ตอนที่ 137 ขนมดอกกุ้ยฮวาจานนั้น

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 137 ขนมดอกกุ้ยฮวาจานนั้น
ในเวลาเช้าของศาลาว่าการพระนครถูกปกคลุมด้วยแสงแดดยามเช้า ตามมาด้วยเสียงไก่ขันที่ไม่รู้ว่าดังมาจากทางไหน วันยุ่งๆ อีกหนึ่งวันกำลังจะเริ่มขึ้น

ซิ่วเหนียงจื่อนอนไม่หลับอีกครั้ง

ยามที่ความมืดคลืบคลานมาถึง นางไม่สามารถหลับลงได้เลย มักรู้สึกว่าด้านนอกจะมีเสียงเท้าตลอดเวลา ซึ่งอาจหมายถึงนิวๆ ของนางกลับมาแล้ว

แล้วนางจะหลับลงได้อย่างไร หากหลับไปแล้วเกิดคลาดแคล้วกับนิวๆ ล่ะ

ซิ่วเหนียงจื่อลืมตาจ้องเพดานไม่ขยับไปไหน จนใกล้เวลารุ่งสางถึงจะนอนหลับไปอย่างสะลืมสะลือ

เสียงไก่ขันคือเสียงที่ปลุกให้ซิ่วเหนียงจื่อที่หลับไปไม่นานตื่นขึ้น

นางสูญเสียบุตรสาวไปแล้ว สำหรับนาง ในแต่ละวันที่มีชีวิตอยู่ มันไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย มันเป็นเพียงการทนอยู่ให้เวลาผ่านไปก็เท่านั้น

นางกำลังรอ รอวันที่สัตว์เดรัจฉานนั่นถูกเข็นไปประหารตัดหัวที่ตลาด รอเลือดอันสกปรกของเขาไหลออกมาจากร่างกาย และเมื่อวันนั้นมาถึง นางจะได้ไปหานิวๆ อย่างสบายใจ

นิวๆ ของนางเพิ่งอายุสิบสี่ ไม่มีแม่คอยอยู่ข้างๆ แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ซิ่วเหนียงจื่อเปิดประตูออกอย่างช้าๆ

ความเจ็บปวดที่เกิดจากการสูญเสียบุตรสาว บวกกับอาการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน มันแทบจะดูดพลังงานทั้งหมดของหญิงคนนี้ไปจนเกือบหมด จนทำให้การเคลื่อนไหวมีความช้าเหมือนกับคนแก่

ตรงพื้นด้านนอกประตู มีตะกร้าไม้ไผ่ผุพังอันเล็กวางอยู่นิ่งๆ

ซิ่วเหนียงจื่อพลันตัวสั่นระริก สายตาจับจ้องตะกร้านั่นไม่ขยับไปไหน

ที่เรือนของนางมีตะกร้าไม้ไผ่แบบนี้ วันนั้นนิวๆ ไปซื้อขนมดอกกุ้ยฮวาให้นาง ก็ถือตะกร้าแบบนี้ไป…

ซิ่วเหนียงจื่อนึกถึงบางอย่าง พลันคว้าตะกร้าขึ้นมา แล้วปัดฝาที่ปิดตะกร้าออก

ขนมดอกกุ้ยฮวารูปทรงขนมเปียกปูนแปดชิ้นวางรวมกันเป็นหนึ่งจาน มันดูน่ากินจนชวนให้น้ำลายไหล

ซิ่วเหนียงจื่อคลายมือออกแล้วตะกร้าไม้ไผ่จึงตกลงพื้น จนทำให้ขนมดอกกุ้ยฮวาในจานกลิ้งออกมากระจัดกระจายเต็มพื้น

นางจ้องมองขนมดอกกุ้ยฮวาที่พื้นครู่เดียว พลันคุกเข่าลงพื้นแล้วกำขนมดอกกุ้ยฮวาขึ้นมากัดกินคำใหญ่คำแล้วคำเล่าอย่างบ้าคลั่ง

ป้ารับใช้ที่ได้ยินเสียงจึงเดินเข้ามาดึงนางไว้ “โอย ซิ่วเหนียงจื่อ ของที่ตกพื้นแล้วจะเก็บขึ้นมากินได้อย่างไรกันเล่า”

ซิ่วเหนียงจื่อตัวสั่นไปทั้งตัว พลันคว้าข้อมือป้ารับใช้และเอ่ยถามเสียงแหบ “นี่มาได้อย่างไร”

ป้ารับใช้ไม่เคยเห็นซิ่วเหนียงจื่อเกิดอาการบ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน จึงตกใจเป็นอย่างมาก

“พูดสิ มันมาจากที่ไหน”

ป้ารับใช้มองไปยังที่พื้น “เจ้าหมายถึงขนมดอกกุ้ยฮวานี่หรือ”

ซิ่วเหนียงจื่อพยักหน้าอย่างแรง

“ไม่รู้เหมือนกัน ในจวนที่ว่าการนี้มีแต่บุรุษ ใครจะมากินขนมดอกกุ้ยฮวากันเล่า ก็น่าแปลกอยู่เหมืนกัน เมื่อครู่นี้ตอนข้าเดินผ่าน ข้ายังไม่เห็นเลย เหตุใดจู่ๆ ก็มีตะกร้าขนมดอกกุ้ยฮวากันนะ”

ซิ่วเหนียงจื่อกอดตะกร้าไว้แล้วน้ำตาก็ไหลริน “นิวๆ ต้องเป็นนิวๆ ที่เอาขนมดอกกุ้ยฮวามาให้ข้าแน่ๆ!”

ป้ารับใช้เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

ขนมดอกกุ้ยฮวาจานนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยฟื้นฟูความสามารถในการพูดของซิ่วเหนียงจื่อ นางดึงป้ารับใช้และพูดพึมพำไม่หยุด “วันนั้นนิวๆ จะไปซื้อขนมดอกกุ้ยฮวาให้ข้าที่ตลาด…”

พอพูดถึงตอนสุดท้าย ซิ่วเหนียงจื่อก็ส่งเสียงร้องไห้โฮ จนป้ารับใช้ก็ร้องไห้ตาม

“เจ้าว่าขนมดอกกุ้ยฮวาพวกนี้ นิวๆ เป็นคนเอามาให้ข้าใช่ไหม” ซิ่วเหนียงจื่อเอ่ยถามอย่างคาดหวังพร้อมน้ำตา

ป้ารับใช้ตบเข้าที่ขาดังเพี้ยะ “ใช่สิ! ข้าก็ว่าทำไมถึงน่าแปลก ที่ตะกร้าขนมดอกกุ้ยฮวาโผล่มาอยู่ตรงนี้ เพราะนิวๆ เป็นห่วงเจ้าแน่ๆ ก็เลยเอาขนมดอกกุ้ยฮวาที่เจ้าชอบมาให้เจ้า”

“นิวๆ เป็นห่วงข้า?”

“ก็เป็นห่วงไงเล่า โธ่ ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าดูตัวเจ้าตอนนี้สิ ผอมซูบจนแทบเห็นถึงกระดูกแล้ว นิวๆ จะวางใจลงได้อย่างไรกันเล่า”

ซิ่วเหนียงจื่อหัวเราะขึ้นมา “ข้ารู้อยู่แล้วว่านิวๆ ต้องมาหาข้า นิวๆ ลูกต้องรอแม่นะ อีกไม่นาน แม่จะไปหาเจ้าแล้ว…”

ป้ารับใช้ตกใจรีบจับมือซิ่วเหนียงจื่อ “ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าอย่าคิดสั้นเชียวนะ”

ซิ่วเหนียงจื่อเพียงยิ้มตอบ “ข้ามิได้คิดสั้น ข้าแค่อยากไปหานิวๆ ของข้า”

“ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าบ้าไปแล้ว!”

ซิ่วเหนียงจื่อชะงักไป

ป้ารับใช้เกลียดที่นางพูดไม่ฟัง จึงเอ่ย “นิวๆ กลับมาเยี่ยมเจ้าทำไม ก็เพราะกลัวว่าเจ้าจะคิดว่านางอยู่อย่างไม่สบาย! แต่ถ้าเจ้าคิดจะฆ่าตัวตาย นิวๆ อาจไม่ได้ไปเกิดใหม่เลยนะ!”

“หมายความว่าอย่างไร” ซิ่วเหนียงจื่อเกิดตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด

ป้ารับใช้ถอนหายใจอธิบาย “คนผมขาวไหว้ทุกข์คนผมดำ นั่นหมายความว่าคนผมดำเป็นคนอกตัญญู เจ้าคงเคยได้ยินคำนี้ใช่หรือไม่ซิ่วเหนียงจื่อ”

ซิ่วเหนียงจื่อพยักหน้า

นี่เป็นคำพูดของคนโบราณ นางเคยได้ยินอยู่แล้วล่ะ

“ซิ่วเหนียงจื่อ นิวๆ ไปก่อนเจ้า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ตอนนี้นางได้ติดค้างบุญคุณนี้ไว้แล้ว หากเจ้าคิดฆ่าตัวตายเพราะนางอีก ความผิดของนางก็จะมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ถึงเวลานั้น ยมบาลเปิดดูสมุดทำความดี เดิมทีในชาติหน้านิวๆ จะได้ไปใช้บุญในตระกูลร่ำรวย แต่พอเป็นเช่นนี้ นางอาจได้ไปเกิดเป็นสัตว์แทน…”

“พูดมั่วซั่ว!” ซิ่วเหนียงจื่อตระหนกตกใจจนหน้าซีด

นางจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ แต่นิวๆ ต้องไม่ได้รับโทษอีก!

ป้ารับใช้ลูบที่หลังซิ่วเหนียงจื่อ “ฉะนั้น ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ยิ่งมีชีวิตที่ดีเท่าไหร่ ความผิดของนิวๆ ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ในชาติหน้า นางก็จะได้มีบุญ เฮ้อ นิวๆ ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ยังคอยคิดถึงแม่และส่งขนมมาให้กิน…”

ดวงตาซิ่วเหนียงซื่อมีประกายวับพร้อมพูดงึมงำ “นิวๆ ของข้าจะกลายเป็นคุณหนู ไม่ต้องตามข้าไปโม่เต้าหู้ ถูกรังแก และไม่ถูกคนทำร้าย ใช่ไหม”

“ใช่ ต้องใช่อย่างนั้นล่ะ” ป้ารับใช้แอบมองสภาพจิตใจที่มีชีวิตชีวาขึ้นช้าๆ ของซิ่วเหนียงจื่อพลางถอนหายใจ

ดูจากท่าทางนี้ นางคงเชื่อในสิ่งที่พูดแล้วกระมัง จะได้รับรางวัลจากนายท่านหรือไม่ไม่รู้ แต่ได้ช่วยชีวิตคนๆ หนึ่งไว้ ก็นับว่าเป็นการทำความดีแล้วกระมัง

ซิ่วเหนียงจื่อช่างเป็นคนน่าสงสารเสียเหลือเกิน

เจินซื่อเฉิงรับรู้เรื่องนี้จากป้ารับใช้อย่างรวดเร็ว วันนี้ซิ่วเหนียงจื่อไม่เพียงแต่เพิ่มข้าวหนึ่งถ้วย อีกทั้งยังลุกขึ้นกวาดพื้นอีก

ใจของเจินซื่อเฉิงได้วางลงเสียที

กินข้าวได้ ทำงานได้ แปลว่าความคิดฆ่าตายตัวของซิ่วเหนียงจื่อได้หายไปแล้ว

สาวน้อยนั่นช่างหาวิธีเก่งเสียจริง

เมื่อคิดถึงจียงซื่อ เจินซื่อเฉิงก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เจียงซื่อบอกแก่เจินซื่อเฉิงว่าได้จัดงานให้ซิ่วเหนียงจื่อแล้ว นางจึงสั่งอาเฟยให้ไปหาหน้าร้านหนึ่งร้านมาโดยเร็ว

พื้นที่ร้านไม่จำเป็นต้องใหญ่ แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่ด้านหน้าใช้ตั้งเป็นร้านค้าได้และด้านหลังต้องมีที่ให้พักผ่อนได้

เจียงซื่อไม่หวังที่จะหากำไรจากร้านนี้ ขอเพียงแค่มีการหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอ สิ่งสำคัญคือร้านประทินโฉมนี้จะทำให้นางปรากฏตัวขึ้นได้อย่างเปิดเผย และไม่ว่าจะทำสิ่งใดในภายภาคหน้าก็มีความสะดวกมากขึ้น

สำหรับเจียงซื่อแล้ว การทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของฉังซิงโหวซื่อจื่อป่นปี้นับว่าเป็นการแก้ไปได้อีกหนึ่งปม แต่ยังมีปมแค้นอีกมากมายที่ต้องไปจัดการ

เพื่อการนี้ การเตรียมการล่วงหน้านั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ปลายเดือนห้าได้ล่วงผ่านไปโดยมีเหตุการณ์อันคึกคักจากเหตุการณ์ฉังซิงโหวซื่อจื่อฆาตกรรมหญิงสาวสิบศพอย่างทารุณ

ช่วงเวลาระหว่างนี้ นอกจากครอบครัวของหญิงสาวผู้ถูกทำร้ายคนหนึ่งหาตัวไม่พบแล้ว ครอบครัวของหญิงสาวคนอื่นๆ ได้ทยอยมารับศพเพื่อกลับไปประกอบพิธีเรียบร้อย และมีเจินซื่อเฉิงที่ช่วยนำเงินค่าชดใช้จากจวนฉังซิงโหวมาจ่ายให้กับพวกเขา

มนุษย์นั้นลืมเลือนทุกสิ่งอย่างง่ายดาย ไม่นานนัก สายตาของทุกคนก็ถูกคดี ‘หยางกั๋วจิ้ว’ ตายกะทันหันดึงดูดไป เนื่องด้วยคดีนี้ไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าไหร่ ในเมืองหลวงจึงดูเงียบสงัดไปชั่วขณะ

แต่ช่วงนี้ ความรู้สึกของอวี้จิ่นกลับไม่ได้นิ่งสงบตาม

วันเกิดครบสิบแปดปีของเขากำลังจะมาถึงแล้ว