ตอนที่ 111 อำนาจสวรรค์ไม่อาจต่อต้าน
หานเยวียมีสีหน้าสับสนเล็กน้อย
เขามองยันต์ ‘ขนห่าน’ สองแผ่นนั้นที่รัดขาสองข้างของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเข้าใกล้ตนและออกกระบี่นี้ได้ช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้…
กระบี่นี้คือพินิจเหมันต์ของคุณชายเจ้าหรุย ขอแค่พลังบำเพ็ญเพียงพอ เช่นนั้นโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!
ฝ่ามือถูกปลายกระบี่ทะลวง เลือดสีแดงพุ่งมาทั้งแขน ระเบิดกระจาย หลอดเลือดพุ่งออกมา เนื้อและกระดูกหลุดลอก
กระบี่นี้มีเสียงพายุสายฟ้า
ปราณกระบี่หมุนม้วนเข้าไปในปอด ระเบิดตรงหน้าอกหานเยวีย
เสียงเด็กร้องน่าเวทนาดังขึ้น
หญิงน้ำค้างบนที่ราบปลิวออกไป
หนิงอี้ถูกแรงสะเทือนมหาศาลกระแทกลอยออกไป พินิจเหมันต์นั้นถูกเขาคว้าไว้แน่น ก่อนจะดึงออกมา กระดูกและเนื้อในกายหานเยวียแข็งแกร่งมาก กระบี่เสียดสีเกิดประกายไฟร้อนขึ้นในอาภรณ์ ลากมาพร้อมกับเลือดขุ่นเป็นพรวนใหญ่
เด็กหนุ่มกระเด็นไปบนที่ราบ กระแทกบนหญ้าน้ำค้างกลิ้งไปไฟลุก เขาตกลงอย่างแรงและลอยขึ้นอีกครั้ง ซ้ำไปเช่นนี้ ถลาเป็นรอยหลายสิบจั้งบนที่ราบ สุดท้ายหลังกระแทกกับหินใหญ่ แตกเป็นใยแมงมุม
หนิงอี้เงยหน้าขึ้นทันที มองที่ราบไกลๆ
บนท้องนภา สายฟ้าที่เดิมทีหยุดแล้ว ตอนนี้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เมฆดำมืดครึ้ม รวมออกมาเป็นประกายสายฟ้าสีทองพุ่งตกลงมา
ท้องนภามืดมิด ย้อมแสงทอง
สายฟ้ายิ่งใหญ่ กำจัดปีศาจสลายหายไป
…..
ไฟลุกโชติช่วง เหมือนแสงท้องฟ้า
อำนาจสวรรค์ไม่อาจต่อต้าน
ตอนที่แสงสว่างยิ่งใหญ่ตกลงมา ก็ได้พลิกทุกอย่างในเส้นทางภูเขาแดงแคบเล็ก หินสองข้างทางพลันปูด้วยใยแมงมุมยักษ์สองอันเริ่มจากบุรุษหนุ่มที่กวัดแกว่งดาบเป็นใจกลาง ดินหินพังทลายลงมา หินที่ถูกกระเทือนพลิกลอยขึ้นพลันสลายเป็นเศษหินละเอียดถึงที่สุด สุดท้ายกลายเป็นผุยผงพุ่งไปอีกทางของเส้นทางภูเขา
ปราณดาบของดาบนี้พลิกเมฆลมฟ้าดิน ภูเขาแดงมีผนึกเยอะมากเป็นพิเศษ เดินทางในเส้นทางภูเขา ต้องเลี่ยงแตะต้องผนึกให้มากที่สุด
แต่สำหรับ ‘บุรุษ’ คนนี้ ไม่มีข้อห้ามนี้
สายเลือดเผ่าปีศาจบุพกาลเทียบกับเขาแล้วด้อยกว่ามากจริงๆ เป็นยอดปีศาจหนุ่มสามอันดับแรกในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจตอนนี้ เหยี่ยวที่เกาะบนบ่าเขาก็เป็นปีศาจที่มีสายเลือดแกร่งที่สุดในภูเขาแดงแล้ว ต่อให้ผนึกจะเรียกปีศาจที่แกร่งอย่างยิ่งมา อยู่ต่อหน้าเขา ก็ต้องก้มหัวลงด้วยแรงกดดันทางสายเลือดโบราณ
เขตต้องห้ามแห่งนี้เรียกว่าเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ
และภูเขาแดงที่ฝังปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณรวมถึงสัตว์ประหลาดที่ได้วาสนาจากปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณกำเนิดขึ้นในสุสานแห่งนี้ ไม่มีทางมีสายเลือดสูงส่งกว่าเขา
ถึงอย่างไร…ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณก็เป็นเพียงปราชญ์ปีศาจโบราณที่มีระดับเทียบเท่าบิดาเขาเท่านั้น
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจเริ่มมีทายาทยุคแรกของปราชญ์ปีศาจโบราณคืนชีพขึ้นมา จักรพรรดิหลายท่านของใต้ฟ้าต้าสุยแข็งแกร่ง หัวดื้อและวางอำนาจกดขี่ผู้บำเพ็ญปีศาจนอกแดนอุดร มหาปราชญ์ของเผ่าปีศาจไม่มีผู้สืบทอดมาหลายปีแล้ว สายเลือดที่ดั้งเดิมที่สุดผนึกอยู่ทุกที่ในทะเลพลิกผัน ยากจะหาพบ
ยอดปีศาจหนุ่มคนนี้เป็นผู้บำเพ็ญปีศาจที่เพิ่งออกมาจากที่ใดไม่รู้ในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ เขาถูก ‘เสด็จพ่อ’ ปิดสติปัญญา ใช้ร่างเผ่าปีศาจบุพกาลฝึกบำเพ็ญอยู่นานมาก รอวันเปิดจิตวิญญาณ
ขอแค่ไม่ออกจากแดนอุดร ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจนี้ ต่อให้เป็นเขตต้องห้ามสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังพวกนั้น สำหรับเขาก็ไม่ได้อันตรายเท่าไร
ครั้งนี้เข้ามาในเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณลึก ความจริงเขาแบกรับความเสี่ยงไม่น้อย นี่คือเขตที่เผ่าปีศาจย่างกรายเข้ามาไม่ได้ง่ายๆ สมาชิกของสามกรม ผู้คุมกฎของตำหนักสวรรค์ล้วนมียอดฝีมือประจำเขตแดนนี้ หากเขาถูกพบ เช่นนั้นก็คงพบเจอกับหายนะ
ดังนั้นเขาจึงจะไม่ออมมือ
ดาบนี้ จะต้องสังหารมนุษย์สี่คนที่เจอ
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ…ภาพที่เห็นต่อไปนี้
บุรุษชุดคลุมดำส่งเสียงดังพึ่บพั่บ เลือดตรงท้องเผาไหม้ ‘จิ้งจอกลม’ ที่เคยมีวาสนาได้พบกันที่สงครามโลกเทาก่อนหน้านี้ ไม่เลือกถอย แต่รับแสงดาบลุกโชน ยกสองมือขึ้น
เกิดแสงสว่างวาบ
ยอดปีศาจหนุ่มยื่นมือมาข้างหน้าบังไว้ตรงหน้า ไม่มองภาพยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นตรงหน้าตน
เขารู้สึกสนใจนิดๆ
‘เสาเอกหนุ่มเผ่ามนุษย์’ แห่งโลกเทาที่ว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตที่เจ็ด นกกระจอกเงิน มังกรอัสนีและจิ้งจอกลม…อัจฉริยะการต่อสู้จริงที่มีชื่อเสียงเกือบห้าปีมานี้ โดยเฉพาะเหล่านี้ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญพเนจร ไม่มีร่มเงาสำนัก ไม่มีทรัพยากรบำเพ็ญ ล้วนขัดเกลาจากความเป็นตาย ใช้ศักยภาพแฝงชีวิตสู้กับเผ่าปีศาจ ผู้บำเพ็ญเช่นนี้เดินไปถึงขอบเขตหลังได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่การจะเดินต่อไปอีก ก้าวสู่ขอบเขตที่สิบที่เป็นด่านยาก มันก็ยากยิ่งกว่ายาก
การจะสำเร็จดาราชะตาหรือพลังบำเพ็ญที่สูงกว่า…ด้วย ‘ประสบการณ์’ ของยอดปีศาจหนุ่ม เห็นได้ชัดว่ายากเหมือนไต่ฟ้า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น
ยอดปีศาจหนุ่มหรี่ตาลงตามจิตใต้สำนึก นึกถึงตอนที่เดินทางในโลกเทาก่อนหน้านี้ ยอดฝีมือรับมือยากคนนั้นที่เจอโดยบังเอิญ สายเลือดตนไม่อาจกดอีกฝ่ายได้ คนนั้นเหมือนจะมีพลังสายเลือดประหลาด อยู่ในค่ายเผ่ามนุษย์ใต้ฟ้าต้าสุย แต่กลับใช้สายเลือดยุคแรกของมหาปราชญ์โบราณได้
หากตนจำไม่ผิด…คนนั้นจะชื่อว่า ‘เฉาหลัน’
เฉาหลันก็เป็นผู้บำเพ็ญพเนจรเช่นกัน แต่ผู้บำเพ็ญพเนจรคนนี้ก้าวสู่ขอบเขตที่สิบ อีกทั้งยังจุดดาราชะตาได้ทุกเมื่อ เพียงแต่รอโอกาสที่เหมาะสม ต้องยอมรับว่าเผ่ามนุษย์มีอัจฉริยะที่น่าตกใจจริงๆ ผู้บำเพ็ญแดนอุดรเดินมาถึงก้าวนี้ได้แทบจะเป็นปาฏิหาริย์
ยอดปีศาจหนุ่มรู้แก่ใจดีว่าหากใต้ฟ้าต้าสุยจัดรายนามต้องสังหารของรุ่นเยาว์เผ่าปีศาจ ตนจะต้องติดสิบอันดับแรก กระทั่งอยู่สูงสามอันดับแรก
น่าบังเอิญอย่างยิ่ง ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจก็มีรายนามเช่นนี้เหมือนกัน และผู้บำเพ็ญพเนจรที่ชื่อเฉาหลันคนนั้นก็อยู่ในอันดับที่ต้องสังหารในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจค่อนข้างสูง น่าจะอยู่อันดับสาม
ส่วนจิ้งจอกลม มังกรอัสนีและนกกระจอกเงิน…เผ่าปีศาจไม่สนใจอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอยู่พักเดียวพวกนี้ เหยี่ยวที่บินมาจากแดนอุดร ผู้แปลงกายที่เก็บกลับมาน้อยยิ่งในนั้น ได้นำข่าวกรองหยาบๆ ของทุกเขาศักดิ์สิทธิ์ใต้ฟ้าต้าสุยกลับมา เผ่ามนุษย์ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอายุขัยหกร้อยปีของจักรพรรดิไท่จง อีกไม่นานก็จะถึง ‘งานราชวงศ์ใหญ่’ ที่ต้อนรับความรุ่งโรจน์ถึงที่สุด
ถึงตอนนั้น อัจฉริยะที่ซ่อนตัวมานานของเขาศักดิ์สิทธิ์มากมายจะทยอยกันขึ้นเวที
ผู้บำเพ็ญราชวงศ์ของใต้ฟ้าต้าสุยไม่อยู่ในรายนามนี้…พรสวรรค์การบำเพ็ญของราชวงศ์ไม่เป็นที่ต้องสงสัย ภายภาคหน้าจะเป็นผู้สืบทอดที่ปกครองชายแดนสี่หมื่นลี้ต่อสู้กับเผ่าปีศาจ ย่อมเป็นคนที่แกร่งที่สุดใต้ฟ้าแห่งนี้ แต่ก่อนที่จะสืบทอด ‘บัลลังก์มังกรแท้’ พวกเขาจะก้าวสู่นอกแดนอุดร พาตัวเองมาในแดนอันตรายหรือไม่
ช่วงที่องค์รัชทายาทของใต้ฟ้าต้าสุยประสูติ ชนชั้นสูงใต้ฟ้าเผ่าปีศาจเคยประชุมกันอย่างจริงจัง หารือว่าหากภายภาคหน้าองค์รัชทายาทเดินทางมาฝึกฝนที่แดนอุดร จะวางแผนลอบสังหารอย่างไร ให้ต้าสุยจ่ายไปในราคาแสนเจ็บปวด ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นกลับทำให้พวกเขาผิดหวังจากใจจริง…
ในกาลเวลาที่ไม่ถือว่านานแต่ก็ไม่ถือว่าเร็ว องค์รัชทายาทอย่าว่าแต่จะมาแดนอุดรเลย แม้แต่ประตูเมืองหลวงยังไม่เคยก้าวออกมา องค์รัชทายาทที่มีโอกาสสืบทอดอำนาจจักรพรรดิมากที่สุดไม่อยากรู้เลยว่าโลกข้างนอกเป็นอย่างไร ไม่สนใจประชาชนของตนเลยสักนิด หรือศัตรูนอกแดนอุดรเป็นแบบใด
เขาคุดคู้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดใต้ฟ้าแห่งนี้
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจได้ยากยิ่ง
และทำให้ปีศาจไม่เข้าใจเหมือนกัน
ดังนั้นวันล่าเหยื่อครั้งนี้ ต้าสุยให้สององค์ชายมาประชันกับที่ที่ราบสูงเทพสวรรค์เป็นครั้งแรก…นี่เรียกว่ายื่นแก้วให้วานร สถานที่ทดสอบอย่างแท้จริงคือภูเขาแดงที่อยู่ลึกสุดของเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ นี่เป็นข่าวที่เป็นความลับอย่างยิ่ง
คนที่รู้มีน้อยมาก
คนที่มีสิทธิ์รู้มีเพียงฝ่าบาทในวัง รวมถึงเจ้าลัทธิของภูเขาวิญญาณหรือสำนักเต๋า ทว่าการคงอยู่ที่แกร่งที่สุดในใต้ฟ้าต้าสุยพวกนี้มีจำนวนไม่เกินสองมือ
ยอดฝีมือเผ่าปีศาจจ่ายในราคาสูงยิ่งเพื่อคาดการณ์ตำแหน่งคร่าวๆ จากการถกและหารือกัน ดังนั้นถึงได้มี ‘ผู้โชคดี’ ในวันนี้ที่ข้ามผ่านที่ราบสูงเทพสวรรค์แต่กลับไม่ถูกสามกรมพบ
ก็คือยอดปีศาจหนุ่มคนนี้
…….
แสบดาบในหุบเขามาพร้อมกับพลังไร้พ่าย โหมซัดสาดเข้าใส่บุรุษผอมที่ตั้งรับอยู่
ในปากจิ้งจอกลมพ่นคำที่ยากและแหบแห้ง ชุดคลุมดำของเขาฉีกขาดในทันใด เผยแก้มตอบที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นดาบ ในลูกตาสีดำถูกปราณดาบร้อนแผดเผาอัดแน่น
แก้มใบหน้านั้นกระจายเป็นเส้นเลือดมากมาย
ทั้งชุดคลุมดำยักษ์ถูกพายุคลั่งถาโถม ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ ต้านได้ลมหายใจเดียว จิ้งจอกลมยื่นสองมือมาเหมือนจะกอดทั้งโลกไว้
ยันต์หลายร้อยแผ่นในอ้อมกอดเขากระจายออกมา
ปราณดาบนั้นถูกค่ายกลที่กระจายออกในพริบตานั้นกันไว้ ชะงักไปพริบตาหนึ่ง เสียงกระเทือนหูดัง ‘วิ้งๆๆ’ ดังขึ้นพร้อมกัน ค่ายกลใสแวววาวมากกว่าร้อยถูกแสงดาราของจิ้งจอกลมขับเคลื่อน บุรุษคนนี้ใช้ทุกอย่างของตน นี่เป็นวิธีต้านดาบนี้วิธีเดียวที่เขาคิดได้!
แสงสว่างวาบ
อัจฉริยะแดนประจิมสามคนยื่นมือไปตามจิตใต้สำนัก…ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเหนือกว่าความรู้ของพวกเขา แค่ปราณดาบเดียวกลับถาโถมไอวิญญาณแสงดาราได้มากขนาดนี้เชียว
เด็กสาวในรถม้า หมวกถูกพลังของสองฝ่ายพัดลอยขึ้น
สวีชิงเยี่ยนมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย ความอยากรู้อยากเห็นทำให้นางอดอยากชะเง้อออกไปดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ แต่สติปัญญาบอกนางว่าหากตอนนี้นางเลือกโผล่หน้าออกไป…ก็จะเผชิญหน้ากับอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิต
รถม้าของนางเป็นองค์ชายสามที่สั่งทำกับปรมาจารย์เมืองหลวงโดยเฉพาะ ทนทานมาก มีช่องทางหลากหลาย…เพื่อภารกิจในครั้งนี้ วัสดุที่เลือกในการทำรถม้าในครั้งนี้จึงผ่านการแช่ด้วยแสงดาราและวิชาลับ ต้านคลื่นลมรุนแรงยิ่งได้ คลื่นลมของดาบนี้โหมซัดสาด รถม้ากลับไม่พลิกลอยขึ้น ไม่มีเค้าลางจะพังเลย…
ภายในรถม้าที่ไม่สว่าง ตอนนี้สว่างขึ้นมาช้าๆ
ยันต์ที่ฝังซ่อนในไม้ใช้สำหรับกันอันตรายที่ไม่รู้โดยเฉพาะ ตอนนี้ทำงานขึ้นเอง รวมเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็ว
สวีชิงเยี่ยนไม่สงบสุข สองมือกำหมัด กดบนหัวเข่า ในความคิดนางมีแต่เสียงดังครึกโครม
จากนั้นทั้งโลกพลันเงียบสงัด
ปราณดาบแตกกระจาย สายลมพัดผ่าน
ร่างเงาผอมที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมกระแทกตรงหน้าสุดของรถม้าอย่างแรง เลือดสาดกระจาย
จิ้งจอกลมที่ดันรถม้าตะเกียกตะกายลุกขึ้น ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือดและดินเลน ขาสองข้างยังสั่นไหวไม่หยุด
บุรุษผอมจ้องยอดปีศาจหนุ่มที่มีสีหน้าเฉยชาตรงหน้าพลางฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว
หลังสายลมพัดผ่าน ทุกอย่างก็เงียบสงัด
ยอดปีศาจหนุ่มร่างกำยำเผยตรงหน้าอก ชุดคลุมผ้าเนื้อหยาบสีขาวของเขายังปลิวไสวตามใจ ตอนนี้ใช้นิ้วโป้งดันฝักดาบตรงเอวไม่หยุด ค่อยๆ เปิดเป็นเส้นยาวสายหนึ่ง ไม่ได้ออกอีกดาบ แต่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
จิ้งจอกลมซวนเซลุกขึ้นยืน ขวางหน้าทุกคนไว้
เขาเอ่ยเสียงแหบ กระแสลมมากมายลอยขึ้นมาจากหน้าอก เสียงที่ออกมากลับเหมือนเสียงฉีกผ้า
จิ้งจอกลมพูดเสียงคำเดียว
“หนี”