ตอนที่ 126

Silver Overlord

126 – สถานการณ์พลิกกลับ

เราจะมีวิธีการจัดการให้สัตว์ร้ายกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องเชื่อได้อย่างไร?

คำตอบนั้นง่ายมากคือการลงแส้อย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าสัตว์ร้ายจะพูดไม่ได้ แต่ก็ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน

ตราบใดที่ผู้คนบอกให้รู้ว่าการกระทำใดจะนำไปสู่ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน แม้แต่สัตว์ที่ฉลาดและดุร้ายก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังได้

มนุษย์ก็เป็นหนึ่งในสัตว์เช่นเดียวกันย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงปัญหานี้พ้น

นี่เป็นสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงรู้จักในชีวิตก่อนหน้านี้เมื่อเขาเข้าเรียนในหลักสูตรการจัดการ วิทยากรได้กล่าวถึงหลักการฝึกสัตว์ร้ายเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทางจิตวิทยาและสังคมวิทยาที่ละเอียดอ่อน

ในสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติต่อบุตรชายของผู้ว่าการแคว้นเหมือนสัตว์ป่า

เขาจำเป็นต้องทำให้คนๆนี้ยอมจำนนต่อเขาอย่างสมบูรณ์ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีโอกาสรอดเลย

เย่เซียวชั่วช้ายิ่งกว่าเดรัจฉาน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เป็นเพียงตัวประกันของเอี้ยนลี่เฉียงในตอนนี้ แต่เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดของเขา

ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงทิ้งบาดแผลที่เจ็บปวดอย่างมากสี่แห่งไว้บนร่างกายของเย่เซียวซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝังลึกลงไปในความทรงจำของเขา

เอี้ยนลี่เฉียงทำลายความหวังและการต่อต้านครั้งสุดท้ายจากเขาอย่างสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันเอี้ยนลี่เฉียงบอกให้เย่เซียวรู้ว่าชีวิตของเขาไม่สำคัญอะไรเลยกับเอี้ยนลี่เฉียง

ถ้าเอี้ยนลี่เฉียงต้องการฆ่าเขาแน่นอนเขาจะไม่มีความลังเลใดๆอย่างแน่นอน

เมื่อเขามองดูนิ้วของเขาที่หลุดออกจากฝ่ามือความหวาดกลัวที่ทำให้หัวใจของนายน้อยผู้ว่าการแคว้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนหนาวเหน็บไปถึงจิตใจ

เอี้ยนลี่เฉียงผูกเข็มขัดหนังรอบคอของเย่เซียวอย่างรวดเร็ว เข็มขัดหนังแทบจะไม่หลวมพอที่จะให้นายน้อยของผู้ว่าการแคว้นหายใจได้และไม่ถึงกับขาดอากาศหายใจ

ปลายอีกด้านของเข็มขัดมัดมือทั้งสองข้างของเขาและบิดไปด้านหลังมันจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาโดยสิ้นเชิง

เอี้ยนลี่เฉียงจับส่วนตรงกลางของเข็มขัดด้วยมือเดียวและกดดาบสั้นในมือเข้ากับหลังของเย่เซียวรักษาไว้ในตำแหน่งที่เขาสามารถแทงได้ตลอดเวลา

จากนั้นเขาก็เดินพาเย่เสี่ยวออกจากห้องน้ำโดยห้อยคันธนูไว้ที่หลังของเขา

เสียงฝีเท้าในอุโมงค์ใต้ดินวุ่นวายและตื่นตระหนก ในชั่วพริบตาทหารยามกว่าสิบคนก็ถือดาบและหน้าไม้ก็รีบวิ่งออกมาจากอุโมงค์

เมื่อพวกเขาเห็นเย่เซียวที่ถูกเอี้ยนลี่เฉียงจับเป็นตัวประกันการแสดงออกของพวกเขาแต่ละคนก็เปลี่ยนไป ผู้คนมากมายต่างถือธนูและหน้าไม้เล็งไปในทิศทางของเอี้ยนลี่เฉียง

“เจ้าเป็นใครปล่อยนายน้อยเย่! ถ้าเจ้ากล้าทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อยผู้ว่าการต้องไม่ปล่อยเจ้าแน่ !!” คนที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียง

“สั่งให้พวกเขาวางอาวุธลง … ” เอี้ยนลี่เฉียงออกคำสั่งกับเย่เซียว

หลังของเขาพิงกำแพงเอนไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายของเขาได้รับการปกป้องจากร่างกายของเย่เซียวที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด

“เจ้าพวกบัดซบวางอาวุธลงได้ยินไหม” เย่เซียวตะโกนเสียงดังจนเสียงแหบแห้ง

ผู้คุ้มกันเรานั้นต่างมองหน้ากันไปมา อย่างไรก็ตามไม่มีใครวางอาวุธลง

“ ดูเหมือนว่าคำพูดของนายน้อยผู้ว่าการจะทำให้ทุกคนหูหนวกหรือไม่พวกเขาก็อยากเห็นเจ้าตาย?” เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจเล็กน้อย

จากนั้นมีดที่เขาถืออยู่ก็ปักลงไปบนคอของเย่เซียวเบาๆจนมีเลือดจำนวนมากไหลซึมออกมา

เย่เซียวรู้สึกหวาดกลัว ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเขาตะโกนใส่ผู้คุ้มกันเหล่านั้น แม้แต่เสียงของเขาก็เปลี่ยนไป

“จ้าวซ่งหมิงเจ้าจะรออะไรอยู่หรือเจ้าต้องการเห็นข้าตาย เจ้าคิดว่าเมื่อข้าตายไปแล้วท่านพ่อจะปล่อยเจ้าอย่างนั้นหรือ !! “

สีหน้าของหัวหน้าองครักษ์ที่ตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียงก่อนหน้านี้กลายเป็นบิดเบี้ยวทันที

“ทุกคนวางอาวุธลง!”

บรรดาผู้ที่ถือดาบหรือหน้าไม้ทรงพลังรีบวางอาวุธในมือลงบนพื้น

เอี้ยนลี่เฉียงเปิดเผยใบหน้าและพูดกับผู้คุมเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา” เอาล่ะทั้งหมดถอยออกไปเดี๋ยวนี้ห้ามใครอยู่ในระยะห้าจ้าง”

“พวกเจ้าหูแตกหรือยังไงรีบกระจายตัวออกไป!”เย่เซียวตะโกนใส่ยามเหล่านั้นด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากเอี้ยนลี่เฉียง

คราวนี้ผู้คุมทุกคนรีบเดินถอยหลังโดยที่จ้าวซ่งหมิงไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทั้งหมดกลัวว่าความล่าช้าใดๆจะทำให้พวกเขากลายเป็นแพะรับบาป

เอี้ยนลี่เฉียงกำลังเล่นเกมความคิดกับพวกเขาในตอนนี้และคำพูดของเขาก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของทุกคน

ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ มันคงจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าใครจะสามารถช่วยนายน้อยเย่ได้ ตำแหน่งที่สูงและความมั่งคั่งมหาศาลในอนาคตจะรอพวกเขาอยู่

อย่างไรก็ตามหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนายน้อยเย่เพราะใครบางคนพวกเขาทุกคนอาจจะต้องตายตามนายน้อยเย่ไปก็ได้

เอี้ยนลี่เฉียงมองดูอย่างพึงพอใจขณะที่ทหารยามแต่ละคนถอยห่างจากเขาห้าจ้าง

“ ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูปรีบไปพาเด็กผู้หญิงสองคนที่ถูกลักพาตัวมาตอนนี้…” เอี้ยนลี่เฉียงบอกเย่เซียว

“พวกเจ้ายังรออะไรรีบไปเอาตัวพวกนางมา!”เย่เซียวตะโกนอีกครั้ง

ในชั่วพริบตาเด็กหญิงสองคนที่เอี้ยนลี่เฉียงเคยเห็นตอนนี้ก็ถูกนำตัวมา

พวกนางตื่นแล้ว แต่ถูกมัดปากปิดตาและถูกมัดด้วยเชือก เมื่อพวกนางถูกนำตัวมาห่างประมาณห้าจ้างจากเอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนลี่เฉียงก็สั่งให้ทหารยามปลดเชือกและถอดผ้าปิดตาออกเพื่อที่เขาจะได้มองผู้หญิงทั้งสองคนให้ชัดเจนอีกครั้ง

เมื่อยืนยันว่าสองคนนี้เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาเห็นก่อนหน้านี้เขาจึงปล่อยให้เด็กผู้หญิงทั้งสองคนหนีลงอุโมงค์ด้านหลัง

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ค่อยๆถอยเข้าไปในอุโมงค์ที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้เมื่อมาที่นี่พร้อมกับเย่เซียว

ยามเหล่านั้นติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเขาได้รับอนุญาตให้ไกล้เอี้ยนลี่เฉียงเพียงห้าจ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถติดตามเขาไปยังอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์ได้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงประตูของอุโมงเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากผู้หญิงสองคนที่วิ่งเข้าไปก่อนหน้านี้

ภาพที่เขาเห็นเมื่อเขาหันกลับมาทำให้ดวงตาของเขาปูดและลุกโชนด้วยความโกรธ ห่างจากเขาเพียงยี่สิบวาหญิงสาวทั้งสองล้มลงกับพื้นโดยมีบาดแผลเลือดไหลสีแดงฉานที่คอของพวกนาง

ในชั่วพริบตาเด็กสาวทั้งสองก็เหี่ยวเฉาลงคล้ายกับดอกกุหลาบ พวกนางตายลงต่อหน้าของเอี้ยนลี่เฉียง

โดยที่เขาไม่รู้ตัว มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงทางออกของอุโมงค์เขาแต่งกายด้วยชุดดำมีเส้นผมหงอกขาวเต็มศีรษะ

ชายคนนั้นจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้มมุ่งร้าย จากนั้นการแสดงออกบนใบหน้าของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ที่เคร่งขรึมในตอนนั้นเขาร้องตะโกนออกมาว่า

“ทุกคนโปรดฟังนี่คือคนที่ลักพาตัวนายน้อยเย่เซียว เขาลักพาตัวเด็กสาวสองคนในเมืองผิงซีในวันนี้โชคดีที่นายน้อยค้นพบการกระทำที่แปลกประหลาดของเขาและให้ผู้คุ้มกันช่วยเหลือเด็กผู้หญิงสองคนก่อนจะพามาที่คฤหาสน์

แต่ไม่นึกว่าคนผู้นี้จะมีจิตใจโหดเหี้ยม เขาตามมาฆ่าเด็กสาวสองคนพร้อมกับลักพาตัวนายน้อยและยังฆ่ายามสองสามคนในคฤหาสน์ขณะที่พยายามหลบหนี … “