“ดูเขาบิดเอวที่เรียวของเขาสิ ไอ้เด็กใหม่คนนั้นเป็นตุ๊ดซี่อย่างนั้นเหรอ”

“ดูเขาสิ นายไม่คิดว่ามันตลกเหรอที่เขาเพิ่งจะมาเข้าร่วมกองทหารของเรากลางทางแบบนี้?”

“น่าจะเข้ามาได้เพราะมีเส้นสายอะดิ้! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย เขาจะลากมาตรฐานกองทัพของเราตกต่ำลง!”

คิ้วของฟางฮงขมวดเข้าหากันพร้อมสั่นศีรษะ “หลิงอ่าว คุณควรส่งเขากลับไปซะ เขาไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่!”

“หัวหน้าฟาง เหย่หลิงเฉินยังไม่ชินกับการฝึกแบบนี้เพราะมันเป็นการลองครั้งแรกของเขา เขาจะสามารถปรับตัวเข้ากับมันได้อย่างรวดเร็ว” หลิงอ่าวกล่าว

ฟางฮงมีสีหน้ามืดมน เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “กองทหารของผมไม่เหมาะกับคนที่จะต้องมาปรับตัว!”

“ในฐานะที่เป็นระดับฝึกฝน ทักษะของเหย่หลิงเฉินน่าจะผ่านได้” ฟางฮงเปลี่ยนน้ำเสียงของเขาอย่างมากในทันใด “แต่เขาควรถูกส่งไปที่ค่ายฝึกรากฐานของนักศิลปะการต่อสู้ก่อนแทนที่จะมาฝึกที่ฐานของผม! เขาขาดทักษะมากเกินไป การที่เขาอยู่ที่นี่มีแต่จะลากคนอื่นลงมาเท่านั้น! ผมไม่มีเวลาที่จะคอยให้คำแนะนำเขาหรอก!”

“แต่…” หลิงอ่าวกำลังจะพยายามโน้มน้าวใจต่อไป แต่ฟางฮงก็โบกมือให้เขา “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว คุณควรรู้ว่าเวลาการฝึกอบรมของพวกเขามีค่าเพียงใด ขืนเป็นเช่นนี้มันจะส่งผลต่ออนาคตของคนทั้งหมด คุณคงไม่อยากให้พวกเรารอเหย่หลิงเฉินเพียงคนเดียวใช่ไหม”

หลิงอ่าวถอนหายใจแล้วเงียบ

ในขณะนั้นเอง ในที่สุดเหย่หลิงเฉินก็จบหลักสูตรและเดินไปที่กลุ่มอย่างช้า ๆ

เนื่องจากไฟฟ้าช็อต ผมของเขาจึงตั้งตรง มีบางส่วนของเขาที่ไหม้เกรียม ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโคลนและใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น เขาดูไม่เรียบร้อยอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพที่น่าสงสารเช่นนี้ คนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง

“เฮ้ ไอ้แมงดา กลับไปซะ! ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับนาย!” นักศิลปะการต่อสู้ผิวคล้ำหัวเราะออกมาดัง ๆ

เหย่หลิงเฉินให้ความสนใจเขา เพราะเขาเป็นคนแรกที่จบหลักสูตรด้วยความเร็วสูง

นักศิลปะการต่อสู้ผิวคล้ำคนนี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีทักษะความสามารถดีที่สุดในกลุ่ม

“คุณควรกลับบ้านไปซะ” ฟางฮงบอกเหย่หลิงเฉินอย่างใจเย็น

หลังจากนั้น เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนอื่น ๆ “ฟังทางนี้! ต่อไปคือฐานการยิงปืน เข้าไปในสนามยิงปืนได้!”

‘อย่างที่คาดไว้ คนที่เข้ามาด้วยเส้นสายมักจะอยู่ได้ไม่นาน!‘

ทั้งกลุ่มก็ส่ายหัวเช่นกัน ต่อหน้าฟางฮงแล้วพวกมีเส้นสายนั้นไม่สำคัญอะไร

“เดี๋ยวก่อน!”

น่าแปลกที่เสียงตะโกนเพียงครั้งเดียวสามารถหยุดฝีเท้าของทุกคนได้

ฟางฮงจ้องไปที่เหย่หลิงเฉิน “ถ้าคุณคิดว่าจะขอร้องผมให้ตัวเองได้อยู่ต่อล่ะก็ ลืมมันไปซะเถอะ!”

“นี่เป็นครั้งแรกของผม ผมจึงยังไม่คุ้นชินกับการฝึกมาก หากเราทดสอบด่านนี้อีกผมจะเข้าเป็นที่หนึ่งให้ดู!” เหย่หลิงเฉินแลกเปลี่ยนสายตากับฟางฮงอย่างใจเย็น

“ไอ้เ*ย! นายจะเข้าเป็นคนแรก เป็นที่หนึ่งเรอะ? คิดว่าฉันจะปล่อยให้นายทำได้เหรอ?” นักศิลปะการต่อสู้ผิวคล้ำตะคอกใส่เขา

“ไร้สาระ! ไร้สาระที่สุด! นายเพิ่งลองครั้งเดียวและจะเข้าเป็นที่หนึ่งเนี่ยนะ?”

“ไอ้เด็กคนนี้นี่มันบ้าจริง ๆ มันบ้ามาก! ประสาท! ประสาทหลอนไปแล้ว!!”

ฟางฮงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็เริ่มหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้

“เด็กน้อย นี่เธอรู้ไหมว่าพวกเขาฝึกที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว” ฟางฮงมองไปที่เหย่หลิงเฉิน “พวกเขาแต่ละคนต้องผ่านการฝึกฝนเป็นเวลาห้าปีหรือมากกว่านี้ในสมาคมนักรบก่อนที่พวกเขาจะได้รับการฝึกอบรมที่นี่ นอกจากนี้ พวกเขาได้ทำการฝึกอบรมประเภทนี้มานานกว่าสามเดือนแล้ว เธอเป็นแค่เด็กฝึกใหม่ ได้คิดให้ดีก่อนที่จะพูดออกมารึเปล่า?”

เหย่หลิงเฉินพูดออกมาอย่างชัดเจนทีละคำ “ผม แตกต่าง จาก พวกเขา!”

“ไอ้เ*ยเอ้ย! เด็กนี่มันกำลังพยายามทำตัวแข็งกร้าวอวดดี!”

**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **

FB : June6 Translate นิยายแปลไทย

“เราต้องแสดงให้เขาเห็นว่าใครเป็นหัวหน้า ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งอวดดีแบบนี้!”

นักศิลปะการต่อสู้ผิวคล้ำเดินไปข้างหน้าออกจากรูปแบบ ทำความเคารพฟางฮงแล้วพูดออกมา “หัวหน้าครับ โปรดออกคำสั่งให้ผมแข่งขันกับเขาด้วย!”

ฟางฮงมองไปที่เหย่หลิงเฉินที่มั่นใจ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “อู่หยู่สำเร็จด่านนี้เป็นคนแรกทุกครั้ง ถ้าคุณสามารถเอาชนะเขาได้ ผมจะปล่อยให้คุณได้อยู่ต่อ”

อู๋หยู่ยิ้มแล้วจ้องไปที่เหย่หลิงฉิน “ไอ้น้อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งทะนงเหมือนนาย นายไม่สมควรที่จะแข่งขันกับฉันด้วยซ้ำ แต่ทัศนคติของนายนั้นเกินกว่าที่ฉันจะทนได้!”

เหย่หลิงเฉินเปลี่ยนท่าทางและมองไปทางหลิงอ่าว “พี่ใหญ่หลิง พี่ช่วยสอนเทคนิคของหลักสูตรด่านนี้ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”

หลิงอ่าวรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหย่หลิงเฉินผู้ซึ่งหยิ่งทะนงและหยิ่งผยองเมื่อสักครู่นี้จึงหันไปหาเขาเพื่อขอคำแนะนำ

คนที่เหลือก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

อู๋หยู่หัวเราะอย่างขุ่นเคือง “นี่ไอ้น้อง ขายขำอยู่เหรอ?”

“นี่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายเหรอ”

ใบหน้าของฟางฮงเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดจากความโกรธของเขา “นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาหลอกคนอื่น อย่าพยายามมาทดสอบความอดทนของผม!”

“ผมแค่ต้องการคำอธิบายง่าย ๆ ผมรับประกันว่ามันจะไม่ใช้เวลามากเกินไป” เหย่หลิงเฉินกล่าวแล้วหันไปมองหลิงอ่าว

หลิงอ่าวงงไปชั่วขณะแต่เขาก็ให้คำแนะนำกับเหย่หลิงเฉิน

“เมื่อนายปีนขึ้นไปบนเนินเขา ให้ลดขาลงเล็กน้อยแล้วเอียงเอวไปข้างหน้า นายต้องเรียนรู้วิธีติดตามโมเมนตัม แต่ละขั้นตอนคือการสร้างขึ้นสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ กระโดดลงจากที่สูงแล้วควรเริ่มปรับตัวและท่าทางในขณะที่อยู่กลางอากาศ…”

ในเวลาเดียวกัน ระดับความสามารถของเหย่หลิงเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

‘ได้รับคำแนะนำจากหลิงอ่าว ความเชี่ยวชาญด่านสนามสิ่งกีดขวาง +1‘

‘ได้รับคำแนะนำจากหลิงอ่าว ความเชี่ยวชาญด่านสนามสิ่งกีดขวาง +1‘

‘ได้รับคำแนะนำจากหลิงอ่าว ความเชี่ยวชาญด่านสนามสิ่งกีดขวาง +1‘

ห้านาทีต่อมา ความชำนาญหลักสูตรอุปสรรคปิดที่ 60 เปอร์เซ็นต์ ดูเหมือนว่าขีดจำกัดของหลิงอ่าวอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“เอาล่ะ เริ่มได้”

เหย่หลิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจัดทรงผมเหมือนกับซุปเปอร์ไซย่าและเดินอย่างมั่นใจไปยังจุดเริ่มต้น

‘นั่นสินะ… เสร็จแล้วเหรอ‘

พวกเขาเข้าใจสิ่งที่หลิงอ่าวอธิบาย อาจกล่าวได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของความรู้พื้นฐาน ไม่มีเทคนิคพิเศษใด ๆ เลย แต่ด้วยความมั่นใจของเหย่หลิงเฉินที่แสดงออกมานั้นกลับทำให้ทุกคนงงงัน

“นายจะเปลี่ยนอะไรได้บ้างในห้านาทีที่ผ่านมานี้” อู๋หยู่เยาะเย้ย ‘เด็กคนนี้ไม่มีวันเข้าใจอะไรได้แน่‘

“พร้อม…” ฟางฮงยืนตรงจุดและให้สัญญาณ “เริ่ม!”

ขณะที่เขาให้สัญญาณ เหย่หลิงเฉินและอู๋หยู่ต่างก็ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เคลื่อนไหว

“ไอ้น้อง ทำไมไม่ไปซะล่ะ” อู๋หยู่ถามด้วยความสงสัย

“ผมตั้งใจจะต่อให้คุณก่อน 5 นาที” เหย่หลิงเฉินโบกมืออย่างใจดี

“อะไร?!”

ดวงตาของอู๋หยู่เปิดกว้างตะลึงจากความตกใจ “ฉันก็ตั้งใจจะต่อให้นายเริ่มก่อน 5 นาทีเหมือนกัน!”

“โอ้ ได้โปรดอย่าต่อให้ผมเลย เพราะเมื่อผมเริ่มแล้ว คุณอาจจะเริ่มร้องไห้ก็ได้” เหย่หลิงเฉินตอบอย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูแย่มาก แต่ก็มีบรรยากาศที่เหนือกว่าในตัวเขา ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นปรมาจารย์

“ไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเป็นนักพล่ามในตำนานรึเปล่า?”

“เด็กคนนี้เป็นมือโปรในเรื่องพล่าม ถ้าไม่ใช่สำหรับการฝึกครั้งก่อนของเขา ฉันแทบอยากจะเชื่อเขาเลย!”

“รูปแบบที่ดีที่สุดของการโกหกคือต้องเชื่อก่อนว่าสิ่งที่โกหกนั้นเป็นเรื่องจริง และเด็กคนนี้ก็สามารถทำได้!”

ใบหน้าที่มืดมนของอู๋หยู่กลายเป็นสีเข้มขึ้น “ในเมื่อนายร้องขอความตายเอง อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดจบก็ยกเท้าพุ่งไปข้างหน้า!

เขารวดเร็วมาก กระสอบทรายบนตัวของเขานั้นไร้ค่า เขาวิ่งไปบนด่านต่าง ๆ ผ่านสิ่งกีดขวางโดยไม่หยุดพักราวกับว่าเขาอยู่บนพื้นราบ…