“ฝ่าบาท พระองค์จะไม่ฆ่าข้า?”

ฉู่ต้าเหว่ย กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

“ฆ่าเจ้า เพราะอะไรล่ะ?”

ลู่เฟิง ยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวถาม”มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องฆ่าเจ้างั้นหรือ?”

ฉู่ต้าเหว่ย ถึงกับผงะและยิ้มอย่างบิดเบี้ยว

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการทหาร 300,000 นาย ภายใต้ลู่เว่ย แต่เขาก็เป็นคนมีความสามารถที่ไต่เต้าตนเองจนได้เป็นแม่ทัพ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับ เกาชุน,เหลียนป๋อ ลิโป้ ที่มีข่าวลือในทางที่ดีมากมาย ยังไม่รวมถึง เมิ่งเถียน

และ เตียวเลี้ยว คนเหล่านี้ล้วนมีความสามารถมากกว่าตนเองด้วยกันทั้งสิ้น

ดังนั้นเขาจึงสงสัยภายใต้การรับใช้ของคนเหล่านี้ ฝ่าบาทยังคงต้องการอะไรจากเขา?

“เอาล่ะ พูดทางเลือกของเจ้ามา!”ลู่เฟิง มองไปที่อีกฝ่าย

ฉู่ต้าเหว่ย ได้สูดลมหายใจเข้าลึก และตอบกลับ”ฝ่าบาท ข้าน้อย ฉู่ต้าเหว่ย ร่ำเรียนวรยุทธ์ และ รู้เรื่องการจัดการกองทัพเพียงเท่านั้น เกี่ยวกับการปลูกข้าวดำนา นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าน้อยถนัด ดังนั้นข้าน้อยยินดีจะรับใช้ฝ่าบาท!”

“ดีมาก!”

ลู่เฟิง ได้หัวเราะออกมา”เข้ามานี่!”

“ข้าน้อยอยู่นี่พะยะค่ะ!”ซุนฮก ได้เดินเข้ามา

“พาแม่ทัพ ฉู่ไปหา แม่ทัพเกาชุน ก่อนอื่นให้เขาทำงานภายใต้อีกฝ่ายและทดสอบความสามารถของเขา!”ลู่เฟิงตอบกลับ

เมื่อฉู่ต้าเหว่ยได้ยินดังนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ยังดีกว่ามาก

มันเป็นสัญชาตญาณของเขา

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้

เพราะถ้าเขายอมแพ้เขาจะได้รับความไว้วางใจได้อย่างไร?

ซุนฮก พา ฉู่ต้าเหว่ย ไปหา เกาชุน

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เจี๋ยสวี่ ก็มาพร้อมกับรายงานสนามรบ

“ฝ่าบาท เราจับทหารได้เกือบ 750,000 คน ตัดศีรษะไป 50,000 คน และ ได้รับบาดเจ็บธรรมดาและสาหัสอีก 50,000 คน กองทัพของพวกเราสูญเสียทหารม้าเพียงแค่ 1,000 นาย และ ทหารราบสามคน”

“ฝ่าบาทพวกเราได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในศึกครั้งนี้พะยะค่ะ!”

เจี๋ยสวี่ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

โดยเฉพาะการได้รับทหาร 750,000 นาย คนเหล่านี้ เพียงต้องการฝึกฝนเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยก็จะสามารถกลายเป็นทหารราบชั้นยอดได้ไม่ยาก

หากพวกเขาไม่ได้ทำให้พวกของ เว่ยฮง ตีกับ ฉู่ต้าเหว่ย และ กองกำลังของอีกฝ่าย บุกเมืองงูหยกทางตอนใต้ เรื่องนี้จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้อย่างแน่นอน

เพราะคนเหล่านี้มีกำลังพลอย่างมาก

ลู่เฟิง ได้แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา กองทัพ 750,000 นาย จะถูกส่งมอบให้กับเกาชุน และ คงต้องใช้เวลาเพื่อฝึกฝนให้คนเหล่านี้กลายเป็นทหารชั้นยอด

“ส่งคำสั่งให้เกาชุนหาทางฝึกทหารเหล่านี้ให้กลายเป็นทหารชั้นยอด และ สั่งให้ แม่ทัพเหลียนป๋อ นำกองกำลัง 300,000 นาย มุ่งหน้าไปที่ เมืองฉิวซานก่อนโดยเร็วที่สุด อย่าลืมกำชับว่าจะต้องหาทางเอาชนะ เมืองฉิวซานให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น!”

หลังจากหยุดชั่วครู่เขาก็กล่าวต่อ”ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงในไม่ช้า กองทัพจะล่าช้าไม่ได้ไม่งั้นจะส่งผลกับเมล็ดพืชและหญ้า!”

ซุนฮก เคยบอกกับ ลู่เฟิง เมื่อนานมาแล้วว่า อาณาจักร นี้ ขาดแขลานอาหารและหญ้า มันจะยากมากหากทำสงครามโดยมีปัญหากับสิ่งเหล่านี้

“ข้าน้อยมีแผนการจะทำลายเมืองฉิวซานในระยะเวลาอันสั้น!”เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ

“โอ้,เหวินเหอ เจ้ามีแผนอะไรงั้นหรือ?”ลู่เฟิงกล่าวถามทันที

“ฝ่าบาทตามข่าวที่ได้รับจาก จินยี่เหว่ย ที่ว่ามีทหารอยู่ที่เมือง 1.2 ล้าน คน นั้นไม่เป็นความจริง นั้นเป็นเพราะการรุกรานจากอาณาจักร หงเปา ทำให้ กองกำลังที่มีในเมืองนั้นมีอยู่จริงประมาณ 400,000 นาย!”

“พวกเราจะให้แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อล่องไปตามแม่น้ำงูหยกและขึ้นฝั่งของแม่น้ำงูหยกจากนั้นก็ให้บุกตีเมืองเสี่ยวหลิงตู่ ที่นั่นมีกองทัพประจำการประมาณ 600,000 นาย ดังนั้นตอนนี้ เมืองฉิวซานจึงเหลือกองทัพประมาณ 200,000 นายเพียงเท่านั้น”

“เรามอบหมายหน้าที่ให้แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อนำทหารชั้นยอดหนึ่งแสนนายไปถ่วงเวลาเมืองเสี่ยวหลิงตู่เอาไว้ ไม่จำเป็นจะต้องตีเมืองเสี่ยวหลิงตู่ให้แตก เพียงซื้อเวลาให้กองทัพของฝ่าบาทมุ่งหน้าไปยึดครองเมืองฉิวซานได้ก็พอ!”

เจี๋ยสวี่ ได้ระบุแผนการของเขา

ลู่เฟิงได้พยักหน้าทันที”เข้าใจแล้ว เช่นนั้น เหวินเหอ เจ้าสั่งการให้แม่ทัพเหลียนป๋อนำกองกำลังทหาร 100,000 นายมุ่งหน้าไปก่อนเลย!”

“เข้ามานี่!”

“ขอรับ!”

“ไปตามแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อมา!”

“ขอรับ!”

หลังจากนั้นไม่นาน เหลียนป๋อ ก็เดินทางมาถึง ลู่เฟิง บอกให้ เหลียนป๋อ ไปฟังแผนการจาก เจี๋ยสวี่

หลังจากได้ยินคำสั่ง เหลียนป๋อ ก็ตอบรับทันที

เขาได้นำทหารชั้นยอดหลายแสนนายขึ้นเรือและมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเสี่ยวหลิงตู่และซื้อเวลาให้กับกองทัพแนวหน้าของลู่เฟิง เพื่อโจมตี เมืองฉิวซาน

หลังจาก เหลียนป๋อจากไป ลู่เฟิง ก็มองไปที่ เจี๋ยสวี่”เหวินเหอ เจ้าคิดว่าข้าจะนำทัพร่วมศึกครั้งนี้ได้กี่คน?”

คำถามข้อนี้สำคัญมาก

แม้ว่าจะมีทหารจำนวนมากภายใต้ลู่เฟิง แต่กองทัพที่เขาสามารถใช้ได้จริง ๆ ตอนนี้ก็คือกองทัพของ เหลียนป๋อ ที่นำมาจากเมืองเร้ดเมเปิ้ล

เดิมทีพวกเขามีกองทัพ 800,000 นาย แต่หลังจากการสู้รบสูญเสียไปมากกว่า 100,000 นายดังนั้นทหารตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ 700,000 นายเท่านั้น

แม้ว่าจะมีมากแต่เขาจะต้องแบ่งทหารออกไปจัดการหลาย ๆ อย่าง

ตอนนี้ เหลียนป๋อ ได้นำทหารออกไป 100,000 นาย ดังนั้นจึงเหลือ 600,000 นาย และ ทหารม้าผู้ภักดี 20,000 นาย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขามีทหารราบ 200,000 นาย ในเมืองงูหยกทางตอนเหนือ ทหารม้าเหล็ก 80,000 นาย รวมกับกองกำลังกบฏ 750,000 นาย หากคนเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการที่ดี พวกเขาจะหาทางก่อกบฏขึ้นอย่างแน่นอน

ตอนนี้ ลู่เฟิง เข้าใจแล้วว่า ทำไม ไป่ฉี ถึงฆ่าทหาร 400,000 นาย ของ จ้าวกั๋ว

กองทัพทั้งหมดนี้ ถูกจับเป็นเฉลย ในเวลานั้น กองทัพของฉินยังมีไม่มากนัก ส่วนทหารที่เหลือก็ถูกแบ่งออกไปทำภารกิจ ดังนั้นจะเหลือกองทัพจริง ๆ ของพวกเขากี่คน?

เมื่อ ไป่ฉี ตัดสินใจได้ เพื่อผลประโยชน์ของฉิน เขาจึงได้สังหารคนเหล่านี้

หลังจากรำลึกถึงวีรกรรมของ ไป่ฉี ลู่เฟิง รู้สึกอยากจะเรียกแม่ทัพคนนี้ออกมามาก ๆ หากได้รับแม่ทัพคนนี้เขารู้สึกว่าตนเองสามารถกวาดผ่านโลกทั้งใบได้

แต่เขาได้แค่หวังเท่านั้น สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือการแจกแจงกองทัพ

เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ฝ่าบาท แม่ทัพ ลิโป้ ในตอนนี้ มีทหารม้า 80,000 นาย ที่สามารปฏิบัติตามคำสั่งได้ในทันที แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาจะจัดการด้วยวิธีใดแต่คิดว่าเราไม่น่าจะควรกังวลสำหรับทหารราบ…”

เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”พวกเราควรปล่อยทหารทิ้งไว้ให้แม่ทัพเกาประมาณ 200,000 นายก็น่าจะเพียงพอแล้ว!”

“200,000 ?”

ลู่เฟิงขมวดคิ้วแน่น ท้ายที่สุด อีกฝ่ายจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเกือบล้านคน ทหารสองแสนนาย จะทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนอย่างเชื่อฟังได้หรือไม่

เจี๋ยสวี่ เห็นความลังเลของลู่เฟิง เขาได้อธิบายทันที”ฝ่าบาทแม้ว่าเมืองฉิวซานจะเหลือทหารเพียง 200,000 คน แต่กำแพงเมืองที่นั่นก็สูงมาก มันยากที่กองทัพของเราที่หากน้อยกว่า 400,000 คนจะเอาชนะเมืองฉิวซานได้ และ หากเป็นเช่นนั้นมันจะกินเวลาพวกเราร่วมเดือน กองทัพของพวกเราไม่สามารถต่อสู้ได้ถึงหนึ่งเดือนเพราะอาหารที่มีนั้นไม่เพียงพอจริง ๆ !”

ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา”เหวินเหอ เจ้าไปตามเกาชุน มาพบข้า ข้าต้องการพูดคุยเรื่องนี้กับเขา!”