มันต้องตาย!
‘ทะลวงมายังสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบได้แล้วแบบนี้…ข้าก็สามารถใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ได้เสียที!’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความคึกคักอักโข รีบทดลองใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ทันทีไม่มีรีรอ!
อย่างไรก็ตามหลังจากลองใช้พลังออกตามแนวทางกลวิธีที่ศึกษามาอยู่นานสองนาน แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย..
‘ข้าเกือบลืมไป…ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราเองก็ไม่อาจใช้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ ท่าทางปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน…ต้องไปลองข้างนอก’
ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจ
เพียงห้วงคิดจิตสั่ง ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมายืนอยู่ในห้องนอนทันที
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะทดลองพลังอะไรในห้องนอนเป็นแน่ จึงเลือกที่จะออกไปลองด้านนอก
หลังจากออกจากห้อง ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้ามาถึงลานว่างด้านหลัง และเริ่มเดินพลังตามวิธีใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ทันที
ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามขุมหนึ่งก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน
ยามเมื่อปราณแท้แผ่พุ่งออกมาพวกมันก็เริ่มลอยตัวขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน ยังปรากฏกลิ่นอายปราณโลหิตอันร้ายกาจเริ่มแผ่ออกมาสะท้านในบรรยากาศ
ทันใดนั้นปราณแท้กับปราณโลหิตนั่นก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นร่างมังกรเทพยาดาตัวเขื่อง! ลำตัวยังยาวนับ 10 หมี่!
หากมองให้ชัดจะพบว่าที่มือของมันแต่ละมือกลับมีกรงเล็บอยู่ถึง 5 กรงเล็บ!
มันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยปราณโลหิตอันแข็งแกร่งที่ฉาบคลุมไปทั่วร่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บนี้ ก็เผยให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่บังเกิดขึ้นจากจินตนาการ แต่เป็นสัตว์พลังที่บังเกิดขึ้นจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต!
สัตว์พลังที่เกิดจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต ย่อมมีพลังอำนาจเหนือล้ำกว่าปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์จากจินตนาการ!
เพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็สลายมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บไปทันที และคิดออกไปทดสอบพลังของมันนอกสำนัก
‘ไปทดสอบพลังของมันดู!’
ถึงแม้มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่เกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ด้วยวิธีการดูดซับแก่นแท้โลหิตนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน
สิ่งที่เขารู้แน่คือปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ที่เกิดจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต มันเหนือกว่าปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์จากจินตนาการ
แต่เรื่องที่แข็งแกร่งมากกว่ากันขนาดไหนเขาไม่รู้เลย
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจากไป เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นร่างหนึ่งที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเลย เห็นชัดว่าคนผู้นี้ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น!
รวมถึงมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้นมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์! ยังรู้ด้วยว่ามันใช้การดูดซับแก่นแท้โลหิตมา!!
“สัตว์พลังจากแก่นแท้โลหิต…แถมเขายังใช้แก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ! พี่หญิง..นี่เขามีใดเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรรึยังไง ไฉนถึงมีแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บได้เล่า?”
ความตื่นตระหนกฟังออกจากน้ำเสียง เสียงอันมาจากร่างวิหกสีม่วงที่เกาะอยู่บนไหล่สตรีในชุดคลุมลมดำ!
ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์โดยมีปราณโลหิตผสานหลอมรวมด้วยแบบนี้…เกิดจากใช้พลังของแก่นแท้โลหิตเป็นรากฐาน!
ถึงแม้มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ต้วนหลิงเทียนสร้างจะมาจากปราณแท้ แต่มันก็มีปราณโลหิตผสมผสานอยู่ด้วย!
“อาจเป็นได้”
ร่างสตรีในชุดคลุมลมดำกล่าวตอบ รูปร่างของนางงยังมีอำนาจเย้ายวนบุรุษทั่วหล้าไม่เคยเปลี่ยน
สตรีในชุดคลุมลมดำนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากนักฆ่า 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชาน ชือเม่ย
สำหรับ ‘ตัวตน’ ที่แท้จริงของนาง น่ากลัวว่าคงมีแต่ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร และนกสีม่วงที่เกาะอยู่บนไหล่ของนางเท่านั้นที่รู้
“พี่หญิง พวกเราจักออกไปจากสถานที่ผีสางที่กระทั่งนกยังมิอยากขับถ่ายนี้กันเมื่อใด…นอกจากผู้นำสาขาตลาดมืดหยินชานที่อ่อนแอเล็กน้อย คนอื่นนับว่าอ่อนแอเกินไป…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงอะไรนี่ ยังทนรับมือข้าไม่ได้ถึง 3 ท่าเลย…”
วิหกสีม่วงกล่าวออกด้วยท่าทางเบื่อหน่ายไม่น้อย
“หากเรื่องราวลุล่วง พวกเราย่อมไปจากที่นี่แน่นอน”
ชือเม่ยกล่าว
“ไปกันก่อนเถอะ…ตามไปดูเขากัน!”
ชือเม่ยตอบ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอีกครั้ง นางค่อยๆลอยร่างตามต้วนหลิงเทียนที่ออกจากสำนักไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ข่ายอาคมห้ามบินอะไรของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่มีผลกับนางแม้แต่น้อย…
ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนก็ออกจากคฤหาสน์ป๋ายลี่หงด้วยการเดินเท้าออกไป ยังเดินตัดผ่านลานฝึกซ้อมของฝ่ายนอกออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง
การออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงครั้งนี้แม้เขาจะออกไปคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้กลัวใครสักนิด
ด้วยพลังฝีมือที่ยกระดับขึ้นมาไม่น้อยของเขา ให้เผชิญหน้ากับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก็ไม่นับว่ามีปัญหาอะไร
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ง่ายๆทุกคน เพราะสุดท้ายแล้วก็มีผู้ที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่มานานและเข้าถึงครึ่งก้าวเซียน
คนเหล่านั้นนับเป็นยอดฝีมือที่เพียงอ่อนด้อยกว่าตัวตนขอบเขตเซียนเท่านั้น!
หากคนเหล่านั้นใช้เขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้จัก เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกครึ่งก้าวเซียนได้หรือไม่ด้วยพลังในปัจจุบัน
แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็มีหลายอย่างให้พึ่ง เขาจึงมั่นใจว่าหากเขาทุ่มทุกสิ่งอย่าง กระทั่งครึ่งก้าวเซียนเขาก็จัดการได้!
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ครึ่งก้าวเซียนคิดสะกดรอยตามเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ก็นับว่าพวกมันกำลังฝันไป!
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเดินออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงโต้งๆ ไม่ได้เกรงกลัวอะไร
แน่นอนหากขอบเขตเซียนคิดสะกดรอยตามไปฆ่าเขา ก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่ขอบเขตเซียนไหนเลยยังต้องสะกดรอยตามไปฆ่าเขา? หากพวกมันคิดลงมือ ก็ลงมือในสำนักเลยไม่ดีกว่าหรือ?
หลังออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆป๋ายลี่หงพาเขาไปลองอาคมเซียนระดับ 3 เป็นเทือกเขาอันกว้างใหญ่ที่มีสัตว์ร้ายทรงพลังมากมาย
เมื่อมาถึงเขาลูกนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาทันที
แทนที่จะกล่าวว่าปลดปล่อยพลังทั้งหมด หากกล่าวให้ถูกต้องเป็นปลดปล่อยปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เต็มกำลังจะถูกต้องกว่า
ปรากฏการณ์มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ถือกำเนิดขึ้นจากปราณแท้ และปราณโลหิตโดยมีแก่นแท้โลหิตของมังกรมาร 5 กรงเล็บเป็นรากฐาน นับว่ามีพลังสะกดข่มตามอำนาจของมังกรนัก สัตว์ร้ายทั้งหลายหวาดกลัวจนไม่กล้ามีตัวไหนเข้าใกล้!
เดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน มังกรพลังมีสภาพก็เข่นฆ่าสังหารทุกสิ่งที่อยู่ในสายตา!
ต้วนหลิงเทียนพบว่ากระทั่งสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ก็ไม่แม้แต่จะต้านทานการโฉบโจมตีเพียงครั้งของมังกรพลังมีสภาพเขาได้!
พลังอำนาจของมังกรเทพยาดาที่บังเกิดจากปราณแท้และปราณโลหิต นับว่าเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มากโข!
“มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ข้าแข็งแกร่งกว่าสัตว์พลังจากจินตนาการของปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์คนอื่นไม่ต่ำกว่า 2 เท่า!!”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
จังหวะนี้สายตาเขาเหม่อลอยไปไม่น้อย มุมปากยังยกยิ้ม คล้ายเห็นภาพที่มังกรพลังมีสภาพของเขาบดขยี้สัตว์ร้ายจากปราณแท้ที่เกิดจากจินตนาการของยอดฝีมือคนอื่นอย่างง่ายดาย!
“ไหงมังกรพลังนั่นมันแข็งแกร่งนักเล่าพี่หญิง!”
เหนือขึ้นไปบนฟ้าวิหกสีม่วงทำตาลุกวาวเผยความตกใจไม่น้อย
“มันจักไม่แข็งแกร่งได้อย่างไรเล่า…มันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ที่มีแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บเป็นรากฐาน!”
ชือเม่ยกล่าวตอบเสียงเรียบ นางดูไม่ได้แปลกใจอะไร
“พี่หญิง แล้วนี่พวกเราต้องคอยติดตามเขาไปแบบนี้เรื่อยๆเลยหรือ?”
วิหกสีม่วงกล่าวถาม
“อืม”
ชือเม่ยพยักหน้า
“อ๋อย…แล้วพวกเราต้องตามเขาไปถึงเมื่อไหร่เล่าพี่หญิง?”
วิหกสีม่วงกล่าวถามด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“จนกว่าเขาจะนำข้าไปพบคนที่ข้าตามหา”
ลูกตาชือเม่ยทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที
ทางต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้มีคนลอบติดตามความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว อีกทั้งผู้ติดตามยังเป็นถึงขอบเขตเซียน! หาไม่แล้วเขาคงไม่เดินทอดน่องอย่างสบายใจเฉิบแบบนี้!
ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าป่าไปอย่างสบายดั่งคำ พยัคฆ์คืนถิ่น วิหกฟ้าหวนคืนนภา ไม่ว่าจะไปที่ไหนด้วยมังกรพลังมีสภาพก็คล้ายจะไร้เทียมทาน
แน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้เพราะสัตว์ร้ายส่วนมากที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอเป็นแค่สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ
“ไอพวกสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบมันไปอยู่ไหนกันหมดนะ…”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเริ่มเบื่อขึ้นมาไม่น้อย หลังจากเดินไปสักพักเขาก็รู้สึกว่าการสังหารสัตวร้ายสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญไม่ได้สร้างแรงกดดันอะไรให้เขาเลย เขาอยากจะลองปะทะกับสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบดูบ้าง ถึงแม้เขาคิดไว้แล้วว่ามังกรพลังเขาอาจจะฆ่าพวกมันไม่ได้ง่ายๆก็ตามที
ปรากฏการณ์มังกรพลังมีสภาพนี้ ถึงแม้จะควบรวมเข้ากับปราณแท้โลหิตอันมีขุมพลังมาจากแก่นแท้โลหิตจนมีความแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว…แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งอย่างไร มันก็กำเนิดขึ้นจากปราณแท้เสี้ยวหนึ่งของเขาเท่านั้น
ยังคงมีช่องว่างไม่น้อยหากจะเทียบกับสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบตัวเป็นๆ
ทว่าหลังจากเดินร่อนอยู่ครึ่งวันแต่ไม่เจอสัตว์ร้ายสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบสักตัว ต้วนหลิงเทียนที่คึกคักตอนมาก็เริ่มเบื่อหน่าย สุดท้ายก็กลายเป็นกร่อย
“เฮ่อ ช่างมันเถอะ วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก…ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปเตรียมตัวออกเดินทางไปเกาะป้านเยว่หลังจากนี้อีก 2-3 วันแล้ว”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย ที่เขากำลังจะได้เดินทางกลับเกาะป้านเยว่ในอีกไม่กี่วัน
ที่เขาอยากรีบกลับไปเกาะป้านเยว่นั้น นอกจากคู่หมั้นทั้งสองแล้วยังเพราะลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีก 2 คน
สำหรับการเตรียมตัวที่ว่า เขาก็ไม่ได้เตรียมอะไรมากมายนัก
เรื่องสำคัญก็คือการไปแจ้งกับป๋ายลี่หงเอาไว้ แล้วก็ร่ำลาคนรู้จักเล็กน้อย
นอกจากนี้เขาก็คิดใช้เวลาช่วงนี้ฝึกระฆังศรคลุมกายอีกสักหน่อย
ระฆังศรคลุมกายนั้นแม้จะเป็นบทหนึ่งในวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นอย่างมหาเกาทัณฑ์ดาวตก แต่อานุภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพีดั้งเดิมแม้แต่น้อย
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ฝึกฝนมันจนบรรลุถึงขั้นที่ 2 พื้นฐาน ทว่าพลังอำนาจในด้านป้องกันของมันยังเหนือกว่าอาภรณ์ทองในขั้นตอนไร้ตำหนิเสียอีก!
เป็นธรรมดาที่มีความแตกต่างระหว่างระฆังศรคลุมกายกับอาภรณ์ทอง!
ระฆังศรคลุมกายนั้นเน้นหนักไปที่การป้องกันตัวอย่างเดียว มันสร่างม่านศรจำนวนมหาศาลปกคลุมร่างกายเอาไว้ดั่งเปลือกไข่
ทว่าอาภรณ์ทองนั้น แม้จะมีม่านพลังฉาบคลุมทั่วกายและเสริมพลังป้องกันให้ร่างกายไม่น้อย แต่มันกลับส่งเสริมศักยภาพร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งสองมีความแตกต่างกันมาก จึงไม่ส่งผลขัดแย้งกันและกัน ยังสามารถใช้ร่วมกันได้!
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเตรียมตัวกลับเกาะป้านเยว่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลิวฮ่วนมันมีสีหน้าบิดเบี้ยวขนาดไหน!
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหลิวฮ่วนมันได้รับทราบเรื่องที่ตลาดมืดหยินชานเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนออกไปแล้ว!
ทันทีที่มันรู้เรื่องนี้ปฏิกิริยาแรกของมันคือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
ถึงแม้ตลาดมืดหยินชานจะชดใช้ด้วยการมอบค่าจ้างคืนให้มัน 10 เท่า แต่มันก็ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย!
เพราะมันรู้ว่านับจากวันนี้ไปตลาดมืดหยินชานจะไม่รับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนอีก!
แน่นอนว่าหลิวฮ่วนยังครุ่นคิดไปด้วยว่า ไฉนตลาดมืดหยินชานไม่รับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน…หรือที่แท้ต้วนหลิงเทียนมีความลับเบื้องหลังอะไรกันแน่ ที่มันยังไม่ล่วงรู้?
สุดท้ายมันก็คาดเดาได้ประการเดียว
นั่นคือป๋ายลี่หงสมควรมีสัมพันธ์กับตลาดมืดหยินชานและลอบทำข้อตกลงอะไรกันบางอย่าง จนทำให้ตลาดมืดหยินชานเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน..
“ข้าต้องเฝ้ามองสารเลวน้อยนั่นเติบโตต่อไปเช่นนี้จริงๆหรือ?”
หน้าหลิวฮ่วนแทบจะกลายเป็นสีเดียวกับเหล็กคล้ำ ทุกครั้งที่นึกถึงต้วนหลิงเทียนลูกตามันก็แทบจะพ่นไฟออกมาได้!
“ไม่! สารเลวน้อยนั่นมันต้องตาย! ถ้ามันไม่ตายข้าก็ฆ่าตัวบัดซบฟางฮุ่ยนั่นไม่ได้! มันต้องตาย! ฟางฮุ่ยนั่นมันก็ต้องตาย!!”
หลิวฮ่วนหัวฟัดหัวเหวี่ยงปานคนบ้า
อย่างไรก็ตามพอสัมผัสได้ว่ากำลังมีศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งเข้ามารายงานเรื่องราว อาการของมันก็สงบลง
“ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกเดินทางกลับบ้านเกิดคนเดียว? เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าข่าวนี้ถูกต้อง?”
หลิวฮ่วนมองถามศิษย์ฝ่ายในที่มารายงานข่าวด้วยท่าทางขึงขัง!