“คำขออนุญาตยืมตัวนักเรียนจากกลุ่มดอว์นไปทำภารกิจที่เมืองแพนเทร่างั้นหรอคะ?”
 

ในช่วงเช้าของวันถัดมานั้นเอง ไดเอน่าที่ถูกท่านผู้อำนวยการแห่งโรงเรียนรีมินัสเรียกตัวไปพบตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก็ได้พูดทวนคำพูดของท่านผู้อำนวยการขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ อีกทั้งที่ด้านข้างของเธอก็มี อาจารย์โนล อาจารย์หนุ่มผมสีเทาที่เป็นหนึ่งในผู้ตัดสินการสอบเข้าเรียนของพวกนากายืนฟังเป็นพยานควบหน้าที่ที่ปรึกษาสำหรับการตัดสินใจในครั้งอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

 

“ตามที่เอริกะพูดมามันก็ตามนั้นนั่นล่ะประธานนักเรียน…”

 

ซึ่งในขณะที่ทั้งไดเอน่าและอาจารย์โนลกำลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นของความยุ่งยากอยู่นั้นเอง ท่านผู้อำนวยการก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เข้าเสียก่อนจนทำให้ไดเอน่าต้องรีบพูดตอบกลับไป

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเราก็คงจะต้องตัดสินใจให้ดีๆ กันก่อน… อาจารย์ใหญ่โนลมีความเห็นยังไงบ้างคะ?”

 

“ผมว่าอันดับแรกพวกเราควรจะต้องแจ้งเรื่องแผนงานของคุณเอริกะไปให้ทางวังหลวงทราบก่อนนั่นล่ะครับพวกเขาจะได้ไม่มองว่าพวกเราพยายามชิงตัดหน้าสร้างผลงาน… แล้วถ้าเป็นไปได้เรียกผมว่าอาจารย์โนลเฉยๆ ก็พอแล้วล่ะ ไม่ต้องอาจารย์ยงอาจารย์ใหญ่อะไรหรอก”

 

อาจารย์โนลที่ที่จริงแล้วเป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนรีมินัสได้พูดตอบไดเอน่ากลับไปด้วยท่าทีเป็นกันเอง แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านไดเอน่าที่ดูเหมือนว่าจะกำลังใช้ความคิดอยู่ก็กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจคำพูดต่อท้ายของเขาเลยแม้แต่น้อยก่อนที่เธอจะพูดออกความเห็นของตัวเองออกมา

 

“แต่ถ้าเกิดว่าพวกเราแจ้งเรื่องนี้ไปให้ทางวังหลวงรู้ พวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะตัดสินใจอะไรกันได้แล้วเผลอๆ มันก็อาจจะช้าไปเหมือนกับคราวที่แล้วอีกก็ได้นะคะ”

 

“ผมก็แค่ออกความเห็นตามแนวทางที่ผมเห็นว่าสมควรเท่านั้นแหล่ะครับ เพราะว่าคราวที่แล้วที่กลุ่มดอว์นออกไปจัดการกับหน่วยยิงระเบิดของศัตรูจนสามารถป้องกันประตูทิศตะวันตกเอาไว้ได้มันก็ทำให้ทางวังหลวงรู้สึกเสียหน้าไม่ใช่น้อยเหมือนกันน่ะครับ… แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเห็นของผมก็แค่คำแนะนำ ทางประธานนักเรียนกับท่านผู้อำนวยการจะตัดสินใจยังไงผมก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของทั้งสองคนนะครับ”

 

“ขอบคุณมากอาจารย์ใหญ่โนล… แล้วเธอมีความเห็นว่ายังไงบ้างล่ะอาจารย์เอริ…?”

 

ท่านผู้อำนวยการที่ได้ยินคำตอบของอาจารย์โนลนั้นได้พยักหน้ากลับไปให้อีกฝ่ายก่อนที่เขาจะหันไปทางด้านเอริซาเบธที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีสบายใจเฉิบพร้อมกับพูดถามความเห็นของเธอขึ้นมาบ้าง และนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่ไม่ชอบทางวังหลวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยักไหล่กลับมาให้เขาพร้อมกับพูดตอบกลับไปตรงๆ

 

“สำหรับฉัน ฉันว่าพวกเราช่างหัวพวกวังหลวงแล้วก็ส่งกลุ่มดอว์นไปเลยดีกว่าค่ะ”

 

“ตอบได้สมกับที่เป็นอาจารย์เอริจริงๆ นะครับเนี่ย…”

 

คำตอบของเอริซาเบธนั้นได้ทำให้อาจารย์โนลที่พยายามประณีประนอมไม่ให้ทางโรงเรียนเกิดการกระทบกระทั่งกับทางวังหลวงได้แต่เผยรอยยิ้มแห้งๆ ออกมา และนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่ได้ยินแบบนั้นหันไปพูดตอบเขากลับไปแบบไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

 

“พูดมากน่าปวดหัวน่าอาจารย์ใหญ่ ถ้าเกิดว่าคุณเอริกะเขาบอกมาแบบนี้มันก็หมายความว่าที่เมืองแพนเทร่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วมันก็น่าจะเป็นอะไรที่เด็กจากกลุ่มดอว์นน่าจะรับมือไหวอยู่… ยกเว้นแต่ว่าพวกเราจะมัวชักช้าไปกว่านี้จนมันไม่ทันการแล้วนั่นล่ะ”

 

“ที่อาจารย์เอริว่ามามันก็จริงนั่นแหล่ะครับ… แต่ว่าในคราวนี้พวกเด็กนักเรียนของเราจะต้องไปเจออะไรคุณเอริกะก็ยังไม่ได้บอกเลยไม่ใช่หรอครับ? ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการส่งนักเรียนไปเจออะไรก็ไม่รู้ที่คาดเดาไม่ได้หรอกนะครับ”

 

“อย่างกรณีเมื่อวานนี้คุณเอริกะก็ไม่ได้บอกอะไรเหมือนกันแต่เด็กนักเรียนของพวกเราก็สามารถรับมือได้ไม่ใช่หรอคะ? แล้วก็เท่าที่ฉันดูการต่อสู้ของคอนแนลกับซิลเวสเมื่อวานนี้แล้วพวกเขาแค่สองคนมีประสิทธิภาพมากกว่าทหารของเมืองนี้ทั้งกองร้อยอีกนะคะ”

 

“แต่พอซิลเวสกลับมาเธอก็นอนซมบอกว่าปวดไปทั้งตัวแถมอาจารย์อลิซก็กลับมาพันผ้าพันแผลเต็มตัวอีกครั้งนึงแล้วนะครับ…”

 

ในขณะที่เอริซาเบธมีท่าทีเชื่อมั่นในตัวเด็กนักเรียนที่ใช้งานยูนิตของเอริกะอย่างเต็มที่นั้น ทางด้านอาจารย์โนลกลับพูดแย้งกลับมาตามสภาพของพวกเด็กๆ และอาจารย์อลิซที่เขาได้เห็นจนทำให้เอริซาเบธได้แต่ส่ายหางจิ้งจอกฟูๆ ของเธอไปมาด้วยท่าทีหงุดหงิด และนั่นก็ทำให้อาจารย์โนลต้องพูดอธิบายออกมาให้เธอได้ฟัง

 

“เฮ้อ… ผมไม่ได้คิดจะเถียงหรือว่าสงสัยในประสิทธิภาพของยูนิตของคุณเอริกะเขาหรอกนะครับ แต่ที่ผมสงสัยน่ะก็คือว่าคุณเอริกะเขาขาดคนจนถึงต้องมายืมตัวเด็กนักเรียนของพวกเราไปใช้งานเลยงั้นหรอครับ?”

 

“การโจมตีเมื่อครั้งก่อนมันทำให้คุณเอริกะเสียทหารรับจ้างที่จ้างมาไปเกือบจะทั้งหมดแล้วล่ะค่ะ ส่วนกลุ่มที่เหลืออยู่ส่วนมากก็ขอพักฟื้นไม่มีกำหนด เพราะงั้นตอนนี้คุณเอริกะก็เลยมีกำลังคนให้ใช้งานได้แค่หยิบมือเท่านั้นแหล่ะค่ะ”

 

“…ถ้างั้นก็คงจะหมายความว่างานในครั้งนี้ก็คงจะต้องเป็นความลับในระดับหนึ่งคุณเอริกะเขาก็เลยไม่อยากจะไปจ้างทหารรับจ้างกลุ่มใหม่ที่อาจจะยังไว้ใจไม่ได้มาใช้งานสินะครับ”

 

“มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะค่ะ แต่สำหรับเรื่องนี้ท่านผู้อำนวยการกับไดเอน่าจังจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่เลยค่ะ เพราะคุณเอริกะเขาน่าจะบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่าต่อให้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณเอริกะเขาจะลองหาทางอื่นดูเองใช่มั้ยล่ะคะท่านผู้อำนวยการ?”

 

เอริซาเบธพูดตอบอาจารย์โนลกลับไปก่อนที่เธอจะหันไปพูดถามท่านผู้อำนวยการขึ้นมาบ้าง และนั่นก็ทำให้ท่านผู้อำนวยการที่นั่งฟังอาจารย์ทั้งสองท่านพูดคุยกันอยู่พยักหน้ากลับมาให้เธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามความเห็นของไดเอน่าผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มดอว์นขึ้นมา

 

“ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองคนมาก… ถ้างั้นเธอมีความเห็นว่ายังไงบ้างล่ะประธานนักเรียน?”

 

“ก็ถึงจะบอกว่าเป็นการขอยืมตัวเด็กนักเรียนจากกลุ่มดอว์นก็เถอะ แต่ว่าที่จริงแล้วกลุ่มดอว์นก็เป็นแค่กำลังเสริมใช่มั้ยล่ะคะ…?”

 

“ใช่… เพราะคนที่เอริกะต้องการตัวจริงๆ มีแค่สามคน นากามูระ โมโกะ แล้วก็คอนแนลที่จะบอกว่าเป็นสมาชิกกลุ่มของเอริกะอยู่แล้วก็ไม่ผิด แล้วทั้งสามคนก็เคยลงสนามจริงมากันแล้วเพราะอย่างงั้นฉันก็เลยไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้… แต่ว่าถึงยังไงทั้งสามคนก็ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มดอว์นด้วย เธอมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ในฐานะหัวหน้ากลุ่มดอว์นล่ะประธานนักเรียน…?”

 

ท่านผู้อำนวยการพูดอธิบายขึ้นมาให้ไดเอน่าได้ฟังและนั่นก็ทำให้ประธานนักเรียนสาวต้องก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนที่เธอจะพูดถามท่านผู้อำนวยการกลับไป

 

“ท่านผู้อำนวยการคิดว่านี่เป็นการทดสอบของคุณเอริกะว่าพวกเราพร้อมจะให้ความร่วมมือถึงขนาดไหนหรือเปล่าคะ?”

 

“ก็อาจจะ… แต่ไม่ว่านี่จะเป็นการทดสอบของเอริกะหรือไม่ก็ตาม ฉันขอยกอำนาจการตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับการที่มีผู้ปกครองคนนึงมาขอยื่นเรื่องลากิจให้กับนักเรียนสามคนเพื่อไปทำงานที่อาจจะต้องเสี่ยงอันตรายก็ได้ให้กับเธอที่เป็นประธานนักเรียนและหัวหน้ากลุ่มดอว์นก็แล้วกัน…”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ถึงตอนนี้พวกเราจะยังบอกอะไรไม่ได้ในเรื่องความเสี่ยงเพราะยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ถ้าเกิดว่าเป็นกลุ่มของพวกนากาคุงแล้วล่ะก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”

 

ไดเอน่าที่ได้รับอำนาจในการตัดสินใจมาจากท่านผู้อำนวยการนั้นได้พยักหน้าตอบเขากลับไป แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเธอก็กลับทำให้อาจารย์โนลต้องยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตพูดแทรกขึ้นมา

 

“ขออนุญาตนะครับ ถึงผมจะไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องของคอนแนลกับโมโกะก็เถอะ แต่ว่าผมค่อนข้างจะเป็นห่วงเด็กนักเรียนคนที่ชื่อว่า นากามูระ คนนั้นน่ะครับ เพราะจากที่อาจารย์อายะแจ้งมา ดูเหมือนว่าเด็กนักเรียนคนนั้นจะไม่สามารถใช้วิซได้เลยไม่ใช่หรอครับ?”

 

คำถามของอาจารย์โนลได้ทำให้ไดเอน่าชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มพูดตอบเขากลับไป

 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ แต่ถึงนากาเขาจะไม่สามารถใช้วิซได้ แต่ว่าเขาก็สามารถต่อสู้กับเนลที่เป็นหัวหน้าชมรมฝึกซ้อมการต่อสู้ในการสอบของอาจารย์อลิซได้อย่างสูสีเลยนะคะ”

 

“สำหรับเรื่องการสอบนั่นผมก็นั่งดูอยู่จากด้านบนอาคารเรียนเหมือนกันล่ะครับ แต่ที่ผมเป็นห่วงน่ะก็คือว่า ถ้าเกิดว่านากาเขาใช้วิซไม่ได้แบบนั้น มันก็หมายความว่าร่างกายของเขาจะไม่มีออร่าวิซที่ถูกแผ่ออกมาเพื่อลดทอนพลังทำลายของการโจมตีด้วยวิซเลยไม่ใช่หรอครับ? แล้วยิ่งเป็นในเมืองแพนเทร่าที่เน้นด้านการพัฒนาอาวุธปืนแบบนั้นด้วยแล้วมันจะไม่ยิ่งอันตรายไปใหญ่เลยหรอครับ”

 

“ประธานนักเรียน… เธอมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนทั้งสามคนแค่ไหน…?”

 

คำพูดของอาจารย์โนลได้ทำให้ท่านผู้อำนวยการต้องพูดถามไดเอน่าซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าตัดสินใจที่จะพูดตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“เรื่องนั้นฉันก็คงจะบอกไม่ได้เหมือนกันค่ะเพราะพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าคุณเอริกะต้องการตัวเด็กนักเรียนทั้งสามคนไปทำอะไรที่นั่นกันแน่ เพราะแบบนั้นฉันก็เลยมีเรื่องอยากจะขออนุญาตท่านผู้อำนวยการสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะค่ะ”

 

“…ไหนลองว่ามาสิ”

 

“ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะขอตามพวกนากาเขาไปที่แพนเทร่าด้วยจะได้หรือเปล่าคะ?”

 

“ขอโทษนะครับท่านผู้อำนวยการ แต่เรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ ถ้าเกิดว่าไดเอน่าที่เป็นถึงประธานนักเรียนไปที่นั่นด้วยตัวเองมันจะเหมือนกับว่าทางโรงเรียนรีมินัสได้ประกาศว่าจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของทางเมืองแพนเทร่าอย่างเป็นทางการเลยนะครับ”

 

คำพูดขออนุญาตของไดเอน่านั้นได้ทำให้อาจารย์โนลต้องรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันที เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมาทางวังหลวงของเมืองรีมินัสเองก็ค่อนข้างจะไม่ชอบใจที่ตัวเองสูญเสียอำนาจภายในรั้วโรงเรียนไปหลังจากที่ท่านผู้อำนวยการคนปัจจุบันเข้ามารับตำแหน่งมากพอตัวอยู่แล้ว และการที่ท่านผู้อำนวยการจะอนุญาตให้ไดเอน่าที่เปรียบเสมือนเลขาและตัวแทนของทางโรงเรียนไปทำภารกิจที่ต่างเมืองแบบนี้นั้นเขาก็ไม่รู้ว่าทางวังหลวงรีมินัสจะเอาเรื่องนี้ไปขยายความกันเอาเองอย่างไรบ้าง

 

แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านไดเอน่าที่ถูกอาจารย์โนลพูดแทรกขึ้นมาก็กลับทำเพียงแค่ยิ้มหันไปพูดอธิบายให้เขาฟัง

 

“แต่ฉันว่าถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจริงๆ จนคุณเอริกะต้องส่งกลุ่มดอว์นทั้งกลุ่มเข้าไปจริงๆ ล่ะก็ ผลมันก็คงจะออกมาไม่ต่างกับการที่ฉันเดินทางไปที่นั่นเองตั้งแต่แรกหรอกค่ะอาจารย์โนล”

 

“เรื่องนั้นมันก็จริงนั่นล่ะ เชิญท่านผู้อำนวยการต่อได้เลยครับ”

 

อาจารย์โนลที่ได้ยินคำอธิบายของไดเอน่าได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอก่อนที่เขาจะหันไปค้อมหัวให้กับท่านผู้อำนวยการเป็นเชิงขออภัยที่พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ท่านผู้อำนวยการพยักหน้าตอบเขากลับมาเล็กน้อยแล้วจึงหันไปพูดถามไดเอน่าขึ้นมาแทน

 

“ถ้าเธอไปที่นั่นแล้วเรื่องที่โรงเรียนเธอจะทำยังไง…?”

 

“เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจะมอบหมายให้มายะที่เป็นรองประธานนักเรียนกับเรมิเรียที่เป็นสมาชิกกลุ่มเป็นคนคอยดูแลให้แทนค่ะ”

 

“แล้วเรื่องการเตรียมพร้อมของกลุ่มดอว์นถ้าเกิดว่าเอริกะต้องการกำลังเสริม…?”

 

“สำหรับเรื่องนั้นเนลสามารถรับหน้าที่แทนฉันได้ค่ะ เพราะว่าฝีมือเขาก็เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักเรียนในกลุ่ม แถมตัวเขาเองยังเป็นเชื้อสายของขุนนางด้วยเพราะแบบนั้นพวกลูกขุนนางคนอื่นก็เลยค่อนข้างจะไม่มีปัญหาอะไรกับเขาค่ะ”

 

“แล้วการที่เธอไปที่นั่นด้วยจะเป็นการช่วยงานของเอริกะเขายังไง…?”

 

“คุณปู่ทวดของฉันมีบ้านพักอยู่ที่เมืองแพนเทร่าค่ะ แล้วก่อนหน้านี้เหมือนจะมีคนของคุณเอริกะไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นอยู่บ้างเหมือนกับพยายามจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างอยู่ เพราะแบบนั้นฉันเลยคิดว่าถ้าคุณเอริกะสามารถเข้าถึงบ้านพักที่ว่านั่นได้ก็น่าจะมีประโยชน์ไม่ใช่น้อย หรือถ้าเกิดว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับงานในครั้งนี้จริงๆ อย่างน้อยๆ มันก็น่าจะเป็นที่พักที่ปลอดภัยกว่าสถานที่ที่ทางเมืองแพนเทร่าจัดให้จริงมั้ยล่ะคะ”

 

ไดเอน่าที่ได้ยินคำถามต่อเนื่องของท่านผู้อำนวยการนั้นได้พูดตอบกลับไปได้อย่างไม่ติดขัดจนทำให้ท่านผู้อำนวยการนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

 

“อย่างกับว่าเธอเตรียมคำตอบพวกนี้มาแล้วเลยนะประธานนักเรียน…”

 

“แหม่ มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะคะ ฉันก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้จากท่านผู้อำนวยการเมื่อกี้นี้เองนะคะ~”

 

“ฮึ่ม… สำหรับคำตอบทั้งหมดนั่นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ฉันยอมรับได้ แต่ในเมื่อเธอคิดจะไปที่แพนเทร่าอยู่แล้วแบบนี้ ฉันอยากจะให้เธอพาเคนซากิไปด้วยจะได้หรือเปล่า?”

 

“เคนซากิงั้นหรอคะ? ทำไมล่ะคะ?”

 

คำพูดของท่านผู้อำนวยการในคราวนี้ได้ทำให้รอยยิ้มของไดเอน่ากระตุกไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดถามกลับไปและนั่นก็ทำให้ท่านผู้อำนวยการต้องพูดอธิบายออกมาให้เธอฟัง

 

“ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วเคนซากิเขาก็เหมือนกับทูตที่ทางแพนเทร่าส่งมา เพราะฉะนั้นถ้าหากมีเรื่องจำเป็นที่จะต้องเข้าไปยุ่งกับทางวังหลวงของที่นั่นจริงๆ การพาเคนซากิไปด้วยก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเธอไม่มากก็น้อย… แถมดูเหมือนว่าเธอเองก็น่าจะจัดการเรื่องข้อกังขาที่มีต่อเคนซากิได้แล้วใช่หรือเปล่าล่ะ…?”

 

“มายะมารายงานเรื่องนั้นให้ท่านฟังงั้นหรอคะ?”

 

“เพราะว่าพวกเธอไม่ได้มารายงานอะไรเลยมันก็เลยหมายความว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงไม่ใช่หรือ…?”

 

คำตอบที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจของท่านผู้อำนวยการนั้นได้ทำให้ไดเอน่าเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมาก่อนที่ท่านผู้อำนวยการจะหันไปทางด้านเอริซาเบธที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่อย่างสบายใจและพูดสั่งงานเธอขึ้นมา

 

“อาจารย์เอริ ไปจัดเตรียมเอกสารสำหรับนักเรียนที่จะออกเดินทางให้เรียบร้อยแล้วไปรายงานผลการพูดคุยในวันนี้ให้เอริกะทราบด้วย”

 

“รับทราบค่า~”

 

“อาจารย์ใหญ่ รายงานเรื่องนี้ให้กับคณะอาจารย์ให้พวกเขาจัดเตรียมการเรียนการสอนย้อนหลังให้กับนักเรียนทั้งห้าคนด้วย”

 

“รับทราบครับ”

 

ในขณะที่เอริซาเบธพูดตอบรับคำสั่งของท่านผู้อำนวยการกลับไปด้วยท่าทีอารมณ์ดีนั้น ทางด้านอาจารย์โนลก็กลับเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมาให้กับแผนการเรียนเสริมที่ท่านผู้อำนวยการต้องการจะจัดเตรียมชดเชยเอาไว้ให้พวกเด็กๆ ที่น่าจะต้องขาดเรียนไปสักพักหนึ่งก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินออกจากห้องไป

 

ส่วนทางด้านท่านผู้อำนวยการนั้นก็ได้หันกลับไปหาไดเอน่าและพูดสั่งงานเธอขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

 

“ส่วนเธอ ประธานนักเรียน… ไปติดต่อเตรียมบ้านพักที่แพนเทร่าของเธอแล้วก็ไปเจรจากับเคนซากิให้เรียบร้อยซะ”

 

“ดูออกด้วยหรอคะว่าฉันยังไม่ได้เตรียมการอะไรเลยสักอย่างน่ะคะ?”

 

“ก็ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้รู้อนาคตหรือว่าคุยกับเอริกะมาก่อนแล้วเธอก็คงจะเพิ่งคิดแผนที่ว่านั่นขึ้นมาเมื่อกี้นี้เลยไม่ใช่หรือไง”

 

“คิกคิก นั่นสินะคะ พอดีว่าทั้งฉันทั้งคุณปู่ทวดก็ไม่ได้รู้อนาคตแถมเมื่อเช้านี้ฉันก็ไม่ได้มีเวลาไปคุยกับคุณเอริกะก่อนซะด้วยสิ ถ้าอย่างงั้นฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะคะ”

 

ไดเอน่าหลุดเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยให้กับคำพูดของท่านผู้อำนวยการที่ดูเหมือนว่าจะรู้จักเธอดีแล้วและหันหลังเดินตรงออกจากห้องทำงานของท่านผู้อำนวยการไป

 

“…….”

 

แต่ทว่าก่อนที่ไดเอน่าจะได้ก้าวเท้าออกไปจากห้องนั้นเองเธอก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะปิดประตูห้องกลับลงไปตามเดิมและหันไปพูดถามท่านผู้อำนวยการขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ท่านผู้อำนวยการคะ พอดีฉันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าฉันมีคำถามที่ท่านผู้อำนวยการอาจจะพอมีคำตอบให้ฉันได้ ขออนุญาตฉันถามท่านตอนนี้เลยจะได้หรือเปล่าคะ?”

 

“…อื้ม ลองว่ามาสิ”

 

ท่านผู้อำนวยการที่กำลังจะหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาเขียนนั้นได้หยุดมือที่กำลังเขียนเอกสารของเขาอยู่ลงและพูดสอบถามไดเอน่าขึ้นมา และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าไม่รอช้าที่จะพูดเข้าเรื่องในทันที

 

“เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่ฉันให้กลุ่มดอว์นส่วนหนึ่งแยกออกไปตามหาเบาะแสของอาจารย์อารอน พวกฉันได้ข่าวน่าสงสัยที่น่าเป็นห่วงมาจากหนึ่งในพวกชาวบ้านที่มาตั้งค่ายพักอยู่ที่ด้านนอกเมืองน่ะค่ะ”

 

“น่าสงสัยขนาดที่ว่าเธอต้องมาถามฉันเลยงั้นหรอ…?”

 

“ค่ะ แล้วฉันกลัวว่าถ้าปล่อยเอาไว้มันอาจจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของพวกเด็กนักเรียนในโรงเรียนก็ได้ค่ะ”

 

ไดเอน่าที่รู้ดีว่าท่านผู้อำนวยการยกความปลอดภัยของเหล่าเด็กนักเรียนเอาไว้เป็นอันดับหนึ่งนั้นได้ตัดสินใจที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้ดึงความสนใจจากท่านผู้อำนวยการเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ท่านผู้อำนวยการที่ในตอนแรกทำท่าเหมือนกับว่ากำลังจะกลับไปเขียนเอกสารของเขาต่อวางปากกาในมือของเขาลงจนทำให้ไดเอน่าต้องรีบพูดขึ้นมาต่อในทันที

 

“ท่านผู้อำนวยการพอจะรู้จักตราสัญลักษณ์ของหน่วยทหารที่เป็นรูปประภาคารสีน้ำเงินหรือประภาคารที่มีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงินบ้างหรือเปล่าคะ? เพราะว่านั่นมันคือสิ่งที่หนึ่งในพวกชาวบ้านบอกว่าเห็นพวกกลุ่มทหารที่บุกไปโจมตีหมู่บ้านของพวกเขาติดมันเอาไว้น่ะค่ะ”

 

“………”

 

คำถามของไดเอน่าในคราวนี้ได้ทำให้ท่านผู้อำนวยการในชุดเกราะสีขาวชะงักไปนิ่งชั่วขณะ อีกทั้งถ้าไดเอน่ามองไม่ผิดเธอก็เหมือนจะเห็นว่ามือที่อยู่ภายใต้เกราะเหล็กของเขากำแน่นในทันทีที่ได้ยินลักษณะของตราสัญลักษณ์ที่ว่าอีกด้วย

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเวลาเพียงแค่ชั่วขณะก่อนที่ท่านผู้อำนวยการจะเอ่ยปากพูดถามเธอกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“เธอไปค้นหาข้อมูลเรื่องนี้จากที่ไหนมาบ้าง มีใครรู้เรื่องนี้อีกหรือเปล่า แล้วได้เรื่องอะไรกลับมาบ้าง?”

 

“ฉันสั่งให้มายะเขาไปค้นหาข้อมูลที่ห้องสมุดของทางโรงเรียนกับทางเมืองมาค่ะแต่ก็ไม่เจอเรื่องของตราสัญลักษณ์ที่ว่าเลย ที่มายะเจอก็มีบอกแค่ว่าตราสัญลักษณ์รูปประภาคารจะเป็นตราของอัศวินราชองครักษ์ แต่ว่าอันนั้นมันเป็นตราที่มีพื้นหลังสีม่วง ส่วนตราที่มีพื้นหลังสีน้ำเงินรูปประภาคารไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้มาก่อนเลย”

 

“ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้สินะ… ถ้างั้นในฐานะของผู้อำนวยการแห่งโรงเรียนรีมินัส ฉันขอสั่งให้เธอเลิกทำการสืบค้นเรื่องนี้แล้วทำเหมือนกับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องตรานั่นซะ… แล้วฉันขอสั่งให้เธอรีบไปบอกมายะให้หยุดสืบค้นเรื่องนี้และเก็บมันไว้เป็นความลับก่อนที่เธอจะไปดำเนินการเรื่องของเอริกะด้วย”

 

“อ—เอ๋ะ—”

 

คำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ฟังดูแตกต่างจากน้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความอบอุ่นต่อเหล่าเด็กนักเรียนตามปกติของท่านผู้อำนวยการนั้นได้ทำให้ไดเอน่าชะงักไปด้วยความแปลกใจ และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าตัดสินใจที่จะพูดถามท่านผู้อำนวยการที่ในบัดนี้ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองดูโรงเรียนรีมินัสแห่งนี้เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เขามีท่าทีกลัดกลุ้มใจขึ้นมา

 

“นี่มันหมายความว่ายังไงกันคะท่านผู้อำนวยการ?”

 

“ไดเอน่า… ทั้งเธอทั้งมายะและเหล่าสมาชิกสภานักเรียนน่ะเป็นเด็กฉลาด ฉันเชื่อว่าต่อให้ฉันจะบอกปัดว่าไม่รู้เรื่องตราสัญลักษณ์นั่นไปเธอก็คงจะหาคำตอบได้ภายในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน… เพราะแบบนั้นฉันถึงปล่อยให้เด็กๆ อย่างพวกเธอเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องที่อันตรายยิ่งกว่าเรื่องไหนๆ แบบนี้ไม่ได้…”

 

ท่านผู้อำนวยการที่ทอดสายตาลงไปมองดูเด็กนักเรียนที่กำลังรับการทดสอบของอลิซอยู่ที่ด้านล่างสนามหญ้าได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาไดเอน่าพร้อมกับพูดสั่งเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

“เพราะฉะนั้นขอพวกเธอวางมือจากเรื่องนี้ซะ แล้วปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างฉันเอง…”