ตอนที่ 27-2 เครื่องราง
“พี่สาม . .” เขาร้องเรียกผู้ที่เป็นพี่สาว และรีบคว้าข้อมือของนางเอาไว้
มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาได้ถูกยกขึ้นมาด้านหน้า ทำให้หลี่เว่ยหยางเกิดความรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“นี่คือ. . .”
“เครื่องรางหยก!”
หลี่หมินเต๋อกล่าวตอบ แล้วรีบปิดริมฝีปากของตนเอง ขณะที่จ้องมองไปยัง
หลี่เว่ยหยางด้วยความประหม่า
หัวใจของเว่ยหยางมีอาการสั่นเล็กน้อย เมื่อดวงตาของนางลดลงไปยังชิ้นหยกในมือของน้องชายผู้นี้
เมื่อได้พิจารณาอย่างใกล้ชิด จึงได้เห็นว่า มันคือหยกรูปพระจันทร์เสี้ยว
หลี่เว่ยหยางมีความรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น ด้วยสีเขียวบริสุทธิ์ที่สดใส และเนื้อหยกที่มีความงดงาม
หยกดูเหมือนจะมีชีวิต และมีความหมายสำคัญ เว่ยหยางจึงได้ข้อสรุปว่า หยกชิ้นนี้มีมูลค่าสูงมาก
สายตาของนางเลื่อนกลับไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ของหลี่หมินเต๋อ และอดที่จะสงสัยมิได้ จึงเอ่ยถามว่า
“คราวที่แล้วข้ายังเห็นเจ้าสวมมันอยู่เลย แล้วเหตุุใดเจ้าจึงถอดมันออก?”
หลี่หมินเต๋อจ้องมองไปที่นาง และกล่าวตอบอย่างใจจดใจจ่อว่า
“หยกชิ้นนี้อยู่กับข้ามาตั้งแต่ข้ายังเล็ก ๆ “
เขากลืนน้ำลายขณะที่หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น
“เพราะพี่สามได้ช่วยชีวิตของข้าไว้ดังนั้นจึงคิดว่า ข้าควรจะให้สิ่งนี้กับพี่. .”
“ให้พี่? นี่คือของล้ำค่าที่สุดของตนเอง เจ้าจะยกมันให้กับผู้อื่นจริงหรือ”
นางจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม และมีความรู้สึกว่า เด็กชายตัวเล็ก ๆ ผู้นี้น่าเอ็นดูมาก
นางมิสามารถต้านทานแรงกระตุ้นได้ จึงเอื้อมมือออกไปและตบหัวของเขาอย่างแผ่วเบา
และความรู้สึกเมื่อได้สัมผัสกับผมของเขานั้น ช่างนุ่มนวลกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ในครั้งแรกที่หลี่หมินเต๋อเห็นหลี่เว่ยหยาง เขาสังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากผู้อื่น
แววตาของนางมีความแตกต่างเมื่อเทียบกับผู้อื่น ราวกับน้ำนิ่งภายใต้แสงจันทร์อันงดงาม และมีความเย็นชาแต่ลึกล้ำในเวลาเดียวกัน
หมินเต๋อมิทราบว่าจะกล่าวกับนางอย่างไรว่า เขาจริงใจกับการมอบหยกชิ้นนี้ให้นาง
เขากล่าวอย่างตะกุกตะกักด้วยความประหม่า
“ข้า. . .ข้า . . .”
เมื่อได้เห็นสุภาพบุรุษหนุ่มน้อยผู้ดื้อรั้นพยายามที่จะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างยากลำบาก
หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มและส่งหยกชิ้นนั้นคืนให้กับเขา
“เจ้ามิควรมอบหยกชิ้นนี้ให้กับผู้อื่นโดยมิเห็นคุณค่าของมัน…”
นางมิมีโอกาสกล่าวให้จบ เมื่อหลี่หมินเต๋อบีบมือนางแน่นขึ้น
สิ่งที่ปรากฎให้เห็นคือ ความจริงใจและความมุ่งมั่นในดวงตาคู่นั้น ขณะที่เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“หยกชิ้นนี้สามารถปกป้องผู้ที่สวมใส่ได้! มันเป็นความจริง! ท่านแม่เคยกล่าวว่า มันช่วยชีวิตข้ามาแล้วตั้งหลายครั้ง!”
ความจริงใจในน้ำเสียงของเขาพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัวนั้น
ราวกับว่ามันสามารถแทรกซึมผ่านหยกเข้าไปในหัวใจของอีกฝ่ายได้
หลี่เว่ยหยางตกตะลึงกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ และกล่าวว่า
“ข้าเองก็มีเช่นกัน ดูสิ?” นางดึงจี้หยกที่ชิหยินเหนียงมอบให้ออกมา
“ชิ้นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะปกป้องข้า สำหรับหยกชิ้นนี้ เจ้าควรเก็บรักษาเอาไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง”
ความจริงคือ นางมีความรู้สึกว่าหยกชิ้นนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของหมินเต๋อ แล้วนางจะยอมรับมันได้อย่างไร?
“แล้วข้าจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ ” หลี่เว่ยหยางกล่าวขณะที่ตบหัวของเขาอย่างแผ่วเบา
ดวงตาของชายหนุ่มที่มีประกายแห่งความเศร้าเมื่อครู่ ได้ถูกแทนที่ด้วยความร่าเริงอย่างรวดเร็ว และมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น . .
ในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ผู้รับใช้ที่มีชื่อว่าตันเซียง กำลังถือถ้วยน้ำชาเข้ามา ขณะที่นางแอบสังเกตคุณหนูใหญ่อย่างเงียบ ๆ
หลี่จางเล่อกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกที่แกะสลักด้วยรูปดอกโบตั๋นและหงส์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
หัวใจของตันเซียงเต้นแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
“คุณหนู, ท่านย่าใหญ่ได้ส่งคนมารับผ้าไหมทั้งสี่ผืน”
“เอาไป! เอาไปให้หมดเลย! อีกาก็ยังคงเป็นแค่อีกาอยู่ดี แม้ว่ามันจะเปลี่ยนขนแล้วก็ตาม!”
ในตอนนี้มิมีผู้ใดอยู่ในห้อง ดังนั้นนางจึงแสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างเต็มที่
“เอ่อ…นอกจากนี้แม่นมหลัว สาวใช้คนสนิทของผู้อาวุโสหลี่ยังกำชับให้คุณหนูคัดลอกพระไตรปิฎก…”
ตันเเซียงชะงักทันที เมื่อสังเกตเห็นหน้าตาที่บูดบึ้งของจางเล่อ และรีบกลืนประโยคที่เหลือลงคอไป
ทันใดนั้นหลี่จางเล่อได้คว้าถ้วยน้ำชาและเขวี้ยงมันลงบนพื้นจนแตกออกเป็นชิ้น ๆ
ตันเซียงมีความรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และนางสังเกตเห็นนิ้วเรียวของอีกฝ่ายเอื้อมไปหยิบชุดเย็บผ้าบนโต๊ะเครื่องแป้ง
จางเล่อดึงเข็มออกมาจากชุดเย็บผ้านั้น และดึงนิ้วมือของตันเซียงมา
จากนั้นจึงออกแรงจิ้มเข็มเข้าไปในนิ้วมือของตันเซียงสองสามครั้ง
ขณะที่นางเฝ้าดูเลือดที่ไหลรินออกมาจากนิ้วของสาวใช้
และจางเล่อได้จุ่มนิ้วมือของตนเองลงไปที่หยดเลือดของอีกฝ่าย
จากนั้นจึงจ้องมองไปยังใบหน้าของตันเซียงอย่างตั้งใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ควรจะกล่าวกับแม่นมหลัวเช่นไร”
ความเจ็บปวดจากปลายนิ้วที่ได้รับบาดเจ็บพุ่งเข้าไปที่หัวใจของสาวใช้ผู้นี้
ตันเซียงเจ็บปวดมากจนใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดขาว แต่นางก็ยังกล่าวว่า
“ข้ารู้…ข้าต้องกล่าวว่า คุณหนูใหญ่เลือดออก เพราะเผลอทำเข็มจิ้มนิ้วมือตนเอง
และกลัวว่าเลือดจะทำให้คัมภีร์สกปรก จึงขอให้แม่นมกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้!”
หลี่จางเล่อสั่งอย่างเย็นชา
“รีบไป”
เมื่อตันเซียงจากไป หลี่จางเล่อจึงเลื่อนสายตาไปยังภาพสะท้อนของตนเองในกระจกเงา
“หลี่เว่ยหยาง เจ้าทำดีมาก! ระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
ตันเซียงอยู่ห่างจากประตูเพียงมิกี่ก้าว และเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นของคุณหนูใหญ่ นางจึงอดมิได้ที่จะเกิดอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว