ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 113 หลังจากเผายันต์

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 113 หลังจากเผายันต์

สิ่งที่พุ่งไปพร้อมกับรถม้านั้นคือบุรุษผอมแห้งที่อาภรณ์อาบเลือดทั้งตัว

จิ้งจอกลมเอาสองมือวนรอบเอวหนึ่งรอบ แสงดาราเบาบางแตกสลายในกายมัดเขาไว้กับข้างหลังรถม้า เขาไม่ส่งพลังไปในรถม้าอย่างเต็มที่ ให้มันแล่นไปในการควบคุมของตนสบายขึ้นเล็กน้อย

ส่วนเป้าหมายสุดท้าย…ค่ายแดนประจิมที่ราบสูงเทพสวรรค์

จิ้งจอกลมไม่หวังมาก แต่เขาหวังว่าเด็กสาวคนนั้นในรถม้าจะมีโอกาสรอดเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย

ปราณกระบี่ร้อนแรงระเบิดเข้ามา

กระบี่และดาบเต็มฟ้ารวมกันออกมาต้านดาบเรียบสีเงินอมทองนั้น ประกายแสงเย็นยะเยือกของคมดาบฟันลงมาอย่างไร้ความเห็นใจ แสงสาดกระจาย บุรุษหนุ่มไม่ต้านดาบอยู่กับที่อย่างพอใจอีก แต่เดินหน้าไปช้าๆ

แรงดันวิญญาณทั้งภูเขาแดงกดมาที่บ่าของเขา

เมื่อเดินหนึ่งก้าว ชุดคลุมหยาบสีขาวของยอดปีศาจหนุ่มแบกรับภาระหนักอย่างยิ่ง เหมือนเศษน้ำแข็งที่เกาะบนสวรรค์เก้าชั้นที่สามปกคลุมทั้งในและนอกชุดคลุม แตกกระจายออกอย่างเด็ดขาด ไอปีศาจหนาแน่นแผ่กระจาย กดเศษชุดคลุมฉีกขาดพวกนี้ ลากเป็นเงาสีขาวซีดตามหลังยอดปีศาจหนุ่ม

ทันใดนั้น อาวุธที่รวมจากดาบและกระบี่ยาวยิ่งนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ระเบิดกระจาย บุรุษร่างกำยำชุดคลุมหยาบสีขาวมาถึงตรงหน้าผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กสามคน

ดาบที่ออกจากฝักนั้นปักลงพื้นอย่างแรง

เศษหญ้าลอยขึ้น หมุนวนเต็มฟ้า ทั้งค่ายกลใหญ่พังทลายลง แสงดารามากมายไหลย้อนกลับเหมือนมหาสมุทร จะจมสามคนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

ศิษย์เขาอนันต์เล็กสามคนหน้าแดงก่ำ กัดฟันส่งแรงดันวิญญาณทั้งหมดในหุบเขาไปที่ตน

ยอดปีศาจหนุ่มร้องออกมาเบาๆ เหยี่ยวบนบ่าเขาเงยหน้าขึ้น ร้องด้วยความเจ็บปวด

ยอดปีศาจหนุ่มหลับตาลง

วินาทีต่อมา

แรงดันวิญญาณพังลง พลิกภูเขาคว่ำสมุทร

ดวงตามหึมาคู่หนึ่งลืมตาขึ้นบนฟ้าหุบเขา ศิษย์เขาอนันต์เล็กสามคน ทะเลสาบจิตเดือดพล่าน น้ำทะเลสาบกระจาย ระเบิดจิตมรรคแตก

บุรุษรูปร่างกำยำยิ่ง เริ่มปรากฏเกล็ดสีทองขึ้นจากตรงเอวบางไร้ไขมัน

เขาแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า พริบตาต่อมา กำปั้นสีทองหมัดหนึ่งชกศีรษะผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กคนหนึ่งแตก เหมือนค้อนทุบแตงโม เลือดกระจาย ศิษย์เขาอนันต์เล็กแดนประจิมคนนี้ไม่ได้ไม่ฝึกกายและจิตเหมือนจวนขานฟ้า เพียงแต่กายและจิตเช่นนี้ อยู่ต่อหน้ายอดปีศาจหนุ่ม ‘ร่างสอง’ แล้ว เหมือนกับกระดาษ รับการโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลังจากทลายแรงดันวิญญาณ เกล็ดที่รวมกันหนาแน่นพวกนี้เหมือนลืมตาขึ้น ก่อนจะปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วและหนาแน่น แสงทองสว่างวาบ ลายเกล็ดสีทองที่ยืดยาวพวกนี้ยังไม่เคยขึ้นถึงหน้าอกก็ถอยกลับไป

บุรุษหนุ่มที่คืนร่างปกติ ออกมือไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้อีก

เขายื่นมือยักษ์สองข้าง กดใบหน้าศิษย์เขาอนันต์เล็กสองคนด้วยพละกำลังมหาศาล ปลายเท้าก้าวไปข้างหน้า เดินสามสี่ก้าวแล้ว ก็วิ่งไปบนเส้นทางหุบเขาแคบ

…..

เสียงฟ้าร้อง

ห่างไปไกลราวร้อยจั้งแล้ว แต่เสียงค่ายกลพังทลายยังคงดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว เส้นทางภูเขาไกลลิบสั่นสะเทือน จิ้งจอกลมที่มัดตัวเองไว้กับหลังรถม้า ทุกอย่างตรงหน้าพลันพร่าเลือน เหมือนละอองน้ำระเบิด

หูดับ ทั้งโลกเงียบสงัด

จากนั้นในดวงตาเขาสะท้อนเป็นร่างกำยำที่พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว สองมือกดศีรษะผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กสองคน กางสองแขน ปลายเท้าเหยียบทั้งเส้นทางภูเขา กดสองศีรษะกับผนังหินสองข้าง อยู่ในท่าดึงภูเขาพุ่งเข้ามารวดเร็วยิ่ง

จิ้งจอกลมหน้าซีดขาว แสงดาราเขาใกล้จะเหือดแห้งแล้ว สิ่งที่ส่งพลังให้รถม้าก็มีเพียงเท่านี้…สมบัติขององค์ชายสามน่าจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดแข็งแกร่งยิ่ง หญิงคนนั้นในรถม้า มียันต์ที่ใช้ควบคุมข้างในหรือไม่

เสียงดังสนั่นข้างนอก

ในรถม้าสงบสุขมาก

สวีชิงเยี่ยนที่รู้สึกถึงการโคลงเคลงและสั่นสะเทือนเอามือข้างหนึ่งกำยันต์ นางมีสีหน้าจริงจัง ลองรวมแสงดาราทั้งหมดเข้าไปอีกหน่อย

ให้รถม้านี้…เร็วขึ้นอีกหน่อย!

ข้างหลังเป็นทางลาดลง

สวีชิงเยี่ยนมีสีหน้าเคร่งขรึม มองยอดปีศาจหนุ่มที่โหดเหี้ยมดุร้ายนั้นไกลๆ ปลายเท้าเหยียบพื้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เข้าใกล้รถม้าตนมากขึ้นเรื่อยๆ…ศีรษะสองข้างที่เขากดไว้ในสองมือกลายเป็นเลือดเนื้อเหวอะหวะไปนานแล้ว กระดูกคอถูกบดละเอียด กระดูกขาวกับหิมะกลายเป็นผุยผง จึงโยนทิ้งไปอย่างไม่สนใจ

ความเร็วของยอดปีศาจหนุ่มคนนั้นพลันเพิ่มขึ้นอีก!

สองแก้มของจิ้งจอกลม เส้นผมยาวถูกพายุคลั่งพัดปลิวไสวไปข้างหน้า เขาแทบจะลืมตาขึ้นไม่ได้ เสียงนกร้องแหลมเล็กดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหยี่ยวที่เหมือนอยู่บนบ่ายอดปีศาจหนุ่ม แต่ความจริงใช้ความสามารถทั้งหมดถึงจะพอรักษาความเร็วไปพร้อมกับยอดปีศาจหนุ่มได้ ในดวงตาแผ่ไอปีศาจพุ่งออกไปก็ถูกจิ้งจอกลมเอียงศีรษะหลบ โดนผนังเหล็กรถม้าดังแก๊ง เกิดควันขาวลอยโขมง

หน้าและหลังเริ่มลงเนิน

ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายเริ่มใกล้เข้ามาช้าๆ

ร้อยจั้ง…ห้าสิบจั้ง…ยี่สิบจั้ง

จิ้งจอกลมมองเห็นรอยชุดคลุมเนื้อหยาบสีขาวกลางพายุชัดเจนแล้ว รวมถึงประกายดีใจในดวงตาหรี่แคบของยอดปีศาจหนุ่มคนนั้น

ข้างหลังยอดปีศาจคนนั้นเป็นควันโขมง

เมื่อเจอกับควันฟุ้งกระจาย เขายื่นมือออกไปช้าๆ เกิดเสียงดังสนั่น แสงเงินสายหนึ่งพุ่งเข้ามาทันควัน เข้าที่มือเขา ครึ่งตัวล่างของยอดปีศาจหนุ่มที่วิ่งอยู่แทบจะเป็นเศษเงา มองเห็นชัดได้ยาก เขาต้านพายุคลั่งได้สบายเหมือนพลิกดอกไม้ดาบ ทำท่าถือดาบพาดแขน พร้อมแทงออกไปทุกเมื่อ

หญิงในรถม้า ในที่สุดก็บีบยันต์ ทั้งยังรวมแสงดาราทั้งหมดไว้ที่เดียว

สวีชิงเยี่ยนพูดพึมพำ “แบบนี้…ก็เผายันต์ได้รึ”

พริบตาต่อมา

ยอดปีศาจหนุ่มหรี่ตาลง มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

ความเร็วของรถม้าพลันเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า จิ้งจอกลมตรงหน้าถูกเชือกแสงดารารัดเอว เบิกตาโต เขาไม่คาคคิดเลยว่าหลังใช้พลังที่เหลือของรถม้าแล้วจะน่ากลัวขนาดนี้ สายลมดุจดาบ พลันปาดแก้มเขาไปเจ็ดแปดแผล ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่ลากเป็นเส้นเล็กท่ามกลางความเร็วสูง สลายเป็นความว่างเปล่า

เสียงลมดังกระหึ่ม

ระยะห่างระหว่างสองฝ่าย เริ่มทิ้งระยะห่างด้วยความเร็วไม่เห็นฝุ่น

เสียงเหยี่ยวร้องถูกลมพัดออกไป

ยี่สิบจั้ง ห้าสิบจั้ง หนึ่งร้อยจั้ง

ฝุ่นควันไกลลิบยังอยู่ คาดการณ์ได้ว่ายอดปีศาจนั่นยังคงไล่ตามมา

จิ้งจอกลมหายใจไม่ออก ความเร็วสูงที่ทำให้ผู้บำเพ็ญขอบเขตหลังหายใจติดขัดเช่นนี้ยังคงเพิ่มขึ้นด้วยแนวโน้มน่ากลัว

ฝุ่นควันไกลลิบพลันหยุดลง อีกทั้งลมหายใจต่อมายังถูกทิ้งจนไม่เห็นเงา หินก้อนนั้นที่ลอยอยู่ในใจจิ้งจอกลม ในที่สุดก็ได้วางลง ยอดปีศาจนั่นตามไม่ทัน จึงไม่คิดจะตามมาอีก…ดูท่าตนคงหนีออกไปได้แล้ว รอดชีวิตไปได้แล้ว

เส้นทางภูเขาแดง ต้นไม้และผนังหินกลายเป็นเงามายา แม้จะเป็นเพียงใบหญ้าเล็กและบาง ในตอนนี้ก็กลายเป็นอาวุธสังหารถึงแก่ชีวิตได้

สวีชิงเยี่ยนกำยันต์ นางยังคงรวบรวมสมาธิไว้อย่างดียิ่ง แผ่นหลังชิดกับผนังเหล็กรถม้า การสั่นสะเทือนและโคลงเคลงรุนแรงขึ้นหลายร้อยเท่าพันเท่า นางสัมผัสความรู้สึกชิดหลังที่ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ สิ่งนี้เป็นประสบการณ์ที่มาพร้อมกับความเร็ว

หากนางฝึกบำเพ็ญได้ ต้องฝึกถึงระดับใดถึงต้านทานความเร็วเช่นนี้ได้

น่าเสียดายที่ให้เวลานางคิดไม่มากนัก

เสียงแปลกประหลาดยิ่งเหมือนนิ้วมือลูบพิณอย่างรวดเร็ว เบาจนข้ามผ่านปราการเสียง มาถึงข้างรถม้า

สวีชิงเยี่ยนเอียงศีรษะเล็กน้อย

นางเห็นภาพที่ยากจะลืมไปชั่วชีวิต

เป็นใบหน้าด้านข้างของบุรุษที่มีรอยสีทองและดำลอยขึ้น กำลังมองตนอย่างเฉยชาและสงบนิ่ง

ไม่ใช่แค่เปลือยอก แต่ยังมีหลังเอวที่โผล่มาระหว่างชุดคลุมหยาบสีขาวโบกสะบัด มีแต่ลายสีทองอมดำที่เก่าแก่และแปลกประหลาด นี่เป็นพลังระหว่างสายเลือดสัตว์ปีศาจโบราณ…รอยลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าเขาขุดสายเลือดลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ดวงตายอดปีศาจหนุ่มเฉยชาและสงบนิ่ง ห่างกันเพียงรถม้าชั้นหนึ่ง วิชาลับขององค์ชายสามยังคงบดบังการมองเห็นของเขา แต่เขาเหมือนคาดเดาได้แล้วว่าในนี้มีอะไรกันแน่…

ยอดปีศาจมีสีหน้าเหมือนเทพเจ้าบนฟ้า มองทุกชีวิตเหมือนวัชพืช

จิ้งจอกลมไม่กล้าเชื่อเลย จนกระทั่งเกิดเสียงดังกึกก้องเป็นพรวน แก้มเขาระเบิดเป็นดอกไม้เลือด เขาถึงเพิ่งยอมรับความจริงตรงนี้…ยอดปีศาจที่เลิกตามมานั้น เปิดพลังสายเลือดของตนบนที่ราบ

ดังนั้นจึงตามทัน

ใบหน้าบุรุษที่แนบกับข้างรถม้า เพียงแค่หยุดพริบตาเดียวก็ไปจากที่นี่

พริบตาต่อมา

สวีชิงเยี่ยนรู้สึกได้ว่าตรงหน้าสุดของรถม้าหยุดลงเล็กน้อย

ยอดปีศาจหนุ่มเอาขาสองข้างเหยียบพื้นดิน สองมือดันหน้าสุดรถม้า เปล่งเสียงคำรามแหบแห้งในลำคอ ตรงหน้าผากเขามีเส้นเลือดเขียวปูดออกมา รถม้ายังคงเพิ่มความเร็ว เพียงแต่ความเร็วที่เพิ่มขึ้นช้าลงเรื่อยๆ

สวีชิงเยี่ยนมีเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผาก

นางจ้องตรงหน้าสุดอย่างไม่กล้าเชื่อ

ยอดปีศาจที่ใช้กำลังตัวคนเดียวขวางรถม้าที่พุ่งไปคนนี้ ลายสีทองอมดำบนตัวเผยออกมาทั้งหมด เขาเอาสองมือยัน ส่วนข้อศอกขยับถอยไปเรื่อยๆ ท่าทางดูแข็งแรงและทรงพลัง แผ่นดินถูกเท้าเขาเหยียบแตกไปเป็นขั้น ซ้อนทับกันขึ้น แต่ขาสองข้างของยอดปีศาจนี่ยังคงไม่ห่างจากพื้น ไม่เคยลื่นไถลเลย

แสงดารามากมายกำลังเผาไหม้ เผาเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ทว่าความเร็วของรถม้ากลับช้าลงๆ

จนถึงช่วงสุดท้าย ควันขาวลอยโขมงขึ้นตรงฝ่ามือยอดปีศาจหนุ่ม หินดินซ้อนขึ้นมาระดับความสูงครึ่งเอว ในที่สุดก็ไม่พลิกขึ้นไปอีก

ยอดปีศาจหนุ่มมีสีหน้าเฉยเมย มือข้างหนึ่งกดรถม้า ขณะไถลไปช้าๆ อีกมือก็กดฝักดาบไว้

ดึงดาบออกจากฝัก

คมดาบแคบยาวแทงทะลุผนังเหล็กกำแพงทองแดง จากนั้นเด็กสาวเอียงหน้า แทบทะลุหมวกผ้าคลุมหน้า

จากนั้นแทงทะลุทั้งรถม้า ทะลวงผ่านหน้าอกของจิ้งจอกลม

สวีชิงเยี่ยนหน้าซีดขาว คมดาบนั้นดึงออกแนบกับแก้มตนช้าๆ

นางกำยันต์แผดเผานั้นไว้ในมือ แทบจะดับสลายไป…แสงดาราหมดแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จุดไฟได้อีก

ยอดปีศาจหนุ่มมีใบหน้าเรียบนิ่ง ลายเก่าแก่บนตัวเขาถอยออกไปเนิบนาบ

เขาขวาง ‘สินค้านี้’ ลงได้

สีทองอมแดงในลูกตาถอยไปช้าๆ เช่นกัน เขาหันไปมอง ข้างหลังเป็นหุบเหวสูงชันลึกไม่เห็นก้น หินก้อนหนึ่งตกลงไปแล้วก็เงียบสงัด

รถม้านี้ หากยังมีแรงพุ่งลงไปต่อ บางทีอาจจะชนตนตกหุบเหวลึกก็ได้