลอำนาจของราชสำนัก ละครโทรทัศน์หลายเรื่องก็เป็นแบบนี้”

ฉินปู้เข่อหรี่ตาและระบายความรู้สึกไม่สบายใจออกมาภายใต้ความมึนเมาที่หลงเหลืออยู่ “หม่อมฉันน่าจะฟังคำของท่านแม่ ท่านบอกว่าหม่อมฉันจะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานในที่ห่างไกล มิฉะนั้นหม่อมฉันจะถูกรังแก และหม่อมฉันก็จะไม่สามารถกลับไปหาแม่ที่บ้านได้ หากท่านแต่งงานกับคนอื่นในอนาคต หม่อมฉันก็ต้องร้องไห้คนเดียวในห้องที่ว่างเปล่า”

นางทำอะไรไม่ถูกเพราะคิดถึงบ้านหรือไม่?

หมี่โม่หรู่กอดนางไว้ในอ้อมแขนและลูบหลังนางเบา ๆ อย่างอบอุ่น “หากเจ้าต้องการแม่ของเจ้า เจ้าก็สามารถกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่ออาศัยอยู่สักสองสามวัน หรือเจ้าจะพาอนุหลัวมาอาศัยอยู่ในตำหนักก็ได้”

“นั่นไม่ใช่บ้านของหม่อมฉัน บ้านของหม่อมฉันอยู่ไกลแสนไกล” ฉินปู้เข่อส่ายหัว น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบ ๆ ชุ่มผ้าไหมสีฟ้าและผ้าปูที่นอนนุ่ม ๆ ข้างหูของนาง

“ไกลหรือ?”

เมื่อได้ยินคำถามเชิงโวหารของชายผู้นี้ ฉินปู้เข่อจึงยกยิ้มอย่างขมขื่น “ใช่ มันอยู่ไกลแสนไกล และจากมานานมากจนหม่อมฉันไม่รู้จะกลับไปอย่างไรดี”

หมี่โม่หรู่ซ่อนร่องรอยของความไม่สบายใจไว้ในใจของเขา สิ่งแปลกประหลาดทั้งหมดในอดีตเกี่ยวกับพระชายาตัวน้อยเข้ามาในหัวของเขา เขาจึงตัดสินใจหลอกถามว่า “เจ้ามาไกลถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

“มัน… เอ่อ… คือ…”

……………………………………………………………………………