บทที่ 142 เจ้ามีเงินเท่าไหร่?
เมื่อซูอันเดินไปถึงห้องสำนึกตน เขาก็เห็น เฉิงโซวผิง นั่งกัดฟันคัดลอกกฎของตระกูลอยู่คนเดียวในห้อง
“…” ซูอัน
ไอ้เด็กนี่มันเห็นแก่เงินจริง ๆ ! ถึงขนาดยอมไม่ได้กับการที่มันจะได้รับเงินน้อยลงจนต้องยอมนั่งคัดลอกคนเดียว! แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อมันตัดสินใจแบบนี้ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอัน จึงหันกลับไปและเดินกลับไปที่เรือนของเขาตามเดิม แต่แล้วเมื่อเขาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าห้องของเขา และในขณะที่เขากำลังจะเข้าไป เขาก็สังเกตเห็นว่าเส้นผม ของเขาที่แอบมัดเอาไว้กับบานประตูมันขาดออก
นับตั้งแต่ที่เขารู้ตัวว่ามีใครบางคนในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ กำลังอยากได้ชีวิตของเขาอยู่ ก่อนออกจากห้องถึงคราวที่เขาจะวางกลไกเล็กเอาไว้เสมอเพื่อคอยเตือนว่ามีใครเข้าไปในห้องของเขาในระหว่างที่เขาไม่อยู่หรือปล่า ซึ่งตอนนี้กลไกดังกล่าวมันเผยให้เห็นว่าเมื่อครู่มีคนเข้าไปในห้องของเขาแน่นอน
ตอนนี้ คำถามก็คือคนที่แอบเข้าไปในห้องของเขายังอยู่ข้างในหรือกลับออกไปแล้ว?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอัน จึงเรียกแท่งพิษออกมาทันทีและเอามันซ่อนเข้าไปในแขนเสื้อของเขาก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้เขาเองก็อยากจะลองอยู่เหมือนกันว่าหลังจากที่ความแข็งแกร่งของเขามันเพิ่งถูกเพิ่มขึ้น เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนซึ่งเวลานี้มันเป็นโอกาสดี ที่เขาจะได้ทดสอบ!
ทันทีที่เขาเดินเข้าไป ลมกระโชกแรงพัดเข้ามาจากด้านข้างของเขาทันทีพร้อมกับเงาดำ พุ่งเข้ามาหาเขาในชั่วพริบตา!
ซูอัน ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็วพร้อมกับตวัด แท่งพิษ สวนไปที่เงาดำ
เงาสีดำไม่คิดว่าการโจมตีเมื่อครู่จะพลาดไปง่าย ๆ แบบนั้น และมันกลายเป็นว่า ซูอัน เร็วกว่าที่นางคิดเป็นผลให้นางไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและถูกโจมตีสวนกลับ
แต่ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์เมื่อครู่สักเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าปลายมีดยังตวัดไปไม่ถึง ผิวของเงาดำ
“หืม?”
เงาดำปริศนาถอยห่างออกไปหลายเมตรแล้วหมอบลงบนโต๊ะ เสียงอุทานของนางเผยให้เห็นความประหลาดใจของนางได้อย่างชัดเจน ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของ ซูอัน นั้นลบภาพลักษณ์ที่เขาเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าแบบที่นางเข้าใจไปอย่างรวดเร็ว แถมมีดที่เขากวัดแกว่งเมื่อครู่มันก็คมพอที่จะเจาะเกราะพลังชี่ ของนางได้อย่างง่ายดายรวมไปถึงกรีดเสื้อของนางจนขาดเป็นรอยยาว หากไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของนาง นางคงได้รับความเสียหายไปบ้างแล้วในตอนนี้
ซูอัน ประเมินเงาดำที่เพิ่งเข้ามาโจมตีเขาอย่างตั้งใจเช่นกัน คนผู้นี้แต่งชุดสีดำรัดรูปเผยสัดส่วนว่านางไม่ใช่ผู้ชายแน่นอนและผมของนางก็ถูกมัดรวบเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อหลีกเลี่ยงการบอกใบ้ถึงตัวตนของนาง อย่างไรก็ตาม จากเสียงที่เผลออุทานออกมาเมื่อครู่ มันทำให้เขานึกถึงเสียงที่คุ้นเคยได้ในทันที “เสวี่ยเอ๋อร์!”
เงาดำสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่ ซูอัน เอ่ยขึ้น จากนั้นนางถอนหายใจและค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เย็นชา “ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้บ่มเพาะนี่เอง”
ก่อนหน้านี้ ซูอัน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีปฏิกิริยาที่เร็วกว่ามนุษย์ธรามดาทั่วไปจะทำได้
ซูอัน หัวเราะเบา ๆ และตอบว่า “เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ข้าคิดเสมอว่าเจ้ามันเป็นแค่คนไร้ค่า แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าปกปิดตัวตนได้อย่างแนบเนียนมาจนถึงตอนนี้ นี่เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?” เสวี่ยเอ๋อร์ เอ่ยถามกลับด้วยสีหน้ามืดหม่น
ซูอัน ถอนหายใจยาวและตอบว่า “ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างเจ้ากลับมาทำหน้าที่เป็นสาวใช้ในตระกูลฉู่ มันควรเป็นข้ามากกว่าที่ต้องถามเจ้าว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”
“ช่างมันก็แล้วกัน ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าเจ้ามีแผนอะไรเพราะไม่ว่ายังไงคืนนี้เจ้าได้ตายแน่นอน!” เสวี่ยเอ๋อร์ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามุ่งร้าย
ซูอัน ทำหน้ามุ่ยทันที “นี่เจ้าจะไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ? ถึงแม้ว่าพวกเราอาจไม่ลงรอยกันไปบ้าง แต่ครั้งหนึ่งพวกเราก็ได้ร่วมเตียงกันไปแล้วอย่างถึงพริกถึงขิง เจ้าเคยได้ยินคำนี้ไหมที่ว่า ครองคู่หนึ่งวัน แน่นแฟ้นตลอดกาล…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ชิงติดบทซะนี่ “หุบปาก!”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
เหตุการณ์วันนั้นคือหนามยอกอกในใจของนางมาตลอด ทุกคืนเมื่อไหร่ก็ตามที่นางฝันว่าร่างกายที่บริสุทธิ์ของนางถูกมือที่ชั่วช้าของชายผู้นี้สัมผัส นางจะสะดุ้งตื่นขึ้นในทันทีต่อให้นางจะหลับลึกแค่ไหนก็ตาม
เนื่องจากการปะทะคารมที่พวกเขามีต่อกันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางจึงอ่อนไหวกับการยั่วยุของ ซูอัน ได้ง่าย นางจึงตอบโต้เขาโดยที่ไม่รู้ตัวว่า “เจ้าไม่ได้เป็นผู้ชายเต็มตัวด้วยซ้ำ เจ้ากล้าพูดคำพวกนี้ได้ยังไง!”
ในระหว่างที่พูด นางก็มองดูหว่างขาของเขาด้วยสายตาดูถูก เพื่อทำให้ฝั่งตรงข้ามแน่ใจว่านางดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างเต็มที่
แต่น่าเสียดายที่ความตั้งใจของนางพังทลายลงในทันที เมื่อ ซูอัน ตอบกลับแบบไม่ สะทกสะท้านเลยว่า “แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำมันจนถึงจุดสุดยอดในท้ายที่สุด แต่ข้าคิดว่าอย่างน้อย ๆ มันก็สามารถนับได้ว่าเป็นการร่วมเตียงแบบเกือบจะสมบูรณ์ของคู่รักได้ ข้าถามจริง ๆ ว่าเจ้าจะ ไร้ความปรานีกับครึ่งสามีของเจ้าได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
ตอนนี้เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกเหมือนว่าตนโกรธจนแทบจะคลั่ง พลางคิดไปว่าคงเคยทำบาป หนักหนาไว้ในชาติที่แล้ว ชาตินี้นางถึงได้มาเจอคนแบบนี้ “วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าจะฆ่าเจ้า แต่ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าให้หมากินด้วย!”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +500!
ในตอนแรก ซูอัน ยังคงคิดที่จะรีดเค้นคะแนนความโกรธแค้นจากนางอีกสักหน่อยแต่ เสวี่ยเอ๋อร์ กลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทันทีจนเขาต้องละทิ้งความคิดไร้สาระออกไปอย่างรวดเร็ว
“เร็วมาก!”
เมื่อตระหนักได้ว่าเขาคงไม่สามารถหลบหนีการโจมตีได้ทันเวลา ซูอัน จึงเกร็งกล้ามเนื้อ ทุกสัดส่วนของร่างกายและปล่อยหมัดสวนออกไปเพื่อปกป้องตัวเอง
เมื่อทั้งสองหมัดปะทะกัน ราวกับว่าเขาถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชน ชายหนุ่ม กระอักเลือดคำโตพร้อมกับกระเด็นถอยหลังไปกระแทกเข้ากับกำแพงทันที เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จากแรงกระแทกเมื่อครู่
ซูอัน พยายามยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพลางกระอักเลือดจนไหลนองเต็มพื้นไปหมด
แขนและขาที่ผอมบางแบบนั้นมันมีพละกำลังที่มากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
เสวี่ยเอ๋อร์ แสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด นางมองไปที่หมัดของตนที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจากการปะทะเมื่อครู่และนึกย้อนกลับไปถึงความแข็งแกร่งที่ซูอันสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 งั้นเหรอ!?”
ซูอัน หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าอ่อนแรงและพูดว่า “เจ้าเพิ่งจะรู้สินะว่านอกเหนือจากรูปลักษณ์อันสง่างามของข้าแล้ว ข้ายังเป็นอัจฉริยะในด้านการบ่มเพาะอีกต่างหาก ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าคงทนต่อเสน่ห์ข้าไม่ไหวจนตกหลุมรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน!”
“ตกหลุมรัก บิดาของเจ้าสิ!”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +211!
เมื่อตวาดเสร็จ เสวี่ยเอ๋อร์ พุ่งเข้ามาอีกรอบทันทีและเตะเข้าไปที่หน้าท้องของ ซูอัน ส่งผลให้เขาล้มกลิ้งไปสองสามรอบก่อนที่จะหยุดลง
ซูอัน วันนี้เจ้ายั่วโมโหข้าจนข้าแทบคลั่งไปหลายรอบ วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายไปแบบสบาย ๆ แน่นอน ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าทุกข์ทรมานจนถึงที่สุดจนกราบขอร้องให้ข้าฆ่าเจ้าซะ!”
ผู้หญิงคนนี้อาฆาตเขามานานจน ซูอัน แน่ใจว่าวันนี้นางจะฆ่าเขาอย่างที่พูดไว้แน่นอน ไม่รอช้าชายหนุ่มหยิบ เส้นใยสุขสันต์ ออกมาเงียบ ๆ และเตรียมเปิดใช้งาน แต่แล้วก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานมันเขาก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้
ตอนนี้ เขามีตั๋วหนี้มูลค่า 7,500,000 ตำลึงเงินติดตัวเขา ดังนั้นมันอาจมีเพียงไม่กี่คนใน เมืองจันทร์กระจ่างที่รวยกว่าเขาในตอนนี้ หรือถ้าหากเส้นใยสุขสันต์ไม่นับรวมตั๋วหนี้เป็น ความมั่งคั่ง แต่เขาก็ยังมีเงินอยู่ในมือ 150,000 ตำลึงเงินในตอนนี้
มีเงื่อนไขสำหรับ เส้นใยสุขสันต์ ก็คือ ศัตรูจะต้องเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยกว่าเขามันถึงจะมีผล
สาวใช้อย่างเสวี่ยเอ๋อร์คงไม่น่าจะรวยไปกว่าเขาตอนนี้จริงไหม?
เหตุผลเดียวที่ ซูอัน สามารถทำใจดีสู้เสืออยู่ได้จนถึงปัจจุบันเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ เขามั่นใจว่าถ้าเขาใช้ไพ่ตายทั้งหมดเขาสามารถสู้กับผู้บ่มเพาะระดับ 5 ได้แน่นอนโดยใช้การผสมผสานระหว่าง เส้นใยสุขสันต์ และ เคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ไม่ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็คงไม่น่าจะแข็งแกร่งไปกว่าอัจฉริยะผู้โด่งดัง เพ่ยเหมียนหมาน จริงไหม?
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าความมั่งคั่งที่เขาเพิ่งได้รับมาก่อนหน้านี้มันจะกลายเป็นหายนะของตัวเขาเอง ในชั่วพริบตา เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเอามาก ๆ
ถึงอย่างนั้น ซูอัน ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจึงถามขึ้นเสียงดัง “เฮ้ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม? เจ้ามีเงินเท่าไหร่ตอนนี้?”