ถังลี่เสวี่ยอยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา

โอเคป่าอาจเป็นอันตรายสำหรับสุนัขจิ้งจอกอย่างเธอ แต่ในนิกายชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีเล่ห์เหลี่ยม และมีการฝึกฝนสูงอาจเป็นอันตรายมากกว่าก็ได้ใช่มั้ย?

‘อัยส์สสส … ช่างโชคร้าย! ทำไมโชคของฉันถึงแย่มาตลอดตั้งแต่ชาติที่แล้ว! เฮ้อ… ‘

“ไม่แน่…ลุงก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ! จะเป็นอย่างไรถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณระหว่างทาง ฉันจะไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ถ้ามันเกิดขึ้นจริง! แล้วมือขวาของคุณที่มักจะตามคุณไปทุกที่ล่ะ? ” ลุงของเสี่ยวเฮยแสดงท่าทางโอ้อวดราวกับว่าเขาเป็นห่วงเสี่ยวเฮยจริงๆ

แต่การกระทำของเขาปลอมเกินไป หรือบางทีเขาอาจจงใจทำให้เป็นแบบนั้นเพื่อยั่วยุเสี่ยวเฮย แต่จากคำถามสุดท้ายของเขาที่ถามเกี่ยวกับผู้ช่วยที่ทรยศ ถังลี่เสวี่ยเดาได้ว่าเขาจงใจที่จะยั่วยุเสี่ยวเฮย

‘ช่างน่ารำคาญนัก! แม้แต่ฉันก็อยากจะตบหน้าเขาเสียแล้ว! ‘

เสี่ยวเฮยโกรธมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ และมือของเขากำแน่นจนเล็บเริ่มแทงทะลุผิวหนังของเขา

เสี่ยวเฮยขบฟันต้องการที่จะกระโดดออกไปฆ่าลุงของเขา แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดทนไว้

เขาหลับตาลงครู่หนึ่งและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่กระซิบกับตัวเองว่า ‘นี่ยังไม่ถึงเวลา … ไม่ใช่ตอนนี้ … แต่เร็ว ๆ นี้ …’

เมื่อเสี่ยวเฮยหายใจออก เขาก็สงบลงอย่างมากและค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของลุง แต่ตอนนี้ฉันแข็งแรงและสมบูรณ์ดี! สำหรับเฟิงอี้เขามีสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นเราจึงแยกทางกัน ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่รบกวนคุณลุงอีกต่อไป …” เสี่ยวเฮยทักทายลุงของเขาแล้วเดินเข้าไปในประตู

‘เดี๋ยว … เดี๋ยว …เดี๋ยว… คุณจะไปเดี๋ยวนี้หรือ! ทำไมเป็นแบบนั้น?! นี่…นี่ไม่ใช่นิสัยของคุณเลย! คุณไม่ชอบทำแบบตัวละครในนิยายกำลังภายในหรอเหรอ?! โหดร้าย เด็ดขาด เอาแต่ใจและพลังสูง?! คุณควรเอาชนะคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้ หรือทำให้เขาพิการด้วยการตีเพียงครั้งเดียว! อย่าบังคับให้ราชินีองค์นี้เปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยวเนียงเป้า (น้องสาวตัวน้อย)!’

เสี่ยวเฮยไม่มีเวลาสนใจคำสาปของถังลี่เสวี่ย เพราะเขามีเรื่องเร่งด่วนมากมายที่ต้องทำ เขาจึงพาเธอเข้าไปในบ้านของเขา และทิ้งเธอไว้ที่นั่นในตอนนี้

….

“ช่างเป็นแมลงที่น่ารำคาญอะไรอย่างนี้! เขายังสามารถอยู่รอดได้หลังจากการซุ่มโจมตีทั้งหมดนั้น … เจ้าพวกขยะไร้ประโยชน์พวกนั้น! และพวกเขายังกล้าเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสจากนิกายที่มีคุณธรรมงั้นหรอ! เราต้องเริ่มจริงจังกับเขามากขึ้น! ” ลุงอ้วนที่ดูใจดีไม่มีอีกแล้ว เมื่อลุงของเสี่ยวเฮยกลับไปที่ห้องของตัวเอง ก็มีการแสดงออกที่น่ากลัว

“แล้วฉันควรทำยังไงกับตัวประกันดีล่ะเนี่ย” ชายในชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก

“ยังต้องถามอีกหรอ! กำจัดพวกมันให้หมด! ผู้ช่วยคนนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ! ฉันยังให้ยาพิษที่มีค่าที่สุดของฉันกับเขา พิษดำที่ละลายในหัวใจแลพวกขยะนั้นก็ยังล้มเหลว! ฉันเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินไปเพื่ออะไร! ค้นหาข่าวของเขา ถ้าเขาตายก็โอเค ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แน่ใจว่าเขาจะอยากตายทุกนาที!” ลุงอ้วนตัวร้ายกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

ชายชุดดำรีบเดินออกไปจากห้องลุงอ้วนอย่างรีบร้อน เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ไม่มีใครรู้ว่าชายอ้วนคนนี้โหดร้ายเพียงใด และสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเขาจะทำมันอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะความภักดีหรือเงิน แต่เป็นเพราะชายชราคนนั้นน่ากลัวและบ้าคลั่งเกินไป

ถังลี่เสวี่ยคิดว่าแม้เสี่ยวเฮยจะเย็นชาและเอาแต่ใจ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นผู้ชายที่ดี แต่ลุงของเขานั้นแตกต่างออกไป การเรียกลุงคนนั้นว่า ‘วายร้าย’ กำลังดูถูกเขามากเกินไป ในขณะที่คำว่า ‘บ้า’ ก็ยังใจดีเกินไปสำหรับเขาและแทบจะไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับเขาได้

“ช่างน่าเสียดายจริงๆ…เขาควบคุมตนเองได้เป็นอย่างดี…ถ้าเขากล้าโจมตีฉันหน่อยละก็ ฉันก็จะทำให้ตันเถียนของเขาพิการอย่างแน่นอน! และจะไม่มีใครสามารถตำหนิฉันได้ ถ้าเขาเป็นคนที่ทำร้ายฉันก่อน…” เขาหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาในขณะที่เยาะเย้ยเสี่ยวเฮย

“เฮ้อ…พ่อ……ทำไมคุณถึงเข้าข้างจื่อห่าวอยู่เสมอ? ตอนนี้จื่อห่าวเสียชีวิตไปแล้ว คุณยังเข้าข้างลูกชายของเขา จี้หยุน! ฉันไม่ดีพอในสายตาพ่อเลยจริงๆเหรอ?” ลุงอ้วนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ขณะเดินไปที่หน้าต่างใกล้ ๆ อากาศค่อนข้างดีท้องฟ้าสีฟ้าไม่มีเมฆดำ แต่ตอนนี้มันไม่เข้ากับความรู้สึกของเขาในตอนนี้

“พ่อ…ได้โปรดอย่าบังคับฉัน…ไม่งั้นฉันจะ…”

เสียงของเขาแผ่วเบาขณะที่สายตาของเขาแสดงออกถึงความเป็นอันตราย ออร่าสังหารอันเยือกเย็นที่เปล่งออกมาจากร่างกายของเขานั้นหนา และน่ากลัวกว่าเสี่ยวเฮยหลายเท่า

….

ในฐานะที่เป็นคนป่วยในชีวิตก่อนหน้านี้ ถังลี่เสวี่ยได้อยู่แต่ในห้องเล็ก ๆ ของตัวเองเมื่อหลายปีก่อนจนกระทั่งเธอถูกบังคับให้ทำงาน เพราะพี่ชายคนโตของเธอได้รับอุบัติเหตุจนอยู่ในสภาพที่เป็นผัก ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้

แล้วเธอจะยอมรับได้อย่างไรว่าแม้จะกลับชาติมาเกิดเป็นจิ้งจอกผู้ยิ่งใหญ่ที่มีระบบแล้ว เธอก็ยังต้องอยู่ในห้องเงียบ ๆ เหมือนเมื่อก่อน!

ในท้ายที่สุดเธอก็แอบออกจากห้องของเสี่ยวเฮยเพื่อไปดูรอบ ๆ นิกายปีศาจอสูร

‘เฮ้อ … ห้องของเสี่ยวเฮยเต็มไปด้วยของแพงจริงๆ! ถ้าฉันสามารถนำมันมาสู่โลกก่อนหน้าของฉันได้ … ไม่สิ เพราะฉันไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ฉันก็แค่ต้องนำมันออกไปจากที่นี่และขายมัน! แต่น่าเสียดายตอนนี้ฉันเป็นจิ้งจอกเท่านั้นเอง… ‘

ถังลี่เสวี่ยดำเนินการอย่างระมัดระวังในขณะที่ใช้ทักษะ [ซ่อน] ของเขาต่อไป เนื่องจากเธอตั้งใจที่จะอัพเกรดให้ดียิ่งขึ้นไปอีก