บทที่ 7 การพูดจาฉะฉานของภรรยาตัวน้อย

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

งานแถลงข่าวถูกกำหนดไว้ในช่วงเวลาบ่ายสองโมงตรงของวันเดียวกัน สถานที่คือห้องประชุมของแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ป

ในภายหลังณัฐณิชานั้นเป็นเด็กดีมาก เพราะได้กินอาหารอร่อยของธราเทพ ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าบางๆให้เธอ ช่างแต่งกายจัดชุดเดรสที่เข้ารูปให้กับเธอชุดหนึ่ง

เธอยืนอยู่หน้าบานกระจก มองกุลสตรีผู้อ่อนหวานที่อยู่ในกระจกแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดี และหดหู่อยู่บ้าง ที่มากยิ่งกว่าคือความไม่คุ้นชิน

นี่มันคือเธอที่ไหนกัน?

คงไม่ใช่ว่าหลังจากนี้ต้องแสร้งเป็นกุลสตรีหรอกนะ?

เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็ดึงสายสะพายของกระโปรงที่รัดแน่น

ธราเทพเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว สายตาของทั้งสองคนสบกันผ่านกระจก เมื่อมองเด็กสาวสูงเพรียวผิวขาวเนียนในกระจกแล้ว นัยน์ตาของธราเทพก็ลุ่มลึก

ณัฐณิชาลูบลำคอตัวเองอย่างเขินอายเล็กน้อย “แปลกมากใช่หรือไม่ ฉันไม่ค่อยได้สวมกระโปรง…”

ธราเทพตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยเอ่ยเรียบๆว่า “พอใช้ได้”

ความจริงแล้วพื้นฐานเธอดีมาก เครื่องหน้าทั้งหน้าพริ้มเพรา รูปร่างค่อนข้างผอม แต่ก็สมส่วนมาก

ส่วนที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้มากที่สุดคือนัยน์ตาเฉยเมยของเธอคู่นั้น ตอนที่เงียบลงก็คล้ายกับว่าจะเหยียบย่ำความดีงามบนโลกนี้ทั้งหมดเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าเหมือนสิ่งไร้ค่า

บุคลิกสง่างามที่เหมือนกับว่าติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดนั้นดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่าสตรีผู้ดีอันงามพร้อมที่ธราเทพเคยพบมา

ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเด็กสาวที่มีกลิ่นอายคนธรรมดาจะสามารถมีบุคลิกแบบนี้บนร่างได้

เขานึกถึงจี้หยกสีขาวเส้นนั้น ถ้าหากว่าจี้ชิ้นนั้นเป็นของเธอจริงๆ เช่นนั้นฐานะของเธอจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้ ธราเทพก็ขมวดคิ้ว

“ฉันไม่คุ้นชินกับการสวมรองเท้าส้นสูง อีกครู่หนึ่งคุณช่วยประคองฉันหน่อยได้ไหม นี่มันสูงเกินไปแล้ว! อีกทั้งยังบีบเท้ามากด้วย…” ณัฐณิชาทำท่าราวกับเดินบนไม้ต่อขามาอยู่ด้านหน้าธราเทพ พลางโอดครวญ

เขาเหลือบมองรองเท้าของเธอครู่หนึ่ง พลางเอ่ยว่า “ถ้าหากว่าสามารถรับรองได้ว่าวันนี้ไม่หกล้ม พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปกินที่ร้านอาหารร้านนั้นอีก”

ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดบริเวณเท้าของณัฐณิชาจะหายไปในชั่วพริบตา เธอตบบริเวณทรวงอก พลางเอ่ยว่า “จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”

ธราเทพกับณัฐณิชาเดินคล้องแขนกันเข้าไปในห้องประชุม เหล่านักข่าวชูอุปกรณ์ประจำตัวเรียบร้อย นั่งรอคอยอยู่ที่นี่นานแล้ว

แสงกระพริบวูบวาบตามด้วยเสียงแช๊ะๆๆ ทำให้ณัฐณิชาตื่นเต้นขึ้นมาทันที ธราเทพจับมือเธอเอาไว้ เผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ยากจะได้เห็นให้กับเธอ

หัวใจของณัฐณิชาเต้นตึกตักเร็วขึ้นสองจังหวะ เจ้าหมอนี่ยิ้มขึ้นมามีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมาก มิน่าล่ะผู้หญิงมากมายถึงชื่นชอบเขา

เมื่อเธอเบี่ยงเบนความสนใจมาก็ไม่ตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบากับเขาว่า “คุณยิ้มแล้วดูเหมือนคนดีมาก น่าจะยิ้มบ่อยๆ”

ธราเทพขึงตาใส่เธอ แม้ว่าบนใบหน้าจะมีรอยยิ้มแขวนอยู่ แต่นัยน์ตากับเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร

ณัฐณิชาสะดุ้งตกใจทันที ไม่กล้าสัพยอกเขาอีก

หลังจากนั้นธราเทพก็เอ่ยประกาศข่าวการแต่งงานง่ายๆ และขอร้องให้สื่อมวลชนลบภาพคลุมเครือระหว่างเขากับภรรยาที่รักออก มิเช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายให้รับผิดชอบในเรื่องการละเมิดสิทธิ์ถ่ายภาพบุคคล

ตลอดงานณัฐณิชาเพียงแค่รับผิดชอบแย้มรอยยิ้มน้อยๆ และพยักหน้า แม้ว่าจะน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้คนมากมายให้ความสนใจ จึงมีความแปลกใหม่อยู่บ้าง และรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นดาราขึ้นมาทันที

เมื่อถึงช่วงที่ให้นักข่าวสอบถาม

นักข่าวสาวคนหนึ่งก็เอ่ยถามณัฐณิชาว่า “ในเมื่อคุณณัฐณิชาและคุณธราเทพมีความสัมพันธ์เป็นคู่หมั้นกันแล้วทำไมจะต้องไปค้างคืนที่โรงแรมด้วยคะ”

ธราเทพขมวดคิ้ว กำลังคิดจะตอบคำถามแทนณัฐณิชา แต่กลับเห็นเธอก้มหน้าด้วยความเขินอาย เหลือบมองธราเทพครู่หนึ่ง พลางเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อว่า “บางครั้งก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง รู้สึกว่าแปลกใหม่มากเหมือนกันค่ะ”

ทันใดนั้น ภายในห้องประชุมก็มีเสียงหัวเราะคลุมเครือดังขึ้น

ท่าทางเยือกเย็นของภรรยาตัวน้อยของธราเทพผู้นี้ ทำให้ผู้คนชื่นชอบจริงๆ

ธราเทพยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คำตอบนี้ เขาพอใจมาก

ต่อมาก็มีนักข่าวอีกคนหนึ่งที่คุ้นชินกับการถามคำถามอย่างเจ้าเล่ห์ “พวกคุณไปจดทะเบียนสมรสเพื่อที่จะสยบคลื่นความวุ่นวายของผู้คนใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีข่าวดีเลยแม้แต่น้อย”

คำถามนี้ ธราเทพเป็นผู้ตอบคำถาม

“แฟนสาวของผมชอบที่จะไม่เป็นจุดสนใจ ผมก็ไม่หวังให้ทุกคนสนใจชีวิตส่วนตัวของผมมากเกินไป ดังนั้นตลอดมาจึงไม่มีการประกาศ คราวนี้ถูกคนที่มีเจตนาไม่ดีถ่ายคลิปวิดีโอเข้า ทำให้ณิชาถูกให้ร้ายจากผู้คนมากมายอย่างไม่มีเหตุผล ดังนั้นถึงได้รีบไปจดทะเบียนสมรสและประกาศเรื่องความสัมพันธ์ในทันที ความจริงแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องในครั้งนี้ล่ะก็ ผมกับณิชาก็จะจัดงานแต่งงานกันในปีนี้เช่นกัน

เอ่ยจบแล้ว เขาก็มองมาทางณัฐณิชาอย่างลึกซึ้ง ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

แผ่นหลังณัฐณิชามีเหงื่อเย็นๆผุดออกมาไม่ขาดสาย เธอรู้ดีว่า คนที่มีเจตนาไม่ดีคนนั้น ก็คือตัวเธอเองไม่ใช่หรือ ทว่าธราเทพไม่ได้สืบสาวราวเรื่องที่เธอพกกล้องวงจรปิดติดตัวให้กระจ่าง ก็ทำให้เธอโล่งใจไปได้ชั่วคราว

“บุคลิกของคุณณัฐณิชาโดดเด่นขนาดนี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นผู้มากความสามารถที่ทั้งสวยทั้งฉลาด ไม่ทราบว่าคุณณัฐณิชาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอะไรครับ”

สีหน้าณัฐณิชาซีดขาวในเสี้ยวพริบตา อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น