ตอนที่ 133 ศัตรูหัวใจ 6

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

จักรพรรดิคิดกับตนเอง ลูกสาวเอ๋ย ถึงลูกอยากจะจัดการกับคู่แข่งความรัก แต่ลูกก็ควรทำมันลับหลังสิ ทำไมถึงมาทำอะไรต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้? จำเป็นต้องทิ้งเบาะแสไว้กับผู้คนด้วยเหรอ?!

โธ่เอ๊ย ลูกสาวของฉันดันมีนิสัยตรงไปตรงมา และนั่นจะทำให้เธอเสียหายได้ในอนาคต!

“เธอให้ลูกสาวของผมกินตับสัตว์…และรังไข่ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์!” ชายชราถึงกับทนไม่ไหวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าว แล้วนับประสาอะไรกับลูกสาวของเขา?

เมื่อจักรพรรดิได้ยินเช่นนั้น เฮ้ ลูกสาวของเขาคิดกลอุบายแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร? แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนขุ่นเคืองแล้ว

“ดูเจ้าพูดเข้าสิ ในเมื่อลูกสาวของเรากล้าทำมัน นั่นหมายความว่าของพวกนั้นกินได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าไม่ถามลองถามลูกสาวของเราดูล่ะว่าเธอได้กินมันไหม?”

จักรพรรดิปกป้องสุดกำลัง “เอาล่ะ ช่างมันเถอะ มันคงเป็นการเล่นกันระหว่างเด็กน้อย ทำไมเจ้าต้องทำมันเป็นเรื่องราวใหญ่โตด้วยเล่า?”

โทรลโลป ผู้ดีเก่ารู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘การเล่นกันระหว่างเด็กน้อย’ ออกมาจากปากของคนตรงหน้า

เขาเพียงรู้สึกได้ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขากำลังได้รับความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง และเขาต้องให้ทุกคนบนโลกอินเทอร์เน็ตรู้ว่าองค์หญิงสามคือจอมวายร้ายที่น่ารังเกียจ!

ในขณะเดียวกัน เขาต้องการขึ้นราคาค่ายารักษาที่ทำจากดอกชมจันทร์ของตัวเอง รวมถึงจำกัดการผลิตด้วย!

เยี่ยมมาก สุดยอดไปเลย แม้แต่จักรพรรดิยังรู้สึกปวดหัว

ตระกูลฟิลขยันแต่สร้างปัญหาให้กับเขา อีกทั้งยังข่มขู่เขาอีกด้วย! หากเขาทำออกมาได้ไม่ดี มันอาจจะทำให้บางคนรู้สึกไม่พอใจได้

ขณะที่เขากำลังรู้สึกปวดหัว สวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ส่งข่าวดีมาให้เขา

“อะไรนะ? พืชเพิ่มระดับพลังงาน?! ฮ่า ๆๆๆๆๆ! พระเจ้าทรงอวยพรชิงเหย้าของเราแล้ว!” จักรพรรดิได้เสียสติไปแล้ว!

ฮิฮิฮิ ราชวงศ์ของเรามียาช่วยเพิ่มระดับพลังงานอีกตัวแล้ว แล้วต่อจากนี้ไปใครจะกล้ามาแหยมกับพวกเขา!

ปัจจุบันทั่วทั้งจักรวรรดิทั้งหมดมีพืชที่ช่วยเพิ่มระดับพลังงานอยู่เพียงห้าสิบชนิดเท่านั้น จักรวรรดิชิงเหย้าครอบครองพืชอยู่เพียงสิบชนิด โดยพืชสามชนิดอยู่ในความคุ้มครองของราชวงศ์ และอีกแปดชนิดที่เหลืออยู่ในมือขุนนางผู้ยิ่งใหญ่

รวมถึงพืชเพิ่มระดับพลังงานชนิดใหม่ที่สวี่หลิงอวิ๋นเพิ่งค้นพบด้วย เมื่อนับรวมกัน เท่ากับว่าราชวงศ์จะมีพืชอยู่สี่ชนิด! และนี่จะทำให้อำนาจของจักรพรรดิกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง

“เร็วเข้า รีบส่งนักวิจัยพัฒนายาไปที่ดาวเคราะห์หยวนเจียเดี๋ยวนี้ ต้องยื่นขอจดสิทธิบัตรโดยเร็วที่สุด และยึดสิทธิ์ในการขุดพืชนี้ชนิดให้มาอยู่ในกำมือของราชวงศ์ให้ได้!” จักรพรรดิแทบจะทนรอไม่ไหวและไปขุดพืชชนิดนั้นด้วยตนเอง

“เดี๋ยวก่อน ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย!” สิ่งนี้ไม่เหมือนกับแร่พลังงาน ถึงแม้ว่าแหล่งแร่พลังงานจะหาได้ยาก แต่พวกเขาก็หามันจนเจอ สำหรับพืชเพิ่มระดับพลังงานนั้นแตกต่างกันออกไป! เพราะสิ่งนี้จะส่งผลกับร่างกายของมนุษย์โดยตรง และมีผลเช่นเดียวกับยาอายุวัฒนะ ล้ำค่าจนน่ากลัว

ต้องไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด!

เพราะนี่เกี่ยวข้องกับสถานภาพความมั่นคงของราชวงศ์ พวกเขาจึงไม่สามารถสะเพร่าได้

ผู้อาวุโสโทรลโลปที่อยู่ที่นั่นยังคงคิดหาวิธีการแก้แค้นให้กับลูกสาวของตัวเอง เมื่อลองคิดดู หรือว่าเขาจะปล่อยข่าวลือดีนะ? แต่นั่นมันจะทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้ดีเสื่อมเสียได้

มายับยั้งราชวงศ์ด้วยการใช้ยารักษาสมรรถภาพทางพลังจิตกันเถอะ! เฮอะ!

ตระกูลฟิลไม่มีอะไรที่จะต้องเสียแล้ว และการใช้ยานี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ราชวงศ์กระอักเลือดได้!

และแล้วเขาก็คิดแผนการที่ดีออก ขณะที่ฟองสีชมพูระหว่างสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีกำลังล่องลอยขึ้นมา ใบหน้าของทั้งสองคนที่ยืนอยู่ในระยะไกลก็เปลี่ยนป็นขมุกขมัว

“แค่กแค่ก!” แลนเซล็อตเดินเข้าไปก่อน และไอขึ้นสองครั้ง ก่อนจะพูดขัดจังหวะว่า “พลเอกโอคาซี องค์หญิงสาม พวกท่านสบายดีไหมครับ!”

สวี่หลิงอวิ๋นหันศีรษะกลับไปมองด้วยความงุนงง และต้องใช้เวลานานกว่าที่สายตาของเธอจะจดจ่อได้ “โย่ ท่านเป็นใครคะ? ดูดีนะเนี่ย!”

แลนเซล็อตทั้งหล่อเหลาและดูเป็นผู้ดี เหมือนกับชายหนุ่มรูปงามที่หลุดออกมาจากกาลเวลา สุภาพอ่อนโยนดุจดั่งหยดล้ำค่า แบบนี้ล่ะใช่เลย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั่นราวกับต้นไผ่เขียว ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรเช่นนี้!

แลนเซล็อตยังคงมั่นใจในภาพลักษณ์ภายนอกของเขาอย่างมาก ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด สายตาของสวี่หลิงอวิ๋นฉายแววตกตะลึงขณะจ้องมองมาที่เขา ก่อนจะยิ้มขึ้นเล็กน้อย

รอยยิ้มนั้นทำให้สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกราวกับว่าจิตใจของเธอเต็มไปด้วยบทกวีพื้นบ้านที่เกี่ยวกับผู้ชายรูปงาม และบทกวีนั้นคือมองลำนำฉีสุ่ย ริมตลิ่งเต็มไปด้วยป่าไผ่เขียวขจี ผู้สูงส่งสุภาพชน ปราศรัยความรู้ ฝึกวินัยนิสัยดีงาม ท่าทางเคร่งขรึม จิตใจกว้างขวาง…

“สวัสดีครับ องค์หญิงสาม ผมชื่อแลนเซล็อต เป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเอเดน” แลนเซล็อตก้าวไปข้างหน้าและจับมือของเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเตรียมพร้อมจุมพิตมือของเธอ

โอคาซีที่จ้องมองอยู่ ไม่พูดอะไรออกมา ทว่าเขากลับดึงมือของสวี่หลิงอวิ๋นออกมาจากมือของอีกฝ่ายโดยตรง “ไม่จำเป็นจะต้องจูบมือที่นี่ก็ได้มั้งครับ”

“ท่านพลเอกโอคาซี ท่านไม่คิดว่าท่านกำลังตัวจุ้นจ้านอยู่เหรอ? นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของจักรวรรดิเอเดน” แลนเซล็อตพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

โอคาซีตอบกลับว่า “ท่านไม่รู้จักวิธีปฏิบัติที่ชาวบ้านเขาทำกันเหรอครับ?”

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นเห็นดังนั้น เธอจึงรีบปฏิเสธ “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันก็ไม่ชินกับการจูบมือเท่าไหร่”

เธอหันไปด้านข้างและเหลือบเอริก้าที่ยืนอยู่ “โอ้ คุณเอริก้า อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ? นอนหลับตอนเที่ยงสบายดีไหมคะ?”

เอริก้ายกยิ้มอย่างพอเป็นพิธี “หลับสบายดีค่ะ ขอบคุณฝ่าบาทที่เป็นห่วงเป็นใยกัน”

ในที่สุดทั้งสี่ก็ได้พบกันอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะดูแปลกไปเล็กน้อย

แลนเซล็อตเป็นที่คนที่ช่างสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขามองดูฐานทัพที่กำลังถูกสร้างขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ทำไมท่านถึงสร้างฐานทัพเพิ่มอีกล่ะครับ?”

โอคาซีตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมอยากจะอยู่กับองค์หญิงสามตามลำพังน่ะครับ มีความคิดเห็นว่าอะไรอีกไหม?”

เอริก้าแทบจะฝืนยิ้มต่อไปแทบไม่ไหว! แค่นี้ก็บีบหัวใจของเธอเกินพอแล้ว!

“ท่านพลเอกก็พูดเล่นไปเรื่อยนะคะ แต่ว่าที่นี่ พวกท่านอยู่กันเพียงลำพังไม่ได้หรอกค่ะ” เอริก้าเปิดปากพูด ขณะที่ดวงตาของเธอมองสอดส่องไปมาแล้วจึงเห็นเข้ากับเหล่าทหารทั้งหลาย ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออกว่าถ้าเกิดพวกเขาอยากจะอยู่กันตามลำพัง คงไม่ขนทหารทั้งกองทัพมาที่นี่หรอก!

สวี่หลิงอวิ๋นพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “คุณคงไม่เข้าใจหรอกใช่ไหมคะ? ว่าการจะแสดงความรักกันได้ คนเราควรจะหาสถานที่ไว้สำหรับแสดงความรักต่อกัน จริงไหม? ไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าคนที่คิดไม่ดีจะเข้ามาลอบทำร้ายพวกเราสองคนน่ะค่ะ แล้วแบบนี้เราจะไม่เสียเปรียบเหรอคะ?”

เอริก้าส่ายหัวและยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “องค์หญิงสามรู้จักพูดเล่นเหมือนกันนะคะเนี่ย ท่านเป็นถึงองค์หญิง ใครจะกล้าเข้ามาลอบทำร้ายท่านคะ?”

สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะคะ ตอนนี้สายตาของผู้ชายรูปงามอันดับหนึ่งในจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังมองมาที่ฉัน แล้วถ้าคนอื่นที่ชื่นชอบเขาหันไปซบอกกับจักรวรรดิเอเดนล่ะ โธ่เอ๊ย ฉันล่ะกลัวแฟนคลับที่บ้าคลั่งของเขาจังเลยค่ะ”

“คุณเอริก้า คุณมีแฟนคลับที่บ้าคลั่งบ้างไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นถามอย่างสงสัย

เอริก้าส่ายหัว “ฉันถูกล้อมรอบประด้วยชนชั้นสูงค่ะ ไม่มีคนขี้เล่นแบบนั้นหรอก”

เธอกำลังบอกว่าตัวเธอคือชนชั้นสูง และในเมื่อเธอเป็นผู้ดี เธอจะไม่ทำกิริยาแบบนั้นเด็ดขาด

สวี่หลิงอวิ๋นหรี่ตา “อ๋อเหรอคะ”

แลนเซล็อตกวาดตามองสำรวจบริเวณโดยรอบ และรู้สึกว่าสองคนนี้กำลังโกหกอะไรอยู่

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังปิดบังบางอย่างอยู่ มันคืออะไรกันแน่?!

เขาจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น “องค์หญิงสาม ผมเพิ่งมาใหม่และหิวเหลือเกินครับ ผมได้ยินมาว่าอาหารของท่านมีชื่อเสียงในจักรวรรดิชิงเหย้า ท่านจะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอรับเกียรตินั้น?”

“ได้สิคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันจะทำอาหารพิเศษให้ท่านเอง!”