“ท่านทูตของข้า!”
ในขณะนี้ บนแนวปะการัง นักพรตเต๋าผู้หนึ่งด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกเราเคยไปทุกที่และเฝ้าสังเกตจับจ้องหมู่บ้านสงจากภายนอกเป็นเวลานาน…แต่ไม่พบที่อยู่ของเทพแห่งท้องทะเลเลย!”
“ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย ท่านทูต! เรายินดีที่จะหาเลือดมนุษย์มาให้ท่านนานนับพันปีขอรับ!”
“มนุษย์?” ดวงตาของสตรีผู้นั้นฉายแววเย็นชา “เลือดมนุษย์ดีอย่างไร ไม่เพียงแต่ไม่มีพลังวิญญาณเท่านั้น แต่ยังทำให้ข้าสูญเสียบุญไปอีกด้วย”
“พวกเจ้าทุกคนล้วนติดตามข้ามาเป็นเวลานานแล้ว พวกเจ้าควรรู้ว่า ข้าได้ล้างกรรมชั่วทั้งหมดที่หลงเหลือจากการบำเพ็ญเพียรของข้าแล้ว และจะไม่ฆ่ามนุษย์อีกต่อไป”
“สำหรับพวกเจ้าสองคน หึ! ในขณะที่สำนักของข้ายังอยู่ในระหว่างการใช้มนุษย์ ข้าจะยกเว้นโทษสำหรับผลงานเลวร้ายครั้งนี้ของพวกเจ้าทั้งสองชั่วคราว”
ชายทั้งสองคนล้วนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและรีบร้องอุทานออกมาว่า “ขอบคุณ ท่านทูตขอรับ!”
“ขอบคุณ ท่านทูตขอรับ!”
ทว่าทันทีที่สตรีผู้นั้นชำเลืองมองทั้งสองคนอย่างเย็นชา เซียนเสิ่นทั้งสองต่างก็หุบปากลงอย่างรวดเร็วและคุกเข่าต่อไปโดยไม่กล้าหายใจ
ผู้บำเพ็ญมนุษย์เหล่านี้ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
สตรีผู้นั้นสูดลมหายใจเย็นชาและหรี่ดวงตาเรียวยาวและแคบลงราวกับดวงตาหงส์ขณะจ้องมองออกไปยังท้องทะเลที่อยู่ห่างไกล แล้วครุ่นคิดถึงคำสั่งที่นางเพิ่งได้รับมาจากสำนัก
นามเต๋าของนางคือเหวินจิง เดิมทีนางเป็นยุงดำปีกโลหิตที่ได้รับเต๋า นางไม่ใช่ทั้งมารหรือวิญญาณ แต่เป็นปีศาจดุร้ายในยุคโบราณ
และความจริงแล้ว นางยังคงเป็นราชินียุง!
ก่อนที่บรรพชนปราชญ์เทพทั้งหกจะได้เฉิงเต๋าของพวกเขา นางได้นำฝูงยุงดำปีกโลหิตมาทำร้ายสิ่งมีชีวิตในแดนเทวะประจิม และต่อมา นางก็ถูกปราชญ์เทพประจิมสองคนกักขังและไว้ชีวิตนาง
ในเวลานั้น ปราชญ์เทพประจิมทั้งสองได้รับพลังม่วงอันยิ่งใหญ่จากบรรพชนเต๋าแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้ตระหนักถึงวิธีการแห่งบำเพ็ญกุศลและการชำระล้างให้บริสุทธิ์
เป็นเวลานานแล้วที่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงประสบความสำเร็จในการฝึกบำเพ็ญเต๋าอย่างลับๆ และกลายเป็นทูตเผยแผ่คำสอนของสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมและเชี่ยวชาญในการลอบทำงานสกปรกที่จะทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมได้
ธรรมชาติของนางเป็นคนโหดร้ายและฆ่าสิ่งมีชีวิตได้โดยไม่กะพริบตา
เหตุผลที่นางเลือกรูปลักษณ์ทรงเสน่ห์เช่นนี้ในระหว่างการแปลงร่างก็เพื่อให้นางสะดวกในการทำแผนการอันตรายชั่วร้ายได้ง่ายขึ้น
หลังจากถูกบังคับให้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิม ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงได้ใช้บุญและเครื่องสักการะเพื่อช่วยชำระกรรมชั่วของนาง และบัดนี้ กรรมชั่วของนางได้ลดลงจนไม่เหลือแล้ว
อย่างไรก็ตามเต๋าสวรรค์สัมผัสมันได้และห้ามไม่ให้นางรับบุญใดๆ จึงทำให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงขุ่นเคืองใจยิ่ง
ข้าอยากจะแทงเต๋าสวรรค์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีอคติเช่นนี้จริงๆ!
และในขณะที่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกำลังใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ นางก็ได้ยินเสียงของคนทั้งสองที่กำลังพูดอยู่ที่ด้านข้างนั้นอีกครั้ง…
“ท่านทูตของข้า ความจริงแล้ว สำนักบำเพ็ญเต๋าทะเลทักษิณครอบครองเพียงบริเวณพื้นที่รอบนอกเท่านั้น และเครื่องสักการะที่พวกเราตั้งขึ้นได้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ…”
“อันที่จริงครั้งนี้ พวกเรา…ก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมากนักเช่นกัน”
“ท่านทูตของข้า หรือพวกเราจะลอบกวาดล้างหมู่บ้านสงอย่างลับๆ ดีขอรับ…”
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงหันศีรษะไปมองคนของนางที่กำลังตัวสั่นและหวาดกลัวเกินกว่าจะเอ่ยอันใดออกมาได้
เวลานี้ เขาเกลียดตัวเองที่มีแต่ปากเท่านั้น!
“การสังหารมนุษย์จะเป็นเพียงเพิ่มกรรมชั่วที่เปล่าประโยชน์ของคนผู้หนึ่งเท่านั้น”
บัดนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าที่ทรงเสน่ห์ในชุดคลุมสีแดงเลือดพลันกล่าววิพากษ์เย็นชาออกมาว่า “สิ่งที่ข้ากำลังมองหาคือผู้ที่วางเครื่องสักการะบูชาที่นี่ ข้าต้องการดูดเอาบุญและแก่นโลหิตของเขาทั้งหมดออกมา คนผู้นี้ได้สร้างรูปปั้นไว้เอาไว้มากมายเพื่อถวาย แผนการของเขาคนผู้นี้ลึกซึ้งกว่าแผนขยะที่เจ้าเสนอมามากนัก”
จากนั้น นางก็เดินไปด้านข้างสองสามก้าวด้วยเรือนร่างที่ส่ายไหวไปมาอย่างสวยงามเย้ายวน ทว่าพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ดินแดนทะเลทักษิณอยู่ห่างไกลจากแดนประจิม สถานที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตเพียงนับแสนคนเท่านั้น หากเราทำลายพวกเขา มันก็แค่เพียงเท่านั้น หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่”
“เวลานี้ ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะให้พวกเจ้าไปตรวจสอบ ตอนนี้ในดินแดนเทวะบูรพา มีสำนักตู้เซียนซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้รับและเผยแผ่คำสอนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเลยก็ว่าได้ และเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ มันได้ต่อสู้กับเซียนเสิ่นเล็กๆ จากเกาะเต่าทอง”
“เช่นนั้น วันนี้ พวกเจ้าจงมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะบูรพาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้และดูว่ามีอะไรที่พวกเจ้าจะทำในเรื่องนี้ได้หรือไม่ หากพวกเจ้าทำได้ดี ข้าก็จะให้รางวัลและถือว่าเป็นการชดเชยความผิดพลาดของพวกเจ้า”
ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างสบตากัน แล้วดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความยินดีที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติในครั้งนี้
แล้วหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ร้องตะโกนก้องว่า “ผู้น้อยน้อมรับบัญชาขอรับ!”
“ไปได้แล้ว หากพวกเจ้ายังพลาดหรือเปิดเผยตัวตนของพวกเจ้า ข้าก็หวังว่าคงรู้ผลที่ตามมานะ”
ทันใดนั้นผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็กล่าวแล้วโบกมือของนางไปมาเบาๆ
จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็รีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดลงไปในทะเลแล้วออกจากค่ายกลไปในทันที
“ช่างเป็นพวกขยะที่ใช้ได้เฉพาะเพื่อหาข่าวและรวบรวมข้อมูลเท่านั้นจริงๆ”
ในขณะนั้นดวงตาของเหวินจิงพลันฉายแววเยือกเย็นออกมา และพร้อมด้วยการสะบัดนิ้วของนาง ยุงดำสองตัวก็บินออกไปอย่างรวดเร็วทันที และร่อนลงไปเกาะบนหลังของเซียนเสิ่นทั้งสองอย่างเงียบๆ โดยที่คนทั้งสองนั้นไม่ทันได้สังเกตเลย…
“หากมีอันใดผิดปกติ เจ้าจงฆ่าพวกมันเสีย และห้ามทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้เด็ดขาด”
และในไม่ช้าหลังจากออกคำสั่งในใจของนาง ก็มีเสียงตอบสะท้อนจากยุงดำในใจว่า “รับบัญชา ฝ่าบาท”
ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากนางให้สร้างประเด็นในการแลกเปลี่ยนทักษะระหว่างศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองเป็นศิษย์คนหนึ่งของจอมปราชญ์เทพและรองเจ้าสำนักบำเพ็ญประจิม
ดูเหมือนเรื่องนี้จะดูเล็กน้อย แต่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็รู้ดีว่ามันเกี่ยวข้องกับความภาคภูมิใจของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและเหล่าจอมปราชญ์เทพ
ดังนั้นนางต้องวางแผนอย่างรอบคอบและไม่เปิดเผยตัวเด็ดขาด
หากนางประมาทจนพลาดและเปิดเผยความจริงว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมพยายามที่จะยุแยงแยกทั้งสามสำนัก นางจะถูกปราชญ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมทั้งสองคนสังหารอย่างแน่นอนโดยไม่มีปรมาจารย์เต๋าคนใดจะช่วยขัดขวางได้
และหากเป็นเช่นนั้น นางปีศาจที่ดุร้ายเช่นนางก็จะกลายเป็นตัวการหลักที่ยุยงบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเต๋า และทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่…
แม้ว่านางจะทำงานสกปรกให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะอ่อนน้อมจนเต็มใจจะยอมจำนนเช่นนั้น
ยอมจำนน?
นางเป็นราชินีของเผ่า!
ในขณะนั้น หากไม่ใช่เพราะปราชญ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมทั้งสองกักขังยุงสีดำตัวใหญ่ทั้งหมดในเผ่าของนางเพื่อข่มขู่นาง นางก็คงจะดูดเลือดรองปรมาจารย์เจ้าสำนักจนแห้งตายไปนานแล้ว!
“หึ!”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็กวาดแขนเสื้อของนาง แล้วร่างทรงเสน่ห์ของนางก็กลายเป็นสายเลือดบางๆ ที่หายไปพร้อมกับค่ายกลรอบๆ ตัวนาง
และบัดนี้บนพื้นผิวทะเลก็ราบเรียบไร้สิ่งใด มีเพียงเสียงยุงที่บินอยู่ในอากาศ
ทว่าได้ยินเพียงเสียงของมันเท่านั้น แต่ไม่มีร่องรอยให้รู้ว่ามันอยู่ที่ใดเลย
นั่นอาจเป็นทักษะลับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเผ่ายุง
…
“เจ้าศิษย์พี่หน้าเหม็น!”
บนยอดเขาหยกน้อย ในเวลานี้ หลันหลิงเอ๋อร์กำลังคุกเข่าอยู่ใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าจุ่มลงไปในน้ำสะอาดแล้วเช็ดใบหน้าพร้อมกับล้าง ‘เครื่องสำอาง’ ที่นางพยายามแต่งด้วยความอุตสาหะออก
“เจ้าศิษย์พี่จอมโฉด!”
“เขายังเลือกที่จะไม่ยอมอธิบายให้ชัดเจนว่าภาพวาดนั้นคืออะไร แล้วยังทำให้ข้าต้องทำตัวโง่งมจนน่าขันเช่นนี้!”
“แล้วสุดท้าย เขายังบอกอีกว่าจิตเต๋าของข้ายังไม่มั่นคงเพราะข้าทำตัวผิดปกติทุกวัน แต่ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุขนะ!”
“หากเขาอยากให้ข้าคัดลอกพระสูตรนิรกรรมร้อยจบ คัดลอก! หึ ก็ช่างมันเถิด! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ สบายมาก!?!”
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วอยู่ที่กระท่อมมุงจากของอาจารย์ของเขาแล้วอดจะเอามือก่ายหน้าผากของเขาไม่ได้เมื่อได้ยินหลิงเอ๋อร์สบถก่นดาอยู่ที่ริมทะเลสาบ
เอ่อ…
ในเวลานั้น ฉีหยวนเฒ่านั่งบนเก้าอี้กลมและผายมือให้หลี่ฉางโซ่วนั่งด้านข้างเขา แล้วถามว่า “ฉางโซ่ว เจ้ามีอะไรอยากคุยกับอาจารย์ของเจ้าหรือไม่”
“ท่านอาจารย์ ข้าขอเปิดใช้ค่ายกลรอบๆ ก่อน ศิษย์กลัวว่ากำแพงจะมีหูได้ขอรับ”
“ได้” ฉีหยวนพยักหน้า และเปิดใช้ค่ายกลรอบๆ กระท่อมมุงจาก ก่อนจะจ้องมองและพิจารณาหลี่ฉางโซ่วอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนหน้าที่หลิงเอ๋อร์จะเปิดเผยว่าศิษย์พี่ของนางไม่ธรรมดา ผู้เฒ่าฉีหยวนก็เพียงรู้สึกว่าศิษย์คนโตของเขาเป็นคนรักตัวกลัวตายมุ่งหมายชีวิตยืนยาวเท่านั้น แม้เขาจะมีศักยภาพยอดเยี่ยมและความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเขาก็ค่อนข้างดีอยู่เสมอก็ตาม
แต่หลังจากที่เขาติดอยู่ในเขาวงกตของหอโอสถ ฉีหยวนได้คิดถึงปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ที่เขาเคยมีกับศิษย์คนโตของเขามาก่อน…
ทว่าเขายังไม่พบเบาะแสใดๆในอดีต
แต่ค่ายกลรอบๆ หอโอสถ…
‘ทักษะสงบลมปราณเต่า’ ที่ลึกลับนี้…
และทักษะเวททำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำ…
“ฉางโซ่ว” ฉีหยวนโน้มกายไปข้างหน้าและกล่าวถามว่า “บอกมาตรงๆ ว่าตอนนี้เจ้าอยู่ขอบเขตใดแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อศิษย์กลับไปเยี่ยมบ้านก่อนหน้านี้ ศิษย์ได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้วขอรับ”
แล้วจากนั้นเขาก็พุ่งทะยานโดยไม่ตั้งใจขณะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์…ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่อาจกล่าวครึ่งประโยคหลังได้โดยตรง
ผู้อาวุโสฉีหยวนพยักหน้า และรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ในที่สุด เขาก็ได้รับการยืนยันขอบเขตพลังที่แท้จริงของศิษย์คนโตของเขา