ตอนที่ 26-2 ปากดี

จากนั้นแม่นมหลัวจึงก้าวมาข้างหน้าทันที และเอ่ยถามว่า

“เจ้ามีหน้าที่ดูแลหีบสมบัติใช่หรือไม่?”

ฮัวเหม่ยมีสีหน้าที่แสดงถึงความลำบากใจในการตอบคำถามนั้น

“ใช่แล้ว แต่บ่าวเพิ่งได้รับหีบสมบัติ …”

“แล้วเหตุใดผ้าไหมในหีบทั้งหมดจึงถูกทำลาย?!”

“บ่าวมิทราบว่าเพราะเหตุใด แต่บ่าวคิดว่า น่าจะมีผู้ใดสักคนต้องการที่จะใส่ร้ายบ่าว!

คุณหนูสาม! ผู้อาวุโสต้องเป็นคุณหนูสามที่คิดจะใส่ร้ายบ่าว!”

ฮัวเหม่ยกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง และแววตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความสิ้นหวังที่จะได้รับความยุติธรรมจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สาวใช้ผู้นี้มีความหน้าด้านเป็นอย่างมาก นางกล่าวออกมาโดยมิได้ไว้หน้าเจ้านายของตนเองเลยแม้แต่น้อย!

ท่านย่าใหญ่กวาดสายตามองไปรอบห้องนั้น

“เอาตัวสาวใช้ที่ขี้เกียจ และไร้ความสามารถเช่นนี้ออกไปให้พ้นสายตาของข้าเดี๋ยวนี้

ข้ามิต้องการที่จะได้ยินคำกล่าวโกหกและคำกล่าวแก้ตัวของนางอีกต่อไป

ปิดปากนางเสีย! จากนั้นนำตัวไปลงโทษ โดยการโบยห้าสิบไม้ เพื่อเป็นการสั่งสอน!”

ฮัวเหม่ยรู้ในทันทีว่า ตนเองกล่าวผิดพลาดไป และได้พยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง จากนั้นจึงก้มหัวลงโขกกับพื้น

“ผู้อาวุโส บ่าวสำนึกผิดแล้ว! บ่าวสำนึกผิดแล้ว! ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเอง!

ฮูหยินใหญ่ได้โปรดช่วยบ่าวด้วย! กรุณาช่วยบ่าวด้วย!”

ในขณะที่กำลังร้องขอความเมตตานั้น นางได้ส่งสายตาวิงวอนต่อฮูหยินใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพื่อให้จางชิกล่าวอันใดบางอย่างและช่วยนาง

ทุกครั้งที่หน้าผากของนางกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของผู้ที่มองดูอยู่รอบข้างก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองนางและกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“ท่านย่า เราให้อภัยนางมิได้หรือ?”

หลี่จางเล่อคิ้วขมวดขึ้นด้วยความสงสัยในทันที และขณะที่กำลังจะกล่าวอันใดบางอย่าง ท่านย่าก็ได้จ้องมองมาที่นาง

อันที่จริงแล้ว ผู้อาวุโสหลี่มิได้ต้องการที่จะลงโทษฮัวเหม่ยอย่างแท้จริง

แต่ต้องการใช้สิ่งนี้ในการสั่งสอน

หลี่จางเล่อ

และขณะนี้ฮูหยินใหญ่กำลังมีอาการสั่นสะท้านอยู่ในหัวใจ เนื่องจากความโกรธแค้น ได้กล่าวว่า

“ท่านแม่กล่าวถูกต้องแล้ว สาวใช้เช่นนี้ต้องถูกลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้อื่น!”

เมื่อคำกล่าวเหล่านี้หลุดออกมา มันเหมือนกับเป็นการปิดผนึกชะตากรรมของฮัวเหม่ย

สาวใช้ทั้งหมดช่วยกันปิดปากของ

ฮัวเหม่ยทันที แล้วลากร่างของนางออกไป

เสียงกรีดร้องของฮัวเหม่ย ดังอู้อี้ออกมาจนน่ารำคาญ แต่เห็นได้ชัดว่า นางยังมีเรื่องที่ต้องการจะกล่าวอีก

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหลี่ และฮูหยินใหญ่ต่างก็ทำราวกับว่า พวกนางมิได้ยินเสียงอันใดเลย

ตามธรรมชาติแล้วท่านย่าใหญ่จะมิค่อยให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัวมากนัก

และนางมิเคยโกรธเคืองถึงเพียงนี้มาก่อนเลย

ซึ่งมันทำให้ทุกคนมีความรู้สึกหวาดกลัว และมีความประหลาดใจเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน

สิ่งนี้ทำให้ฮูหยินใหญ่เกิดความรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก และอดทนรอดูเหตุการณ์ต่อไป

แม้แต่ใบหน้าอันงดงามของหลี่จางเล่อ ก็ได้เปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับหิมะ เมื่อเห็นแมวอันเป็นที่รักของตนถูกสาวใช้ผู้หนึ่งอุ้มออกไปด้านนอก

เห็นได้ชัดว่า ท่านย่ามิมีเจตนาที่จะให้อภัยแมวนำโชคของนาง

เมื่อมองไปยังใบหน้าของแม่ลูกคู่นี้ ประกายแห่งความสุขในดวงตาของหลี่เว่ยหยางก็ได้เปล่งรัศมีออกมา

แม้ว่าท่านย่าใหญ่จะสั่งสอนหลี่จางเล่อแล้ว แต่ความโกรธแค้นของผู้เป็นย่ายังมิได้บรรเทาลงไป

“ผ้าไหมทั้งหมดของเจ้า จะต้องมอบให้เว่ยหยางไป!

และเจ้าจะต้องคัดลอกพระไตรปิฎกร้อยบท เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมนกแก้วของข้า!”

ยกผ้าไหมทั้งหมดของนางให้กับหลี่เว่ยหยาง?

คัดลอกพระไตรปิฎกเพื่อนกแก้ว?!

ท่านย่าใหญ่เสียสติไปแล้ว!

หลี่จางเล่อจะทำการโต้ตอบบางอย่าง แต่ถูกท่านแม่ของนางรั้งเอาไว้ขณะที่กล่าวออกมาว่า

“กล่าวออกไปสิว่า เจ้าเข้าใจเเล้ว!”

การสู้รบกับท่านย่านับว่าเป็นการเสียเปรียบ ซึ่งหลี่จางเล่อเข้าใจในเรื่องนี้ดี

“จางเล่อน้อมรับคำสั่งของท่านย่า”

เมื่อเดินออกมาจากตำหนักเหอเซียงหยวน หลังจากที่ได้สูญเสียแมวอันเป็นที่รักไป และยังถูกท่านย่าทำโทษอีก

ในตอนนี้ ดวงตาของหลี่จางเล่อเริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว

มีรูปลักษณ์ที่ดุร้ายปรากฎขึ้นบนใบหน้านั้น และมันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ขณะที่นางกล่าวออกมาว่า

“น้องสาม เจ้าวางแผนมากมาย และต้องการที่จะใช้อำนาจของท่านย่าเป็นเครื่องมือ!”

หลี่เว่ยหยางทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“พี่ใหญ่ ท่านกำลังกล่าวอันใด?

ข้ามิเข้าใจเลย สิ่งที่ข้ารู้ทั้งหมดคือ ครั้งนี้พี่ใหญ่ประมาท

ท่านน่าจะทราบว่า ควรที่จะฝึกสัตว์เลี้ยงให้มีระเบียบวินัย และมิควรปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”

ภายใต้แขนเสื้อนั้น มือของหลี่จางเล่อกำแน่นเป็นหมัด และตอบโต้อย่างเย็นชาว่า

“ดีมาก กล่าวได้ดี หวังว่าครั้งต่อไปเจ้าจะกล้าปากดีเช่นนี้อีก”

หลี่เว่ยหยางจ้องมองจางเล่อด้วยเเววตาไร้เดียงสา

“พี่ใหญ่ข้าล้อเล่น! การคัดลอกพระไตรปิฎกเป็นร้อยบท มันมิใช่เรื่องง่ายเลย

พี่ใหญ่มิควรยืนอยู่ที่นี่ เพราะมันจะทำให้เสียเวลา มิเช่นนั้นท่านย่าคงจะโกรธมากยิ่งขึ้น!”

หลี่จางเล่อเกิดอาการชะงักในทันที เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น

ฮูหยินใหญ่รีบเดินเข้ามาด้านข้างบุตรสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“จางเล่อ มิจำเป็นต้องกล่าวอันใดอีกแล้ว รีบไปกันเถิด!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มกว้างในทันที

“เว่ยหยางน้อมส่งท่านแม่และพี่ใหญ่”