ตอนที่ 178 หนาวใจ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 178 หนาวใจ

องค์หญิงเฉิงหยางจะมีความคิดแบบเดียวกับบุตรชายคนโต เซียวเฉิงเหวินหรือไม่ เถาฮองเฮาไม่มั่นใจ

แต่นางรู้ว่าเรื่องที่บุตรชายคนโตพูดออกมาย่อมมีทางเป็นจริง

ในเมื่อเขาบอกจะให้องค์หญิงเฉิงหยางออกหน้าตักเตือนจ้งซูอวิ้น เขาย่อมทำได้

นางสาแก่ใจอย่างมาก

ให้องค์หญิงเฉิงหยางตักเตือนจ้งซูอวิ้นเป็นที่ชอบใจของนางอย่างมาก

แต่ว่านางยังคงตักเตือน “อย่าได้บีบบังคับจนเกินไป ระวังองค์หญิงเฉิงหยางโกรธแค้นเจ้า”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ตักเตือน ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร เสด็จแม่รีบส่งหญิงงามไปให้เสด็จพ่อเสียดีกว่า ไม่เพียงต้องรูปงาม ยังต้องมีกลอุบาย ก่อปัญหาก็ไม่สำคัญ กลัวแค่พวกนางจะไม่ก่อปัญหา”

“ข้ารู้ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล”

“ข้าขอทูลลา!”

เซียวเฉิงเหวินลุกขึ้นเดินออกจากตำหนักเว่ยยาง

คนวังมาเก็บจานชาม แต่ถูกเถาฮองเฮาปรามเอาไว้

นางโบกมือให้คนวังถอยออกไปทั้งหมด มีเพียงเหมยเส้าเจี้ยนอยู่ข้างกายนาง

ตำแหน่งที่องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินนั่งมีคราบเปื้อนกองเล็ก

เหมยเส้าเจี้ยนใช้มือเช็ด ก่อนจะยื่นมือมาไว้ที่ปลายจมูก เขาดมแล้วพูดกับเถาฮองเฮา “เป็นกลิ่นของน้ำแกงสมุนไพร น้ำแกงสมุนไพรที่ฮองเฮารับสั่งให้คนเตรียมไว้ องค์ชายสองเสวยไปเพียงคำเดียว อีกทั้งยังคายออกมา”

เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เขาคายออกมาเมื่อใด ข้าสังเกตเขาอยู่ตลอด เหตุใดจึงมองไม่เห็น”

“บางมีองค์ชายสองอาจไม่ได้เสวยตั้งแต่แรก”

“เขาระแวงข้า คิดว่าข้าจะวางยาพิษในน้ำแกงหรือ”

เถาฮองเฮาโกรธจัด

เหมยเส้าเจี้ยนรีบเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮาทรงระงับความโกรธ! บางทีเรื่องอาจไม่ได้เป็นอย่างที่พระองค์ทรงคิด” โนเวล-พีดีเอฟ

“เช่นนั้นเจ้าบอกข้า เรื่องมันเป็นอย่างไร สูตรน้ำแกงสมุนไพรได้มาจากมือของหมอหลวง หมอหลวงบอกว่าสูตรยานี้ เจ้าสามดื่มมาเจ็ดปดปีแล้ว เหตุใดมาถึงตำหนักของข้า เขากลับไม่ยอมดื่มแม้แต่คำเดียว หากไม่ได้ระแวงข้าจะเป็นอื่นใดไปได้ เจตนาดีของข้า เขากลับมองว่ามันเป็นสิ่งไร้ข้า ไม่โทษที่ข้าไม่ชอบเขา แต่เขาช่างทำให้คนหนาวใจ”

เถาฮองเฮาโกรธจัด อารมณ์ดีขึ้นก็หดหู่ลงอีกครั้ง

เหมยเส้าเจี้ยนพูดเสียงเบา “กระหม่อมได้ยินว่าองค์ชายสองไม่เสวยอาหารจากด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”

“เหลวไหล!”

เถาฮองเฮาโกรธจนไม่เลือกคำพูด “เขาดื่มน้ำชาแล้ว งานเลี้ยงปีใหม่ในวังหลวงทุกครั้ง เขาก็กิน ผู้ใดบอกว่าเขาไม่กินอาหารด้านนอก เหลวไหลสิ้นดี!”

“ฮองเฮาทรงระงับความโกรธ กระหม่อมเพียงแค่เคยได้ยินคนพูดเช่นนี้ บางทีองค์ชายสองอาจพิถีพิถันในการดื่มยาสมุนไพร คราวหน้าหากองค์ชายสองเสด็จเข้าวัง ฮองเฮาทรงถามเขาด้วยตนเองดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าถามเขาทำอันใด หาเรื่องให้ตนเองอกแตกตายหรือ เขามีนิสัยอย่างไร เจ้าก็รู้ดี เขาจงใจทิ้งคราบนั้นเอาไว้ เพราะเขากำลังตตักเตือนข้า อย่าได้ทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ลูกทรพีคนนี้ไร้หัวใจเสียจริง เสียดายที่ข้าไปหาสูตรมา รับสั่งให้คนต้มเอาไว้ แต่เขากลับไม่แยแสแม้แต่น้อย”

เถาฮองเฮายิ่งพูดยิ่งโกรธ โกรธจนนางเจ็บหน้าอก

บุตรชายคนโตทอดทิ้งความเจตนาดีของนาง เรื่องนี้ยิ่งทำให้นางเสียใจยิ่งกว่าฮ่องเต้หย่งไท่ทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คนเสียอีก

เหมยเส้าเจี้ยนตกใจ “ฮองเฮาทรงระงับความโกรธ! พระวรกายสำคัญที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

เถาฮองเฮาหายใจเข้าออกติดต่อกันหลายครั้ง ในที่สุดก็โล่งอก

นางพูดอย่างเคียดแค้น “สักวันข้าจะต้องโกรธตายเพราะเขา”

เซียวเฉิงเหวินออกจากพระราชวังก็เดินทางไปยังจวนองค์หญิงเฉิงหยาง

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาคุยเรื่องใดกับองค์หญิงเฉิงหยาง

ในขณะที่ทั้งสองสนทนากัน ไม่มีคนอยู่ข้างกายแม้แต่คนเดียว บ่าวรับใช้ถูกไล่ออกไปทั้งหมด

เมื่อสนทนาเสร็จสิ้น เซียวเฉิงเหวินก็ลุกขึ้นขอตัว

องค์หญิงเฉิงหยางก็ไม่รั้งเขาให้อยู่ทานอาหาร เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ให้เกียรติ

เมื่อเขาจากไป สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางก็ดำทะมึนลงทันที “เวลานี้นายน้อยอยู่ที่ใด”

บ่าวรับใช้รีบตอบ “ทูลองค์หญิง นายน้อยอยู่ห้องตำราพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเรียกเขามา”

เจ้าคนเหลวไหล!

นางไม่รู้ว่าบุตรชายของตนเองจะวิ่งไปที่จวนองค์ชายลับทุบตีใบหน้าขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้หลังนาง

เหลวไหล!

ตีคนตีหน้าได้หรือ

อย่างไรองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ก็เป็นถึงองค์ชาย ใบหน้าของเขาสำคัญเพียงใด จะถูกทุบตีได้อย่างไร

วันนี้เขาเป็นน้องเขย เป็นบุตรเขย

แต่วันหน้าเขาอาจเป็นฮ่องเต้ เป็นโอรสสวรรค์

เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะคิดบัญชีเก่าที่ถูกตีหน้าหรือไม่

ไม่นานนัก จ้งซูหาวก็เดินทางมาถึงห้องโถง

“ท่านแม่เรียกข้ามา มีเรื่องใดรับสั่งหรือ”

องค์หญิงเฉิงหยางทำหน้าบึ้ง พลันถาม “เจ้าเดินทางไปยังจวนองค์ชายสามลับหลังข้าใช่หรือไม่ อีกทั้งยังตีองค์ชายสาม”

เมื่อจ้งซูหาวได้ยิน เขาก็เบะปากพูด “ไม่คิดว่าเขาจะวิ่งมาฟ้องท่านแม่ เขายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่”

“เจ้าหุบปาก!”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธมาก “ไม่มีผู้ใดมาฟ้อง มีแต่คนมาตักเตือนข้า หากคราวหน้าเจ้ายังกล้าลงมือกับองค์ชายสามอีก หากเจ้าใช้มือซ้ายก็จะตัดมือซ้ายของเจ้า หากเจ้าใช้มือขวาก็จะตัดมือขวาของเจ้า”

“ผู้ใดกัน หยิ่งผยองเพียงนี้ เถาฮองเฮาหรือ นางเป็นห่วงบุตรชายสุดที่รัก บังอาจข่มขู่ท่านแม่ ข้า…”

“เจ้าหุบปาก!” องค์หญิงเฉิงหยางกัดฟันกรอด “เจ้าคิดว่าองค์ชายสามเป็นน้องเขยของเจ้า เจ้าจะสามารถตีเขาได้หรือ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเขาเป็นองค์ชาย เจ้าตีใบหน้าของเขา ไม่เพียงเจ็บที่ใบหน้าของเขา แต่ยิ่งเจ็บที่หนาของเถาฮองเฮา เจ็บที่หน้าของฮ่องเต้ วันนี้เขาไม่ถือสาเจ้าไม่เท่ากับเขาไม่แค้นเจ้า วันอื่นหากเขาได้ครองบัลลังก์ เจ้าลองคิดดูว่าเขาจะแก้แค้นเจ้าหรือไม่”

“เขากล้า!” จ้งซูหาวดุอย่างมาก “ข้าสั่งสอนเขาแทนน้องหญิง เขาสมควรถูกตี”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจัด “หากเขาสมควรถูกตี เจ้าก็สมควรตาย! ข้าไม่ได้ข่มขู่เจ้า แต่เจ้าต้องรู้จักฐานะระหว่างเจ้ากับข้า อันดับแรกเขาเป็นองค์ชาย องค์ชายที่กำเนิดจากฮองเฮา รองลงมาเขาถึงจะเป็นน้องเขยของเจ้า เจ้าบอกเขาไม่กล้ามาหาคิดบัญชีกับเจ้าภายหลัง แต่เจ้าคงดูถูกเขาเกินไป ในฐานะบุรุษในราชวงศ์ การจดจำความแค้นเป็นความสามารถแต่กำเนิดของพวกเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าตีเขา ไม่ได้กำลังช่วยซูอวิ้น แต่เจ้ากำลังทำร้ายซูอวิ้น ทำลายทุกคนในตระกูล”

จ้งซูหาวไม่เชื่อ “เขาจะกล้าแก้แค้นได้อย่างไร ทั้งที่เขาทำผิดต่อน้องหญิง…”

“เจ้าหุบปากเถิด! นับแต่วันที่ซูอวิ้นแต่งงานเข้าไปในราชวงศ์ย่อมเป็นการลิขิตแล้วนางต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ เจ้าคิดว่าเจ้าตีองค์ชายสาม เรื่องนี้จะจัดการได้หรือ ไร้เดียงสา! เจ้ารีบไปขอโทษที่จวนองค์ชายสาม เจ้าต้องได้รับการให้อภัยจากองค์ชายสามให้ได้”

จ้งซูหาวย่อมไม่ยอมไปขอโทษ “ข้าตีเขาก็จริง แต่ข้าไม่มีทางขอโทษ เพราะเขาสมควรถูกตี”

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ เพราะว่าเจ้าตีเขาจนใบหน้าฟกซ้ำ ทำให้เขาพลาดในการเข้าประชุมในท้องพระโรง ลับหลังมีคนวิจารณ์ต่างๆ นานา เมื่อเรื่องนี้ส่งไปถึงหูของฝ่าบาท เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดหรือ”

เมื่อจ้งซูหาวได้ยินว่าเรื่องอาจไปถึงฮ่องเต้ เขาก็กลัวขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาทจะทรงถามเรื่องนี้จริงหรือ”

“เจ้าคิดว่าอย่างไร เจ้าตีบุตรชายของเขา เขาจะปล่อยเจ้าหรือ ข้าบอกเจ้า องค์ชายสามไม่ต้องให้เจ้าสั่งสอน ยิ่งไม่ต้องให้เจ้าลงมือตีเขา บนโลกนี้ มีเพียงฮ่องเต้และฮองเฮาที่สามารถลงมือตีเขาได้ หากเจ้าลงมือย่อมเป็นการดูหมิ่นเบื้องบน!”

น้ำเสียงขององค์หญิงเฉิงหยางแข็งกร้าวอย่างมาก

เรื่องตีคนสามารถข่มลงไปได้

แต่นางต้องให้บทเรียนแก่บุตรชาย

หากไม่ให้เขารับรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ สักวันหนึ่งย่อมจะทำให้ตระกูลจ้งเดือดร้อน

นางเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ บุรุษในราชวงศ์มีนิสัยอย่างไร นางรู้ดีกว่าผู้อื่น

อย่าเห็นว่าองค์ชายสามเจรจาด้วยง่าย แต่มันเป็นเพราะเขายังไม่ได้ครอบครองอำนาจ

หากวันใดที่เขาครอบครองอำนาจ เฮอะๆ เมื่อถึงเวลาจึงจะได้รู้ว่าองค์ชายสามเจรจาด้วยง่ายจริงหรือไม่

ลูกโง่ นอกจากลงมือทำร้ายคนแล้วยังเปิดเผยเพียงนี้

แต่เขากลับไม่รู้ว่าถูกเถาฮองเฮาและพวกเคียดแค้นเข้าให้แล้ว

นางไม่กลัวเถาฮองเฮา นางแค่กังวลว่าหากองค์ชายสามขึ้นครองบัลลังก์แล้วจะแก้แค้น

ตีหน้าเชียวนะ!

ตีจนใบหน้าฟกช้ำ

เรื่องแบบนี้ บุรุษทั่วไปล้วนไม่อาจทนได้

ยิ่งไปกว่านั้นบุรุษในราชวงศ์ไม่มีคนทั่วไป ล้วนมีนิสัยมีแค้นต้องชำระ

เวลานี้จ้งซูหาวจึงรู้สึกหวาดกลัว “ตีเขาไม่ได้จริงหรือ แต่เขารังแกน้องหญิง…”

“เรื่องของน้องสาวเจ้า นับจากนี้ต่อไป ไม่อนุญาตให้เจ้าแทรกแซงอีก หนทางนี้นางเป็นคนเลือก นางต้องแบกรับทุกสิ่งเอาไว้เอง”

องค์หญิงเฉิงหยางพูดขัดบุตรชายด้วยความโมโห

แต่อย่างไรจ้งซูหาวก็ยังคงไม่เต็มใจนัก แต่ก็กลัวถูกฮ่องเต้ลงโทษ

คราวนี้เขาทั้งโกรธทั้งกลัว ดังนั้นจึงเปิดปากถาม “ข้าควรทำอย่างไร ทนมองน้องหญิงได้รับความไม่เป็นธรรมหรือ”

“บนโลกนี้มีผู้ใดไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมบ้าง ได้รับความไม่เป็นธรรมเพียงเล็กน้อยจะเป็นอันใด!” องค์หญิงเฉิงหยางโกรธอย่างมาก “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของน้องสาวเจ้า ข้าจะจัดการเอง เวลานี้เจ้าไปขอโทษที่จวนองค์ชาย ข้าจะส่งคนจับตาดูเจ้าเอาไว้”

จ้งซูหาวไม่ยอม เขาพูดเสียงเบา “เพิ่งตีเขา ผ่านไปชั่วพริบตาก็ต้องไปขอโทษ ช่างเสียเกียรติ”

“เกียรติของเจ้าสำคัญ หรือชีวิตสำคัญ หากเจ้าไม่ไปขอโทษก็ออกไป ข้าถือว่าไม่มีบุตรชายอย่างเจ้า”

จ้งซูหาวหวาดกลัวในทันที “ข้าจะไปขอโทษที่จวนองค์ชายบัดนี้!”

———————————————-