บทที่ 137 นั่นคือจูบแรกของผม

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 137 นั่นคือจูบแรกของผม

บทที่ 137 นั่นคือจูบแรกของผม

ดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มเบิกตากว้าง

นอกจากริมฝีปากที่ประกบกันแล้วก็ไม่มีใครทำอะไรไปมากกว่านั้น

ในตอนแรกกู่อวี๋เฉิงตกใจแต่ก็สงบอารมณ์อย่างรวดเร็ว

ราวกับว่าซูหยินกำลังทดสอบบางอย่าง หลังจากนั้นเธอก็ดันตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงซึม ๆ “ไม่สนุกเลย อวี๋ที่รัก คุณนี่ไม่โรแมนติกเลยจริง ๆ”

จู่ ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังมาจากด้านหลัง กู่อวี๋เฉิงยังคงมองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “คุณหมายความว่ายังไง?”

ซูหยินยกมือขึ้นและชี้ไปยังด้านหน้าด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ไฟเขียวแล้ว ถ้ายังไม่ไป คนขับรถคันข้างหลังได้ลงมาต่อยคุณแน่”

กู่อวี๋เฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขับออกรถไป

ในตอนนี้ ซูหยินเล่นโทรศัพท์ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นและไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย

รถหยุดลง หญิงสาวเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ แล้วพบว่ามันไม่ใช่แถวเขตที่อยู่ของเธอ “นี่ไม่ใช่บ้านฉันสักหน่อย”

กู่อวี๋เฉิงปลดเข็มขัดนิรภัยออก “นี่บ้านผม”

“เอาล่ะ ตอนนี้คุณบอกมาได้แล้วว่าทำไมเมื่อกี้คุณถึงจูบผม?”

ภายในรถอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบเสจ*[1] ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับกู่อวี๋เฉิง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาผูกเน็กไทที่ดูสะอาดสะอ้าน มีปากกาวินเทจสีดำในกระเป๋าเสื้อ

ถึงอายุจะไม่มาก แต่ชอบสวมเสื้อผ้าสีเข้ม ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ

ซูหยินยกยิ้ม “เป็นเพราะแสงจันทร์ที่สวยและอบอุ่นมากเกินไปหรือเปล่า?”

พอได้ยินคำตอบของหญิงสาวร่องรอยของความหงุดหงิดพลันฉายแววขึ้นในดวงตาของกู่อวี๋เฉิง เขาจึงขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก “ซูหยิน หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว”

เขาดูจริงจังมาก

ซูหยินทำได้เพียงยกมือขึ้นยอมแพ้ “ขอโทษ ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไร แค่อยากจูบก็เลยจูบ ถ้าทำให้คุณโกรธก็ขอโทษด้วย”

กู่อวี๋เฉิงมองเธอด้วยสายตาหงุดหงิด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หันตัวกลับมานั่งตัวตรงบนที่นั่งของตัวเอง “นั่นคือจูบแรกของผม”

หะ?

ซูหยินคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากชายที่อยู่ข้าง ๆ

รองประธานกู่ผู้มีชื่อเสียงแห่งเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไร้เดียงสาขนาดนี้เลยเหรอ คิดไม่ถึงจริง ๆ

แต่เมื่อซูหยินมองไปยังกู่อวี๋เฉิงอีกครั้งก็พบว่าสายตาของเขานั้นเปลี่ยนไป ทำไมเขาดูเหมือนกับหญิงสาวที่ถูกรังแก…

และเธอก็คือคนร้ายที่บังคับฝืนใจเขา

ซูหยินอยากปลอบใจเขา แต่พอคิดไปคิดมาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

แน่นอนว่าการทำเรื่องแบบนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่!

“คือว่า รองประธานกู่ เรื่องวันนี้คุณก็ทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ฉันเองก็ไม่มีทางบอกใครแน่”

ตอนนี้สีหน้าของกู่อวี๋เฉิงบูดบึ้งมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจอีก และออกรถไปส่งซูหยินยังเขตที่เธออยู่ พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ครั้งต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก”

ซูหยินพยักหน้า “ตกลงค่ะ ท่านรองประธานกู่”

เธอรีบลงจากรถทันทีที่มาถึง และแอบบอกตัวเองในใจว่าควรอยู่ให้ห่างจากกู่อวี๋เฉิง ผู้ชายเจ้าระเบียบไม่ใช่สเป็กเธอสักนิด

ตอนเช้าของวันต่อมา ซูหยินตื่นขึ้นมาก็โทรศัพท์ไปหาซูโย่วอี๋ทันที เพื่อฟังเรื่องราวการสู้รบเมื่อคืนนี้

แต่ซูโย่วอี๋ที่ได้ยินคำถามนั้นกลับกลอกตา [สู้รบอะไรกัน ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักนิด]

ซูหยินยิ้มและกลิ้งตัวอยู่ในผ้าห่มสองรอบ [ที่รัก ทำไมน้ำเสียงดูเสียดายนะ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้อยู่ต่อเหรอ?]

[อยู่ แต่พวกเรานอนคนละห้องกัน]

ซูหยินถอนหายใจ [ทั้งที่เมื่อก่อนมีแต่พวกเสือสิงห์ห้อมล้อม ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่สุภาพบุรุษกันนะ]

ซูโย่วอี๋ได้กลิ่นความผิดปกติ [ยังมีใครอีก?]

ซูหยินหัวเราะขึ้น [ที่รัก ฉันวางสายก่อนนะ]

ว่าจบเธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ซูโย่วอี๋มึนงง

การอยู่บ้านมันน่าเบื่อมาก ซูโย่วอี๋จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการท่องอินเทอร์เน็ต

ตั้งแต่เกิดเรื่องที่เหอมี่มี่ออกมาถ่ายทอดสดตอนเที่ยงคืน ความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตก็มีแต่ต่อว่าเธอ ทว่ากระแสตอนนี้กำลังตีกลับอย่างรวดเร็ว และมุ่งเป้าไปยังคนอื่นแล้ว

สาเหตุหลักมาจากเรื่องที่ผุดขึ้นมา ทำให้เหล่าชาวเน็ตต่างพากันเอาแต่ซุบซิบนินทา

ทั้งเรื่องฮันเอินจีกดถูกใจเวยป๋อของเหอมี่มี่ และยกเลิกการถูกใจพร้อมทั้งออกมาบอกว่ามือไปโดนเอง ด้วยคำพูดจริงจังแสดงให้เห็นว่าเธอไม่รู้เรื่องส่วนตัวอะไรของซูโย่วอี๋เลย และเหตุการณ์นี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น หวังว่าชาวเน็ตจะไม่คาดเดาอะไรที่เกินจริง

แต่เห็นได้ชัดว่าชาวเน็ตไม่เชื่อ

[มือไปโดนเองจริง ๆ เหรอ?]

[ถึงขั้นวิกฤติของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์แล้วแหละ เนียนจริง ๆ]

[ขอร้องเถอะ นั่นคือฮันเอินจีเลยนะ ถ้าเธอไม่อยากกดยกเลิกใครจะบังคับเธอได้ ฉันดูเธอจากในรายการก็รู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เธอเองก็ควรจะไว้หน้ากันบ้างนะ]

[ครั้งนี้ฉันอยู่ข้างซูโย่วอี๋ ฮันเอินจีน่าจะไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ดังนั้นโย่วโย่วของพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด]

ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็มีชาวเน็ตบางส่วนที่ยอมรับคำอธิบายที่ว่ามือไปโดนเอง

ส่วนกรณีการวางยาของฉูรั่วฮวน พูดตามความจริงแม้ว่ากระแสความนิยมของเธอจะดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นที่รู้จักไปจนทั่ว แค่อยู่ภายใต้ร่มเงาของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์เท่านั้น และถูกรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีและคำพิพากษา

เพียงแต่ว่า ซูโย่วอี๋คิดไม่ถึงว่าจะเห็นประกาศอย่างเป็นทางการจากลู่เฉิน

และรูปภาพที่วันนั้นเธอส่งให้ลู่เฉินเองกับมือ!

เขากลับไม่พูดอะไรเลย

เธอกดเข้าไปดูความคิดเห็น มีผู้หญิงมากมายกำลังร้องไห้และดูถูกดูแคลนเธอ

มีทั้งแฟนคลับที่เลิกติดตาม แต่ก็มีแฟนคลับที่เข้าใจและสนับสนุนในทุกทางเลือกของฝ่ายชาย

[ถึงฉันจะไม่ชอบฝ่ายหญิง แต่ก็น่าเสียดายพี่ลู่ของฉัน]

[พี่ลู่ของฉันเป็นคนน่ารัก ไม่ถือตัว มีความรับผิดชอบ ออกมาปกป้องแฟนของเขาในเวลาที่ยากลำบาก]

[เกลียดที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉัน ร้องไห้ดัง ๆ]

[พี่ชาย รีบบอกมานะว่าพี่แค่หลงในความสวยของผู้หญิงต่ำ ๆ คนนี้ เธอไม่คู่ควรกับพี่เลยนะ]

[รอวันที่พวกเขาเลิกกัน ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลลู่จะเอาผู้หญิงที่เคยหย่าร้างแล้วมาเป็นลูกสะใภ้]

[แต่ว่าโย่วโย่วของฉันก็ไม่ได้เรียกร้องความสนใจอะไรสักหน่อย มีแต่ประธานลู่ที่ออกมาประกาศด้วยตัวเอง]

หลังจากนั้น หลังจากที่แฟนคลับรู้ว่าลู่เฉินเป็นคนออกมาประกาศด้วยตัวเอง สองวันผ่านไป แฟนสาวอย่างซูโย่วอี๋กลับไม่ได้มีการตอบกลับอะไรเลย ราวกับว่าไม่ได้สนใจลู่เฉินเลยด้วยซ้ำ

หรือว่าจะเป็นประธานลู่ฝ่ายเดียวที่หลงรักซูโย่วอี๋?

ไม่ใช่มั้ง?

นี่มันโลกแฟนตาซีอะไรกัน?

[ฉันโกรธมาก และไม่มีทางยอมรับโพสต์ของประธานลู่แน่นอน! ซูโย่วอี๋รีบออกมาพูดอะไรสักอย่างสิ]

[ใช่ ๆ ประหารฉันเถอะ ไม่งั้นในใจของฉันก็จะฟุ้งซ่านไม่หยุด]

[แล้วที่บอกว่าซูโย่วอี๋ยังมีความรู้สึกกับผู้ชายเลว ๆ คนนั้นอยู่ และยังกลับไปคืนดีกันอีก มีสมบัติล้ำค่าอย่างประธานลู่อยู่แท้ ๆ ผู้ชายเลว ๆ ก็เป็นแค่ของเน่า คนฉลาดแค่มองก็รู้แล้วว่าควรเลือกใคร]

[ใช่ แค่การแสดงของเมียน้อยอย่างเหอมี่มี่ก็หลอกให้พวกคุณมึนงงไปมา สมองมีไหม?]

จนถึงตอนนี้ ในอินเทอร์เน็ตที่ด่าว่าซูโย่วอี๋ก็ค่อย ๆ ลดลงแล้ว

เดิมทีซูโย่วอี๋อยากจะตอบกลับโพสต์ของลู่เฉิน แต่กลัวจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีก เลยไม่ได้ตอบกลับอะไร และแอบติดตามบัญชีเวยป๋อของลู่เฉินอย่างเงียบ ๆ

หลังจากเล่นเวยป๋อไปสักพัก จู่ ๆ ซูโย่วอี๋ก็พบกับชมรมคนสนับสนุนโย่วโย่ว

เธอเลยกดเข้าไปดู แล้วพบว่าเวลาการก่อตั้งคือเมื่อไม่นานมานี้!

ไม่ใช่ว่ายุบไปแล้วเหรอ?

โพสต์ต่าง ๆ ในกลุ่มแฟนคลับล้วนเป็นรูปภาพที่สวยงามของเธอ รวมถึงวิดีโอการถ่ายทำวาไรตี้ ความเป็นมืออาชีพในการตัดต่อเหล่านี้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก และยังมีสมาชิกมากถึงสามหมื่นกว่าคน

ซูโย่วอี๋สงสัยว่าหัวหน้าแฟนคลับเป็นใคร เธอเปิดดูไปดูมา ในช่องแสดงความคิดเห็นมีบัญชีหนึ่งที่สมาชิกหลาย ๆ คนต่างกด @ อย่างบ้าคลั่ง

[@คุณปู่ของโย่วโย่ว หัวหน้าแฟนคลับสุดยอดมาก มุมนี้เธอสวยมาก]

[@คุณปู่ของโย่วโย่ว เมื่อไหร่โย่วโย่วจะมีงานอิเวนต์ อยากไปเจอโย่วโย่วตัวจริงแล้ว]

[@คุณปู่ของโย่วโย่ว หัวหน้าแฟนคลับสามารถลงรูปความหวานในชีวิตประจำวันของโย่วโย่วกับประธานลู่อีกได้ไหม ฉันอยากเห็น]

จุดสำคัญคือ ข้อความนี้ถูก ‘คุณปู่ของโย่วโย่ว’ ตอบกลับ

[ได้เลย ทุกข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากแฟนคลับฉันเห็นทั้งหมด ต่อไปบัญชีนี้จะลงภาพน่ารัก ๆ ในชีวิตประจำวันของโย่วโย่วอย่างไม่กำหนดวันเวลา!]

[1] ใบเสจ คือ สมุนไพรที่นิยมนำมาปรุงอาหาร มีกลิ่นหอม