ตอนที่ 137 สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ 3

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

“เป็นไปได้ยังไง?!” ผู้อาวุโสโทรปโลปเขวี้ยงไม้เท้าลงกับพื้นอย่างโกรธจัด ยาตัวนี้ต่างกับยาทั่วไปตัวอื่น ยาส่วนใหญ่จะถูกใช้เพื่อซ่อมแซมและรักษาเท่านั้น แต่ยาตัวนี้กลับเป็นยาตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้เพิ่มพละกำลัง ถ้ายาตัวนี้ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อไหร่ เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าราชวงศ์จะจองหองขนาดไหนเมื่อพวกเขามียาตัวนี้อยู่ในกำมือ

พวกเขาจะโจมตีผู้ดีเก่าที่เหลืออย่างแน่นอน…!

แล้วจะทำอย่างไรได้?

ในชั่วข้ามคืนผู้อาวุโสโทรปโลปจัดประชุมและเปลี่ยนบทสนทนาทางวิดีโอกับผู้อาวุโสคนอื่นที่มีสิทธิ์ครอบครองสมุนไพรพลังงานเช่นนี้

“ทุกท่านบอกผมทีว่าจะต้องทำยังไง”

ผู้อาวุโทรปโลปพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสิบพูดขึ้น ขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ทำลายมันทิ้งซะ”

“ทำลายทิ้ง?!” พืชที่มีสายพันธุ์พิเศษอย่างนั้นจะถูกทำลายทิ้งอย่างนั้นหรือ? มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอ?

“ทำไม พวกท่านจะปล่อยให้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นฆ่าพวกเราเหรอ?” พอลลี่ ลอรี่เยอะเย้ย พลางหมุนแหวนที่อยู่บนนิ้วมือ “อย่าลืมเหตุผลหลักที่พวกเราต้องทำแบบนั้นก็เพราะว่ายาที่อยู่ในกำมือของพวกเรามันใช้ทดแทนกันไม่ได้ ถ้าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดตัวเมื่อไหร่ พวกท่านลองจินตนาการดูได้เลย”

ยาของพวกเขาจะไม่เป็นหนึ่งเดียวอีกต่อไป จักรวรรดิจะเลือกสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์แทนยาของพวกเขา และจากนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งของตนเองได้อีก

“ผมเห็นด้วย”

“ผมก็เห็นด้วย”

……

ในไม่ช้า พวกเขาจำนวนสองในสามก็ตกลงกันเสร็จสรรพ ส่วนคนที่เหลือก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะพวกเขาเพียงต้องการแค่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาทิ เอาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ในกำมือของพวกเขาแทน

“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่? ฝันเฟื่องอยู่หรือไง? ราชวงศ์ไปมาหาสู่กันง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?” พอลลี่ ลอรี่เยาะเย้ย “พวกท่านคิดว่าตัวเองมีความสามารถแล้วคนอื่นโง่เขลาสินะ? พักเรื่องเพ้อฝันไว้เท่านี้เถอะ ลองคิดดูและลองมองดูความจริงบ้างเสียที”

“แล้วตอนนี้พวกเราควรทำยังไงล่ะ?” ชนชั้นสูงอีกคนพูดขึ้น “สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นบนดาวเคราะห์หยวนเจีย พวกเขาจะทำลายมันทิ้งได้ยังไง?”

“สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ถูกดูแลอย่างใกล้ชิด ปัญหาคือพวกเราจะเข้าใกล้มันได้ยังไง”

สิ่งนี้เป็นปัญหา แต่กลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวงนัก

“หลังจากผ่านไปหลายปี ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกท่านไม่ได้วางกำลังแทรกแซงกองทัพต่าง ๆ งั้นหรือ? ผมคิดว่าถ้าพวกท่านสังเกตอย่างถี่ถ้วนก็จะเห็นตำแหน่งที่แน่นอนของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ได้ จากนั้นท่านก็แค่โรยยาพิษในขวดนี้ลงไปที่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น แล้วมันจะไม่งอกขึ้นมาอีก”

การก่อกบฏครั้งนี้ช่างร้ายแรงนัก

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดและเร่งด่วนที่สุดเช่นกัน

สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เพิ่มระดับพลังงานที่เธอเพิ่งค้นพบนั้นกำลังถูกกลุ่มคนบางพวกต่อต้าน ถึงขนาดสติฟั่นเฟือนจนอยากทำอะไรบ้า ๆ

เบื้องหลัง บางคนที่แฝงตัวมานานนับปีได้รับข้อความจากกองกำลังต่อต้าน ข้อความดังกล่าวสั่งให้พวกเขาไปค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และทำลายล้างมันให้สิ้นซาก

สารพิษที่ใช้สำหรับการทำลายล้างพืชชนิดนั้นจะถูกส่งผ่านยานอวกาศลำเลียงอาหารในลำล่าสุด

ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายชัดเจน และสามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่มีดวงตาโตและคิ้วหนาย่อมเป็นสายลับที่แฝงตัวมา พวกเขาทั้งหลายเก็บอาการตื่นตระหนกของตนเอง และพูดขึ้นว่า “เฮ้ พี่ชาย ตอนที่ฉันพูดว่านายดูเหมือนคนไม่ดี ตอนนั้นฉันก็ไม่คิดว่านายจะเป็นคนไม่ดีจริง ๆ”

“เช่นกัน”

ทุกคนไม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่งที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากพวกเขา ยังคงไร้เดียงสา และรอคอยอาหารจากองค์หญิงสาม

ตามจริงแล้ว การเป็นสายลับไม่ใช่เรื่องที่สบายใจนัก แต่พวกเขาไม่มีหนทางอื่น หากตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย นกสองหัวอย่างพวกเขาคงแย่แน่ พวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป แต่สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดคือความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว

ดังนั้นต้องขออภัยด้วยนะครับ…องค์หญิงสาม

เนื่องจากมีการป่าวประกาศเกี่ยวกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ ไม่นานนัก นักวิจัยยาและกองทัพทหารทั้งหลายก็เดินทางมาถึงดาวเคราะห์หยวนเจีย และนั่นยิ่งทำให้สายลับทั้งหลายรู้สึกวิตกกังวล พวกเขารู้ดีว่าถ้าพวกเขาไม่รีบลงมือตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสลงมืออีกในภายภาคหน้า

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงเวลาพักผ่อน สวี่หลิงอวิ๋นก็รีบวิ่งไปยังพื้นที่ที่เธอค้นพบสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ ขุดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออกมา และเอาพวกมันใส่เข้าไปในปุ่มมิติกับเก็บของตนเอง

“ดีจังเลยนะ” สวี่หลิงอวิ๋นรับรู้ได้ว่าการได้ครอบครองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเพิ่มระดับพลังงานนั้นรู้สึกดีอย่างไร แค่เธอมองดูสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของเธอ เธอก็รับรู้ได้ถึงพลังงานที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างตื่นตัว เสียงเรียกร้องอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากภายในร่างกายว่า รีบให้ฉันดูดซับของสิ่งนี้สักที!

“ฝังมันลงไปซะ!” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกวิตกกังวล และวางเครื่องมือตรวจจับไว้ด้านข้าง หากมีใครสักคนเดินผ่านมา เขาคงเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที ต้องไม่ให้ใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำสิ่งไม่ดีอยู่

ไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นนักวิจัยยาจากทางราชวงศ์คงจะเข้ามายึดครองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พวกนี้อย่างแน่นอน ถึงแม้หญิงสาวจะบอกว่าเธออยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่พวกเขากลับบอกว่าภาพลักษณ์องค์หญิงสามของเธอดูไม่ดี

นักวิจัยยาทั้งหลายปฏิบัติต่อสมุนไพรพวกนั้นอย่างกับของรักของหวง ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ! แต่เธอไม่ได้รายงานพวกเขาว่ามีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณนี้ด้วย เพียงแต่เก็บซ่อนมันไว้เป็นความลับคนเดียว

“เฮ้อ ฉันคิดว่าตัวเองจะได้นั่งนอนรอรับทรัพย์สมบัติไปตลอดชีวิตซะอีก แต่สุดท้ายกลับได้เหรียญตราแค่นั้นเหรอ? หลังจากทำการซื้อขายยาที่ทำจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ไปแล้ว ราคามันจะตกลงสิบถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์อีกใช่ไหม? พระเจ้า! นี่มันเป็นข้อบัญญัติอมตะอะไรกัน?!”

สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวและวิพากษ์วิจารณ์ ปากของเธอยังคงพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ในขณะเดียวกัน สายลับที่อยู่อีกฝั่งกำลังเริ่มลงมือ

“อยู่นี่เหรอ?” ร่างสีดำชี้นิ้วและเอ่ยปากถามบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

“ใช่!” คนข้างหลังพยักหน้าเงียบ ๆ

ด้านหลังฐานทัพคือแหล่งต้นกำเนิดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่ที่สุด

ชายชุดดำมองขวดที่อยู่ในมือ ขณะที่ร่างทั้งร่างของเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด หากที่นี่มีการเฝ้าระวัง คนพวกนั้นอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นเขาได้ เพราะเขามีริ้วลายขนานกับสีของท้องฟ้ายามค่ำคืน ไม่สามารถมองเห็นได้ชัด

หากคนข้างหลังไม่ได้พรางตัวเหมือนกับเขา แล้วใครจะสามารถรับรู้การมีอยู่ของกันและกันได้?

“มันเป็นสายพันธุ์วิเศษจริง ๆ ด้วย น่าเสียดาย แกไม่น่าปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้เลย” ชายในชุดดำรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าพืชสายพันธุ์วิเศษแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ในประเภทไหน และจะมีนักรบกี่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เพราะมัน

ทว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก นอกจากดำเนินการตามคำสั่ง เมื่อพวกเขาหมุนฝาเกลียวและเทลงไป สวี่หลิงอวิ๋นก็ฮัมเพลงขึ้นมา

มือของชายชุดดำหยุดชะงัก และคนที่อยู่ข้างหลังก็หยุดชะงักเช่นกัน ไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว

สวี่หลิงอวิ๋นยังไม่ได้ปิดเครื่องตรวจจับในมือของเธอ และเมื่อเธอเดินลงไปยังฐานทัพ เครื่องตรวจจับในมือของเธอก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันต้องการจะเตือนเธอว่ามีใครบางคนอยู่ที่นี่

“ใคร?!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกไปอย่างระวังตัว เธอแปรสภาพพลังดวงดาวให้กลายเป็นกริชและกำมันไว้ในฝ่ามือจนแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ฐานทัพ

ชายชุดดำเดินย่องเข้ามาใกล้มากขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะมั่นใจในทักษะการพรางตัวของพวกเขา แต่ก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ดี

“ฉันรู้ว่าพวกแกมาที่นี่ทำไม” เสียงฝีเท้าของสวี่หลิงอวิ๋นเร็วขึ้น และเครื่องตรวจจับในมือของเธอก็ยิ่งส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ