ตอนที่ 96

My Disciples Are All Villains

เหล่าลูกศิษย์ของฝานเชียวเห็นว่าลู่โจวพูดกับอาจารย์ของพวกเขาอย่างไม่มีเกียรติใดๆ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงรู้สึกโกรธมาก แต่ถึงแบบนั้นเหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อยู่ดี

ฝานเชียวยืนอยู่ที่ด้านข้างพร้อมกับส่งมือมา เขาไม่ได้รู้สึกสนใจไยดีอะไรลู่โจว เขาคนนี้รู้สึกสนใจหยวนเอ๋อมากกว่านั่นเอง

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ลูบเคราอย่างใจเย็น เขามองไปทางซ้ายและขวาก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังของราชันย์ช้างเบาๆ ตัวเขาได้เดินต่อไปอีกนิดเพื่อเข้าสู่รถม้าคันนั้น

หยวนเอ๋อเองก็ไม่เต็มใจที่จะขึ้นไป แต่เมื่อเห็นท่านอาจารย์ของตัวเองขึ้นไปแล้ว เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องตามขึ้นไป ‘ยังไงซะท่านอาจารย์ก็อยู่ที่นี่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้จะทำอะไรได้แน่’

รถม้าที่อยู่บนหลังของราชันย์ช้างดูกว้างขวางมาก ลู่โจวและหยวนเอ๋อที่นั่งอยู่ด้านในสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งป่าแห่งนี้ได้เลย

หลังจากนั้นเองฝานเชียวก็กระโดดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาบนรถมาตาม ตัวเขาได้นั่งอีกฝั่งหนึ่งของรถม้า และหลังจากที่ฝานเชียวออกคำสั่งอีกครั้ง ราชันย์ช้างก็เริ่มเดินหน้าต่อไป รอยเท้าของมันที่ถูกทิ้งเอาไว้บนพื้นตราตรึงอยู่อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะใหญ่โตมหึมาแค่ไหนแต่เรื่องความเร็วในการเคลื่อนที่เองก็ไม่ได้ช้าจนเกินไปเลย

ลู่โจวรู้สึกค่อนข้างพอใจ ตัวเขาได้พยักหน้าก่อนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “การทำให้ราชันย์ช้างเชื่องได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ฝานเชียวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตอบกลับมาอย่างไม่แยแส “ราชันย์ช้างน่ะไม่ได้มีความหมายอะไรหรอกนะ ข้ายังมีสัตว์ขี่อีก 10 ตัวอยู่ที่หลังภูเขาทอง”

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็กลอกตาหนีทันที “โม้เข้าไป โม้เข้าไปอีก! “

ฝานเชียวเห็นสีหน้าของหยวนเอ๋อในตอนนี้ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าหยวนเอ๋อไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และเพราะแบบนั้นฝานเชียวจึงได้ถามออกมาอย่างเป็นมิตร “สาวน้อย เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างงั้นหรอ? “

“หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตอบกลับทันที “คนๆ เดียวที่ข้าจะเชื่อก็คือท่าน…ท่านปู่! “

ฝานเชียวมองหยวนเอ๋ออย่างพึงพอใจก่อนที่จะเหลือบไปมองสาวกหญิงของตัวเองที่อยู่ด้านนอกพร้อมกับส่ายหัว

สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงนิ่งสงบไร้อารมณ์เช่นเคย ตั้งแต่ที่ขึ้นมาบนรถม้าตัวเขาก็ลูบเคราของตัวเองต่อไป

ราชันย์ช้าได้ใช้เวลาเดินไปอีกระยะหนึ่ง

“ท่านอาจารย์ ผู้ฝึกยุทธ 2 คนที่ได้หลบหนีพวกเราตอนนี้อยู่ที่ด้านหน้าแล้ว” หนึ่งในสาวกของฝานเชียวได้รายงานสถานการณ์มาจากด้านนอก

“ฆ่าพวกมันซะ” ฝานเซียวได้ตอบกลับมาโดยที่ไม่สนใจไยดี

“ศิษย์เข้าใจแล้ว” สาวกฝานเซียวทั้งสองคนรีบบินไปด้านหน้าในทันที พวกเขาใช้เวลาบินไม่นานมากนักก่อนที่เสียงร้องโหยหวนจะดึงขึ้นมาจากด้านในป่า หลังจากนั้นสาวกทั้งสองคนก็กลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฝานเชียวได้ใช้มือของตัวเองชี้ไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “ตาแก่ เจ้าน่ะไม่ต้องกลัวข้าหรอกนะ…แม้ว่าข้าจะก่อกรรมทำชั่วมากแล้วมากมาย แต่ข้าก็ยังเป็นคนมีเหตุมีผลอยู่ดี”

“ข้าเองก็เช่นกัน” ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป

ฝานเชียวที่ได้ฟังแบบนั้นยิ้มให้ก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าคิดว่าพวกเราจะต้องเข้ากันได้ดีแน่นอน”

ในตอนนั้นเองราชันย์ช้างก็ได้หยุดเดิน

“แม่น้ำสวรรค์อยู่ข้างหน้าแล้ว! ” ฝานเชียวจ้องไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะกระโดดลงจากหลังของราชันย์ช้างอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่ที่ลู่โจวทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ความรู้สึกในการรับรู้พลังของเขาก็ได้พัฒนาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในตอนที่ฝานเชียวลงจากสัตว์ขี่ไป พลังที่ฝานเชียวได้ปล่อยออกมานั้นดูไม่ธรรมดาเลย ถ้าหากจะบอกว่าฝานเชียวปลดปล่อยพลังออกมาโดยเจตนาคงจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

เมื่อหยวนเอ๋อสัมผัสได้ถึงพลังนั้น เธอก็ได้เกาะแขนลู่โจวทันที

ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ โดยที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยนอะไรไป “พวกเราไปกันได้แล้ว”

ลู่โจวและหยวนเอ๋อกระโดดลงจากหลังของราชันย์ช้างก่อนที่จะร่อนลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล

ฝานเชียวที่เอามือไขว้หลังได้พูดออกมา “สาวน้อย เจ้าฝึกฝนวรยุทธนานแค่ไหนกันแล้วล่ะ? “

“ห้าปี” หยวนเอ๋อตอบอย่างภาคภูมิใจ

“ห้าปีก่อนที่จะถึงขั้นนี้ได้อย่างงั้นหรอ…” สีหน้าของฝานเชียวเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาได้เอานิ้วชี้ไปที่ลูกศิษย์หญิงของตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “นางน่ะก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน แต่ถึงแบบนั้นดูเหมือนว่าจะยังห่างไกลเจ้าอีกมาก”

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองอย่างไม่แยแสก่อนที่จะหันไปมองทางอื่น

หยวนเอ๋อกลอกตาอีกครั้ง เธอไม่คิดว่าของปลอมแบบนั้นจะมีค่าควรเทียบเคียงกับตัวเธอ หยวนเอ๋อได้หันไปมองศิษย์สาวกอีกทั้งหมด 2 คนด้วยกัน หลังจากนั้นเธอก็เบิกตากว้างก่อนที่จะถามขึ้นมา “เจ้าพวกนั้นเองก็อยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วยอย่างงั้นหรอ”

ศิษย์สาวกตั้งสองพยักหน้าตอบรับกลับมา

“ดูเหมือนเจ้าพวกนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไปเหมือนกัน” หยวนเอ๋อพึมพำออกมา

“สาวน้อย ถ้าหากไม่ได้คำนึกของท่านอาจารย์ข้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้นเองถ้าหากเจ้ายังดูหมิ่นศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเราแบบนี้”

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดตอบโต้กลับไปอย่างเย้ยหยัน “งั้นพวกเรามาดูกันดีกว่าว่าใครกันแน่จะถูกฉีกเป็นหมื่นๆ ชิ้น”

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะมองไปที่ฝานเชียวอย่างช่วยไม่ได้ “หลานสาวของข้าน่ะเป็นพวกดื้อรั้น เจ้าก็ได้อย่าถือสาเลยก็แล้วกัน”

“ข้าไม่ถือสาหรอก”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ออกเดินทางต่อไป เมื่อเดินทางมาถึงหุบเหบพวกเขาก็ได้หยุดเดินทางอีกครั้ง

ถัดจากหุบเหวด้านหน้าก็คือแม่น้ำสวรรค์นั่นเอง

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองในขณะที่จ้องมองไปยังด้านหน้า น่าเสียดายที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ยังคงดูเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือผู้คนนั่นเอง ชาวบ้านจากหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์บัดนี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว ในความทรงจำของตัวเขา ลู่โจวจำได้ว่ามีชาวบ้านและชาวประมงจำนวนมากอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ตัวเขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่เหลืออยู่จะมีเพียงหุบเขาแห้งแล้งอันว่างเปล่าเหมือนกับในตอนนี้ ลู่โจวตัดสินใจที่จะเริ่มสืบหาเบาะแสจากเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่กำลังพยายามหาศพขึ้นมาจากแม่น้ำ ถ้าหากถามเจ้าหน้าที่พวกนั้นตัวเขาอาจจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างมาก็เป็นได้

ขณะที่ลู่โจวกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะต้องทำ ในตอนนั้นเองฝานเชียวก็ได้ยื่นมือของตัวเองมาแตะทีหลังของตัวเขาไว้อย่างอาจหาญ “หลายปีก่อนข้าน่ะเป็นผู้ครอบครองแม่น้ำสวรรค์แห่งนี้ ข้าได้ต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือมากมาย การต่อสู้นั้นกินเวลากว่าสามวันสามคืนด้วยกัน เราต่อสู้ขับเคี่ยวกันด้วยพลังร่างอวตารที่มี และเพราะแบบนั้นพื้นที่แห่งนี้จึงได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นถามออกมาด้วยความสับสน “เจ้ากำลังจะทำอะไรกัน? “

ในบันทึกต่างๆ ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าคนที่ทำลายแม่น้ำสวรรค์ไปก็คือจีเทียนเด๋านั่นเอง

ในตอนนั้นเองหนึ่งในสาวกของฝานเชียวก็ได้โบกมือก่อนที่จะส่งเสียงออกมา “ท่านอาจารย์ เจ้าพวกสมาคมมังกรฟ้าอยู่ที่ด้านหน้าแล้ว ข้าจะรีบไปจัดการพวกมันเอง”

“ไปซะ”

ศิษย์ของฝานเซียวลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะแยกตัวจากไป ศิษย์คนนั้นได้หายไปในชั่วพริบตา

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนจะพูดขึ้น “สมาคมมังกรฟ้าอย่างงั้นหรอ? ” ในตอนที่ตัวเขาอยู๋ในเมืองอันยาง ลู่โจวได้เคยพบกับสมาคมมังกรฟ้าสาขาย่อยมาแล้ว เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีสมาคมมังกรฟ้าสาขาอื่นอยู่ที่แม่น้ำสวรรค์ ถ้าหากอิทธิพลของสมาคมมังกรฟ้ามีมากขนาดนี้ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงก็มีความเป็นไปได้ว่าสมาคมมังกรฟ้าจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักที่ทรงพลัง แต่มันจะใช่สำนักทางใต้แน่หรอ?

ฝานเชียวได้พูดตอบออกมาอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ “สมาคมมังกรฟ้าน่ะได้รับการสนับสนุนมาจากสำนักทางใต้…ยู่เฉิงไห่ยังไงล่ะ เจ้านั่นน่ะเป็นศิษย์คนโตของข้าเอง”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าไปอย่างไม่แยแส ตัวเขายอมที่จะดูการแสดงของฝานเชียวต่อไป ‘แม้ว่าสมาคมมังกรฟ้าจะเป็นเหมือนกับพวกปลาซิวปลาสร้อย แต่ถึงแบบนั้นการที่จะให้คนพวกนี้เก็บกวาดคงจะส่งผลดับกับตัวฉันมากกว่า ฉันจะต้องเก็บการ์ดพิเศษเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทุการ์ดล้วนมีค่าเกินกว่าจะมาใช้อะไรง่ายๆ แบบนี้’

ฝานเชียวยังคงพูดต่อไปอย่างมั่นใจอีก “ตั้งแต่ที่ข้าเดินทางมาถึงที่นี่ สมาคมมังกรฟ้าก็ได้ล่มสลายไป”

ไม่นานหลังจากนั้น

ศิษย์สาวกที่บินออกไปก่อนหน้านี้ก็ได้บินกลับมา เขาที่มาถึงได้โค้งคำนับฝานเชียวก่อนที่จะพูดรายงานออกมาทันที “ท่านอาจารย์ เป็นไปตามที่ท่านคิด พวกสมาคมมังกรฟ้าที่ได้ข่าวการมาถึงของท่านได้หนีหัวซุกหัวซุนไปด้วยความกลัวแล้ว”

“เยี่ยมมาก” ฝานเชียวที่ฟังรายงานได้โบกมือให้อย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป

ในตอนนั้นเอง ที่มังกรที่ยังหลับใหลเจ้าสำนักแห่งความมืด

“ท่านเจ้าสำนักข้ามีรายงาน ท่านผู้อาวุโสจีอยู่ที่ใกล้ๆ กับแม่น้ำสวรรค์ครับ”

สีวู่หยาลืมตาขึ้นมา ตัวเขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “สำนักทางใต้เองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน พวกเราไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรหรอก…การแอบอ้างเป็นพวกศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องทำให้เจ้าพวกนั้นพบกับความหายนะแน่นอน”

“แอบอ้างอย่างงั้นหรอ? ” ลูกน้องของสีวู่หยาถึงกับผงะ

“จับตาดูศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาไว้ซะ ตอนนี้เจ้าสำนักวิหารปีศาจอยู่ที่ไหนกัน? ” สีวู่หยาถามขึ้น

“เร็นบู้ผิงตอนนี้อยู่ที่แท่นบูชาหยกเขียว ดูเหมือนว่าเจ้านั่นได้จะได้รับการสนับสนุนจากจางหยวนฉาน หนึ่งในเจ้าสำนักฝ่ายธรรมะ”

เมื่อสีวู่หยาได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ เสียงของเขาที่ได้พูดขึ้นฟังดูทุ้มต่ำและนุ่มลึกมากกว่าเดิม “สำนักฝ่ายธรรมะและสำนักฝ่ายอธรรมต่างก็ทำงานร่วมกันเพราะแผนการอันชั่วร้ายอย่างงั้นหรอ? นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายในใต้หล้าซะจริง”

“ท่านเจ้าสำนักยังมีรายงานอีกเรื่องหนึ่ง”

“อะไรกัน? “

“ผู้นำของอัศวินดำ ฝานซูยเหวิน ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่เจ้านั่นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าไม่อาจที่จะยืนยันสถานะของเจ้านั่นได้ แม้แต่ท่านผู้อาวุโสดาบปีศาจเองยังไม่อยู่รอ เพราะแบบนั้นข้าก็เลยไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบันของฝานซุยเหวิน ข้า…เอ่อข้าไม่กล้าที่จะติดตามท่านผู้อาวุโสดาบปีศาจเลย”

“ศิษย์พี่รองน่ะเป็นคนถ่อมตัวและอ่อนโยน เจ้าน่ะไม่ต้องไปกลัวเขาหรอกนะ” สีวู่หยาพูดออกมาช้าๆ

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่ตัวของชายคนนั้นก็ได้สั่นไปทั้งตัว

“ท่านเจ้าสำนัก ในตอนนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่แม่น้ำสวรรค์…ท่านแน่ใจแล้วหรอจะไม่ให้พวกเราไปจับตาดูที่นั่น? “

ในตอนแรกสีวู่หยาไม่คิดที่จะทำอะไร แต่เมื่อได้ฟังแบบนั้นเขาก็ได้หยุดคิดไปชั่วขณะ หลังจากนั้นสีวู่หยาก็ได้สั่งการออกมาอีกครั้ง “ปล่อยข้อมูลนี่ไปให้ทางพระราชวังได้รับรู้ซะ พวกเจ้าพวกนั้นให้เก็บกวาดงานของตัวเองให้ดี”

“การเคลื่อนไหวของท่านเจ้าสำนักแยบยลยิ่งนัก ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้”