ตอนที่ 179 เรียกพ่อ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ในใจหลิงหลานมีคำตัดสินแล้วว่าจะไม่อาลัยอาวรณ์สถาบันลูกเสืออีกต่อไป ความคิดเธอเริ่มสนใจไปยังตัวมู่สุ่ยชิงคนที่ทำให้หลานลั่วเฟิ่งมารดาของเธอเคารพถึงที่สุด อีกฝ่ายเป็นเทพมาจากไหนกันแน่นะ? ได้ยินเสี่ยวซื่อบรรยายว่า เขาตำหนิแม้กระทั่งผู้อำนวยการของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือโดยไม่กังวลใจเลยสักนิดเดียว สถานะของเขาย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

เสี่ยวซื่อพูดพร่ำเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ อารมณ์เลยพลันดิ่งลง เขาเอ่ยด้วยใบหน้าอาลัยอาวรณ์ว่า “กลับคฤหาสน์แบบนี้จะพบพ่อยากมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

โลกที่ล็อกอินภายนอกจะเป็นโลกเสมือนที่แท้จริง หากต้องการจะหาด่านที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือซ่อนไว้จากในนั้น ต่อให้เสี่ยวซื่อค้นหาทั่วทุกที่ก็ต้องเสียแรงและเวลาเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นเลย

ไม่ได้บอกว่าเสี่ยวซื่อไม่สามารถฝ่าด่านได้ หากแต่โลกเสมือนจริงใหญ่มากเกินไป ด่านที่ถูกซ่อนไว้มากมายถูกเขามองข้ามได้ง่ายมากๆ ก็เหมือนกับโลกแห่งวายลึกลับที่เสี่ยวซื่อเข้าไปก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวซื่อบังเอิญเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจละก็ เกรงว่าเสี่ยวซื่อก็คงไม่รู้ว่าสถานที่ที่เหมือนกับจุดเชื่อมต่อแห่งอื่นๆ นั้นจะมีโลกเสมือนจริงซ่อนอยู่….

ด้วยเหตุนี้เอง เสี่ยวซื่อจึงกังวลอยู่บ้างว่า ถ้าหากเขาไม่สามารถหาด่านที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือซ่อนไว้ได้เร็วๆ ละก็ ไม่ใช่ว่าจะมีระยะเวลาช่วงหนึ่งที่เขาไปเยี่ยมพ่อไม่ได้หรอกเหรอ? ควรรู้ไว้ว่า ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ขอเพียงเสี่ยวซื่อมีเวลาว่างก็จะวิ่งไปที่มิติมรดกของหลิงเซียว บางครั้งถึงขนาดสามสี่ครั้งต่อวันได้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะกลัวพลังจิตมหาศาลของหลิงเซียวมาก ไม่กล้าพูดคุยสัมผัสกับหลิงเซียวโดยตรง แต่ขอเพียงเสี่ยวซื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของหลิงเซียว เขาก็จะอารมณ์ดียิ่งยวด…

หลิงหลานสงสัยลึกๆ ต่อการแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติเช่นนี้ของเสี่ยวซื่อ ถึงเวลาที่เสี่ยวซื่อของเธอเติบโตจนต้องการความรักของพ่อแล้วใช่หรือเปล่า? แน่นอนว่าการคาดเดาของเธอได้รับการโต้แย้งอย่างรุนแรงของเสี่ยวซื่อ….เพียงแต่ผิวหนังรอบๆ หูของเสี่ยวซื่อเกิดปรากฏการณ์แดงก่ำสุดขีดอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลิงหลานตระหนักได้ทันทีว่าอะไรคือปากไม่ตรงกับใจ

คำพูดประโยคนี้ของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานเงียบตามไป ความรู้สึกของหลิงหลานที่มีต่อหลิงเซียวซับซ้อนอย่างยิ่งยวด หลิงเซียวไม่เคยปรากฏตัวในประวัติการเติบโตของเธอ ถึงแม้หลานลั่วเฟิ่งจะพูดถึงคุณูปการอันทรงเกียรติของหลิงเซียวข้างหูเธอบ่อยๆ พยายามปั้นคุณพ่อที่สมบูรณ์แบบขึ้นในใจของหลิงหลาน แต่ถึงยังไงหลิงหลานก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริง เธอที่มีสติปัญญาของผู้ใหญ่ไม่สามารถเห็นผู้ชายที่ไม่เคยเจอหน้าและได้ยินเพียงแค่ชื่อเป็นพ่อที่แท้จริงเพราะคำพูดและการกระทำเหล่านี้ของหลานลั่วเฟิ่งได้

ดังนั้นหลิงเซียวจึงเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยมากที่สุดในใจหลิงหลานมาตลอด! ก็เหมือนกับบุคคลที่อยู่บนภาพวาด ถึงแม้ว่าจะสมบูรณ์แบบแต่ก็เลื่อนลอยไม่สมจริง

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้กลับพังทลายเนื่องจากเธอเข้าไปในมิติมรดกของหลิงเซียวโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ว่าหลิงเซียวในมิติมรดกจะเป็นร่างจิต แต่ถึงยังไงก็เป็นการสะท้อนนิสัยที่แท้จริงของหลิงเซียว น้ำเสียงการตอบโต้ข้างในคือบทสนทนาในจินตนาการที่หลิงเซียวทิ้งไว้ก่อนหน้าที่หลิงหลานจะเกิด หลิงหลานสัมผัสได้ถึงความรักอันลึกซึ้งของหลิงเซียวที่มีต่อลูกตัวเองจากในนั้น….

หลิงเซียวเป็นพ่อที่อ่อนโยนแน่นอน เขายินดีมอบความเชื่อมั่นให้กับลูกตัวเอง ให้ความรักทะนุถนอมที่มากมายและอบอุ่นที่สุดในตอนที่ลูกต้องการ….หลิงหลานสามารถรับรู้ได้ทั้งหมดจากการพูดคุยติดต่อกันจนเธอรู้สึกสะเทือนใจ

หลิงหลานยังจำได้ว่า ตอนที่พวกเขาสองคนเจอหน้ากันครั้งแรกในมิติมรดก สุดท้ายหลิงเซียวเคยถามหลิงหลานว่าเรียกเขาว่าพ่อได้หรือเปล่า…คำขอนี้ถูกหลิงหลานเมินมาตลอด เพราะว่าตอนนั้นหลิงหลานไม่สามารถเห็นผู้ชายที่แปลกหน้าและยังหนุ่มอย่างไม่เข้าท่าเป็นพ่อของตัวเองได้จริงๆ

แต่หลายปีที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน หลิงหลานเข้าไปที่มิติมรดกเพื่อรับการชี้แนะของหลิงเซียวอยู่บ่อยๆ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับหลิงเซียว ได้สัมผัสถึงความคาดหวังและการอบรมสั่งสอนของพ่อที่มีต่อลูก นี่ทำให้หลิงหลานไม่สามารถเมินความรักและการทุ่มเทของหลิงเซียวได้อีกเช่นกัน….

หลิงหลานพูดพึมพำว่า “ใช่แล้ว ต้องหาโอกาสไปเจอเขาสักครั้ง!” คราวนี้เธอจะเรียกเขาว่าพ่อ! หลิงเซียวเมื่อสิบสามปีก่อนคือคนที่เวลานั้นต้องการทำตัวเป็นพ่อที่เหมาะสมกับตำแหน่งด้วยใจจริง

คำพูดของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อกลับมามีชีวิตชีวาในพริบตา เขากล่าวด้วยอารมณ์ตื่นเต้นว่า “เอาล่ะ ทุกอย่างก็มอบให้ฉันจัดการเถอะ” ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในแคปซูลรักษา ดูเหมือนว่าไม่สามารถเข้าไปในโลกเสมือนจริงได้ แต่เขาคือใคร? เขาคือเทพเสี่ยวซื่อแห่งโลกเสมือนจริงที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้นะ ขอเพียงมีเส้นทางติดต่อกับโลกเสมือนจริง เขาก็สามารถเชื่อมต่อได้…ไอ้หยา ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ เขาเสียเวลาไปหลายวันขนาดนี้เพื่อรอให้ลูกพี่ตื่นขึ้นมา

โฮๆๆ พ่อ เสี่ยวซื่อไม่ได้เจอหน้าพ่อมาเกือบสิบวันแล้ว คิดถึงพ่อจังเลย! เสี่ยวซื่อคิดถึงกลิ่นอายอบอุ่นของพ่อหลิงเซียวอย่างหาใดเปรียบ นั่นคือกลิ่นอายของพ่อสินะ

หลิงหลานถูกเสี่ยวซื่อพาเข้าไปในโลกเสมือนจริงภายใต้การช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ล็อกอินอย่างเป็นทางการ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงอยู่ในสภาพประชากรแอบแฝงไม่มีสถานะตัวตน เสี่ยวซื่อลงมือทำการปกปิดรูปลักษณ์ของพวกเขาและซ่อนตัวเข้าไปในมิติมรดกของหลิงเซียวทันที

พวกเขาทั้งสองเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิงอย่างชินทาง เมื่อเปิดประตูห้องหนังสือก็เห็นหลิงเซียวที่ได้ยินเสียงเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นว่า “หลิงหลาน ลูกมาแล้ว…” ก็เหมือนกับพ่อที่มีนิสัยอดทนดีเยี่ยมสุดๆ กำลังรอคอยให้ลูกที่มีนิสัยดื้อของตัวเองกลับบ้านหลังจากที่เล่นพอแล้วด้วยความอดทนอย่างหาใดเปรียบ…

หลิงหลานถึงขนาดเกิดภาพลวงตาว่า หลิงเซียวนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือเหงาๆ คนเดียวในวันที่เธอไม่ได้เข้ามาหรือเปล่า รอคอยมาเป็นวันเวลานับไม่ถ้วนเพื่อรอช่วงเวลาที่เธอเปิดประตูห้อง?

หลิงหลานเจ็บปวดใจ ริมฝีปากสั่นระริก ในที่สุดทั้งสองคำก็หลุดออกมาจากปาก “พ่อ!” ถึงแม้ว่าเสียงนี้จะเบาสุดขีด แต่กลับดังชัดเจนภายในห้องหนังสือที่เงียบเชียบกว้างโล่ง

หลิงเซียวที่เดิมทียิ้มพลางนั่งตัวตรงสง่างามอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือได้ยินคำเรียกขานของหลิงหลานก็ลุกขึ้นมาทันที เนื่องจากเคลื่อนไหวมากเกินไป ทำให้โต๊ะหนังสือสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง หนังสือหลายเล่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโต๊ะหนังสือร่วงลงพื้นโดยพลัน ตอนนี้หลิงเซียวไม่มีเวลามาคำนึงเรื่องพวกนี้แล้ว เขาเอ่ยด้วยใบหน้าตื่นเต้นว่า “หลิงหลาน เมื่อตะกี้นี้ลูก…เรียกพ่อว่าอะไรนะ?”

หลิงหลานเห็นมือขวาของหลิงเซียวที่ห้อยลงต่ำกำหมัดแน่นทันที ในแววตามีความประหลาดใจแกมยินดี ดูกระสับกระส่าย และมีร่องรอยความหวาดกลัวที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้ หลิงหลานนึกไม่ถึงอย่างยิ่งว่าหลิงเซียว ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่เป็นอาวุธสุดยอดของสหพันธรัฐ ผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของมวลมนุษย์ตรงหน้านี้ก็มีช่วงเวลาที่หวาดกลัวเหมือนกัน…และความกลัวของเขาคือ ลูกของเขาจะไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ

เมื่อเห็นหลิงเซียวเป็นแบบนี้ ในใจหลิงหลานปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ บอกไม่ได้ว่าเป็นความยินดีหรือว่าความโศกเศร้า ทว่ากระบอกตากลับปวดร้าว…ก่อนหน้าที่หลิงเซียวจะตาย ตอนนั้นเขาจะกลัวแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า กลัวว่าเธอที่ไม่มีพ่อนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสุดท้ายจะไม่อยากยอมรับพ่อคนนี้หรือเปล่า?

“พ่อ!” การเรียกครั้งแรกยากมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากที่เรียกออกมาแล้วจริงๆ การเรียกครั้งต่อมาก็ง่ายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คำว่าพ่อที่หลิงหลานเรียกครั้งนี้ดูคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงและก็ก้องกังวาลกว่าการเรียกครั้งแรกมากนัก

“ฮื่อ!” หลิงเซียวตอบกลับเสียงหนักๆ ใบหน้าที่เดิมทีเคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลงมาและระบายยิ้มกว้าง ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าทำให้คนไม่สามารถสบตาตรงๆ ได้ ต่อให้เป็นหลิงหลานที่เห็นชายงามจนชินก็รู้สึกว่าดวงตาพร่ามัวตะลึงงันไปในพริบตาเช่นกัน

เสี่ยวซื่อที่อยู่ด้านข้างน้ำลายหกโดยไม่รู้ตัวและอุทานด้วยความตะลึงว่า “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่า ลูกพี่เหมือนใคร…” เขายังจำตอนที่ลูกพี่อายุหกขวบได้ รอยยิ้มเดียวก็สามารถดูดวิญญาณผู้คนได้ ตอนนั้นเขายังงุนงงอยู่ว่าลูกพี่มีความสามารถนี้ได้ยังไง ที่แท้ก็ถ่ายทอดมาจากคุณพ่อของตัวเอง

คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานได้สติขึ้นมาทันใด เธออดถลึงตาใส่เสี่ยวซื่ออย่างดุดันไม่ได้ เสี่ยวซื่อจอมโง่เง่าพูดจาไร้สาระอะไรออกมา? เธอเป็นลูกของหลิงเซียว นอกจากนี้โบราณว่าไว้ไม่ใช่เหรอว่าลูกสาวเหมือนพ่อ? เธอเหมือนหลิงเซียว นั่นก็เป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้ว

หลิงเซียวอารมณ์ดีสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อก่อนเขารอคอยหลิงหลานเอ่ยปากมาตลอด แต่ครั้งนี้เขาเอ่ยถามออกมาเองว่า “หลิงหลาน ลูกพ่อ ลูกมาคราวนี้ต้องการให้พ่อแก้ไขข้อสงสัยอะไรให้ลูกล่ะ?”

หลิงหลานส่ายศีรษะกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มี เพียงแต่ผมมาบอกพ่อว่า มีความไปได้สูงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเราจะไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้”

หลิงเซียวได้ยินคำพูดก็ตกใจ “เพราอะไร?”

หลิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่นว่า “ผมต้องกลับคฤหาสน์ ที่นั่นไม่มีอุปกรณ์ล็อกอินที่ล็อกอินเข้าสู่มิติเสมือนจริงของสถาบันลูกเสือโดยเฉพาะ ถ้าคิดจะเข้ามา ก็ยุ่งยากอยู่บ้าง”

สีหน้าตื่นเต้นยินดีแต่เดิมของหลิงเซียวค่อยๆ หายไป แววตาของเขาฉายแววโศกเศร้าออกมาวูบหนึ่ง เพราะว่ามันแวบผ่านรวดเร็วมากเกินไป หลิงหลานที่จมอยู่ในอารมณ์ของตัวเองไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้เลย

หลิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า “ลูกจะไปประมาณเมื่อไหร่?”

หลิงหลานลอบประเมินเวลารักษาอาการบาดเจ็บของร่างกายตัวเอง “อย่างเร็วสุดคือหนึ่งเดือนให้หลัง” หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ต่อให้อาการบาดเจ็บภายในของร่างกายยังไม่หายดี แต่เธอก็ควรจะออกมาจากในแคปซูลรักษาได้แล้ว

“ถ้างั้นหนึ่งเดือนนี้ พยายามเอาเวลามาที่นี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” หลิงเซียวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาที่ไม่มีรอยยิ้มก็เผยพลังไร้รูปออกมาจางๆ ทำให้ในใจหลิงหลานรู้สึกถึงแรงกดดันทันที

“ได้ครับ พ่อ!” หลิงหลานยืนตัวตรงตอบตามจิตใต้สำนึก

หลิงเซียวมองหลิงหลานแวบหนึ่งด้วยสายตาลึกซึ้ง คล้ายกับอยากจะจดจำรูปร่างหน้าตาของหลิงหลานเอาไว้ให้ขึ้นใจ หลิงหลานที่อยู่ในสายตาจดจ่อของหลิงเซียวรู้สึกว่าฝ่ามือหลั่งเหงื่อออกมาด้วยความตึงเครียด หลิงเซียวเหมือนกับสัมผัสได้ถึงความเครียดและไม่สบายตัวของหลิงหลาน รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างเงียบเชียบ รอยยิ้มนี้ทำให้พลังที่กดดันทั้งหมดของหลิงเซียวหายไปโดยสิ้นเชิง หลิงหลานรู้สึกได้ว่าพลังหนักหน่วงไร้รูปหายไปทันใด จากนั้นทั่วทั้งร่างเธอก็ผ่อนคลายลงฉับพลัน

“เล่าเรื่องแม่ของลูกให้พ่อฟังทีสิ เธอสบายดีไหม?” หลิงเซียวถามถึงหลานลั่วเฟิ่ง ทั่วทั้งร่างเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนสุดขีด ความรักที่ไม่ได้ปกปิดเลยสักนิดในแววตาเขาแทบจะคั้นน้ำออกมาได้[1]

เมื่อเห็นหลิงเซียวแบบนี้ ในใจหลิงหลานก็อดผุดบทกลอนโบราณขึ้นมาประโยคหนึ่งไม่ได้ ‘ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลอมไฟร้อยครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นด้ายอ่อนพันรอบนิ้วมือ[2]’ เมื่อชายคนหนึ่งหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริง ต่อให้แข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ยินดีกลายเป็นด้ายอ่อนพันรอบนิ้วมือ…

ในใจหลิงหลานเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมารางๆ อีกครั้ง ถ้าหากหลิงเซียวไม่ตาย เขากับหลานลั่วเฟิ่งจะต้องเป็นคู่รักเทพเซียนแน่นอน แต่ว่าสวรรค์ก็โหดร้าย ไม่อยากเห็นจุดจบที่สมบูรณ์ ต้องการทิ้งความเสียใจไว้ แบบนี้ถึงจะนับว่าเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่มีวันลืม

หลิงหลานค่อยๆ บรรยายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของหลานลั่วเฟิ่งในสิบสามปีมานี้ เล่าถึงความอ่อนโยนของเธอ ความรักใคร่ของเธอ เล่าถึงความปลิ้นปล้อนใจแคบของเธอ เล่าถึงการพูดพร่ำโดยไม่เบื่อหน่ายของเธอ และก็เอ่ยถึงคำพูดบรรยายมากมายของเธอรวมไปถึงสามีที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในใจเธอ…

หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้ ก็เห็นความเจ็บปวดฉายวาบขึ้นมาในแววตาของหลิงเซียว รวมไปถึงความเสียใจรางๆ ถึงขนาดที่มีร่องรอยความงุนงงอยู่ด้วย

ทั้งสองคนหนึ่งนั่ง หนึ่งยืนคุยเล่นกันมาครึ่งค่อนวันแบบนี้เอง หลิงหลานค่อยพบว่าความจริงแล้วในมิติมรดกก็มีแบ่งกลางวันกลางคืนเหมือนกัน ทัศนวิสัยในห้องหนังสือค่อยๆ มืดลง พระอาทิตย์ด้านนอกค่อยๆ ลับดวงไปทางทิศตะวันตก

………………………………………………………

[1] หมายถึง อ่อนโยนและไร้เดียงสา

[2] เปรียบว่าชายชาตรีที่แกร่งกล้า สุดท้ายก็ถูกคนให้อ่อนแอจนไร้หนทางต่อต้าน