ตอนที่ 79 เติมเต็มความปรารถนา สาวร่ำสุราฝ่าด่านขั้นสูง (1).1

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลังออกจากยอดเขาหยกน้อยแล้ว จิ่วอูก็มองไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบในมือของเขาด้วยความประหลาดใจ

ข้าไม่คิดว่าศิษย์หลานฉางโซ่วจะคุ้นเคยกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนซึ่งเป็นคนที่เข้าถึงยากที่สุดในสำนัก

นี่เป็นของดีที่วางยาพิษเซียนเทียนได้…

ฉางโซ่วช่างมีความคิดล้ำลึกนัก เขาให้ยาพิษล้ำค่าเช่นนี้กับข้าเพื่อให้ข้าปกป้องตนเอง

จิ่วอูหัวเราะเบาๆ พลางยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อมองดูก่อนจะเลือกวางขวดยานี้ไว้ในถุงเก็บสมบัติที่แขนเสื้อซึ่งง่ายที่จะหยิบออกมา และจากนั้นเขาก็บินต่อไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์

ที่ด้านหน้าหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง พลางเล่นกระบี่สีขาวเงินต่อไป

หอพระสูตรเต๋าชั้นใน…

หึ หอพระสูตรเต๋าชั้นใน!

มันมีแกนเต๋าหลักของ สำนักตู้เซียน ข้อมูลเกี่ยวกับคาถาเวทระดับสูง ทักษะเวท การหลอมโอสถ ค่ายกล การหลอมอาวุธ และคู่มือล้ำค่าอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรและวัตถุดิบล้ำค่าที่สามารถแลกเปลี่ยนโดยใช้เงินสนับสนุนรายเดือนของข้า!

หลี่ฉางโซ่วตระหนักว่าตอนนี้เขากำลังยิ้มกระหยิ่มราวกับคนมากราคะที่เห็นสำนักโคมเขียว และได้รับเงินจำนวนมหาศาลมาจากบิดาที่ร่ำรวยของเขา…

แค่กๆ หลังจากกระแอมไอสองครั้ง เขาก็สงบสติอารมณ์เป็นปกติได้ในทันที

มันทำให้เขาปลื้มปริ่มมากจริงๆ

หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดคือรากฐานที่แข็งแกร่ง

แต่…ตอนนี้เขาไม่อาจไปที่หอพระสูตรเต๋าได้ทันที

เขาตัดสินใจจะปักหลักอยู่พักหนึ่งก่อน ยังไม่สายเกินไปที่เขาจะไปหอพระสูตรเต๋าชั้นในหลังจากที่สำนักให้ความสนใจเขามากขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามยอดเขาพิชิตสวรรค์ก็ยังอยู่ที่นั่น มันย่อมไม่หนีไปไหน จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องรีบเร่งแล้วสร้างปัญหาให้ตัวเองอย่างโง่เขลา

โอสถพิษซึ่งเขาได้รับมาจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุน แล้วมอบให้กับอาจารย์จิ่วอูนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นของขวัญแสดงความขอบคุณให้กับอาจารย์จิ่วอูเช่นกัน

โอสถเซียนคุณภาพระดับสูงที่นักหลอมโอสถแต่ละคนหลอมออกมาจะแตกต่างกันเล็กน้อย และโอสถที่หลี่ฉางโซ่วหลอมออกมาก็มี ‘ลักษณะเฉพาะ’ เล็กน้อย

ในสถานการณ์เช่นนี้ โอสถที่เขาหลอมออกมาจะเป็นโอสถที่ไม่ใช่โอสถพิษเท่านั้น แต่กรณีที่หลอมโอสถพิษ เขาก็ทำได้เพียงอาศัยว่าเป็นโอสถพิษที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเท่านั้น…

อาจารย์อาจิ่วจิ่วของเขาไม่ออกมาจากการปิดด่านเป็นเวลานานแล้ว หากเขานำโอสถพิษคุณภาพสูงที่เขาหลอมในสำนักออกมา มันก็คงยากจะอธิบายให้ชัดเจนว่า พลังเซียนที่เขาใช้นั้นมาจากที่ใด

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ต้องบอกว่าอาจารย์อาจิ่วจิ่วปิดด่านมาเป็นเวลานาน…ครั้งนี้นางกำลังจะฝ่าทะลวงด่านสู่เซียนเทียนหรือไม่

ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง นางน่าจะยังขาดคุณสมบัติอยู่บ้าง…

ทว่าหลี่ฉางโซ่วกลับกังวลเกี่ยวกับอาจารย์ลุงจิ่วอูของเขามากกว่า ขอบเขตพลังของเขาย่อมจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หากเขายังคงวิ่งวุ่นวายทำงานให้สำนักเช่นนี้

และนั่นอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้บำเพ็ญเต๋าไม่อยากไปฝึกบำเพ็ญเต๋าในสวรรค์

หลี่ฉางโซ่ววางกระบี่สีขาวเงินลงและแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขากวาดมองออกไปที่ทะเลสาบ ก็พบว่า หลิงเอ๋อร์ยังคงเขียนคัมภีร์อย่างตรงไปตรงมา เขาจึงถอนหายใจเบาๆ ในใจ

โชคดีที่ความสามารถในการสะกดกลั้นจิตใจของศิษย์พี่อย่างข้าแข็งแกร่งพอ ดังนั้นข้าจึงไม่กลัวความผิดปกติของเจ้า

เขาเปิดใช้ค่ายกลโดยรอบและใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แปลงร่างเป็นเขา จากนั้นตัวเขาก็กลายเป็นควันสีเขียวแล้วลอยเข้าไปในห้องลับใต้ดิน

เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว เขาก็รู้สึกอยากขอบคุณองค์ชายรองแห่งวังมังกร อ๋าวอี่ที่ก่อปัญหาโดยไม่สร้างความสูญเสียใดๆ เลย และยังให้…

แม้การเผชิญหน้ากับอ๋าวอี่จะลำบากมาโดยตลอด แต่ผลลัพธ์ในครั้งนี้กลับดีอย่างคาดไม่ถึง

ในระหว่างงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจในวังมังกรนั้น สุดท้าย เขาก็ได้รับเคล็ดวิชาเพลิงสมาธิแท้

คราวนี้ผู้บำเพ็ญของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมาถึงที่ และเขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในโถงชั้นในของหอพระสูตรเต๋า…

ระหว่างการเผชิญหน้ากันครั้งก่อน เขาโชคไม่ดีที่สูญเสียยาสลบไปเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่กล้าไปวังมังกรเพื่อขอรับถุงของขวัญ ‘ขอบคุณที่ไม่สังหาร’…

ครั้งหน้าหากพบองค์ชายวังมังกรอีกครั้ง…

ช่างมันเถิด มันจะดีที่สุดหากไม่พบกัน

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะขณะที่ไปถึงใจกลางค่ายกลฟื้นสภาพแล้ว จากนั้นจึงเดินตรงไปที่ชั้นหินข้างหน้า…

เวลาเดียวกันนั้น…

ในสระสมบัติของเกาะเต่าทอง บัดนี้อ๋าวอี่กำลังขดตัวซ่อนกายอยู่ที่ก้นสระและฝึกฝนเคล็ดวิชาปฐพีก่อน้ำแข็งขณะที่ตัวสั่นอย่างไม่อาจอธิบายได้

และการสั่นสะท้านนี้ก็ทำให้เขาตื่นขึ้นจากแดนเฉิงเต๋า

ภาพเหตุการณ์ที่เขาแพ้หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียนผุดขึ้นมาในใจของอ๋าวอี่ แต่เขาไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองในใจแต่อย่างใด

ทักษะเวทของเขาด้อยกว่ามนุษย์ แต่เขาไม่ได้ขุ่นเคือง

หากข้าคว้าชัยชนะโดยที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ แล้วข้าจะสร้างอิทธิพลต่อเผ่ามังกรได้อย่างไร

และทันใดนั้นดวงตาของอ๋าวอี่ก็ฉายความสบายใจออกมาทันที

จากนั้นเขาก็คิดว่าตัวเขาเองและหลี่ฉางโซ่วใช้เวลาตลอดทั้งคืนชื่นชมภาพวาดตันชิงและท่องบทกวีกันได้อย่างไร…

เมื่อพิจารณาจากบุคลิกของพี่หลี่ฉางโซ่ว เขาก็เป็นเหมือนสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง เขาเป็นคนสุภาพ สง่างาม ช่างเป็นอัญมณีที่หาได้ยากในหมู่มวลมนุษย์

ในอนาคตหากมีโอกาส ข้าต้องไปเยือนสำนักตู้เซียนอย่างแน่นอน

ส่วนผู้อาวุโสทั้งห้าจากเกาะเต่าทองก็พ่ายแพ้สำนักตู้เซียนเช่นกัน…

ระหว่างทางกลับ ทั้งแปดคนก็ตกลงว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกหลังจากกลับมาที่เกาะเต่าทองแล้ว ช่างมันเถิด

ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักบำเพ็ญเต๋าให้ราบรื่น พวกเราอย่าได้รู้สึกอับอาย!

“ท่านอาจารย์อาอ๋าวอี่?”

จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกมาจากข้างสระ ทันใดนั้น มังกรครามก็แหงนหน้ามองผ่านผืนน้ำใส และเห็นเด็กสาวนาม หานจื่อ ยืนอยู่ข้างสระน้ำ

มังกรครามเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่กลายเป็นร่างกายมนุษย์และว่ายขึ้นไปอย่างช้าๆ

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดร่างกายมนุษย์ของเขาถึงหยุดเติบโต และมีร่างกายอ่อนเยาว์อยู่เสมอ…

ทว่ามีบางสิ่งที่ขนาดร่างกายของเขาไม่อาจขัดขวางได้

ในขณะนั้น เด็กสาวที่ยืนอยู่ริมสระก็เอ่ยถามว่า “ท่านไม่ได้ฝึกบำเพ็ญหรือเจ้าคะ ข้ารบกวนท่านอาจารย์อาหรือไม่”

“ข้า…ตอนนี้ ข้ากำลังคิดอะไรบางอย่าง จึงไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ วันนี้พวกเราไปทะเลบูรพากันดีหรือไม่”

“ทะเลบูรพามีทิวทัศน์งดงามหรือไม่เจ้าคะ”

“อืม ที่นั่นมีวิวสวยๆ อยู่บ้าง อย่างเช่น ป่าสมบัติ ปะการัง น้ำตกไห่หลิน…”

ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็ขับเคลื่อนเมฆและมุ่งหน้าไปยังทะเลบูรพา

ในขณะนั้น ดวงตาคู่โตที่น่าสะพรึงกลัวของเต่าทองที่ตอนท้ายของเกาะนี้ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

แต่คราวนี้ มันมีความผันผวนภายในนั้นมากขึ้น

มันน่าจะเป็นสายตาเป็นมิตร

ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้กระจายออกไปทั่วยอดเขาหยกน้อยขณะเดินไปตามเส้นทางหิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเข้ามาใกล้เขา

ต่อจากนี้ หลี่ฉางโซ่วจะใช้สมบัติและวัสดุล้ำค่าจำนวนมากในการปรับแต่งรากฐานค่ายกล ปรับปรุงและขยายระบบการสร้างค่ายกลของยอดเขาหยกน้อย

สมบัติที่อาจารย์ลุงจิ่วอูมอบให้เขาถือเป็นรางวัลจากสำนักที่สามารถใช้ในการปรับเปลี่ยนกลุ่มค่ายกลเขาวงกต และเขาเพิ่มค่ายกลสายโจมตีที่สามารถสังหารผู้บุกรุกได้…

สำหรับชั้นนอกของค่ายกลนี้ เขาต้องรอให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วออกจากการปิดด่านก่อนที่จะตั้งค่าจัดวาง ความแข็งแกร่งของอาจารย์อาของเขามีจำกัด และคงเป็นเรื่องยากที่จะระงับพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านเพิ่มขึ้นในระหว่างการสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการ

เขาผลักประตูไม้ออกไป แล้วก็เห็นว่าในเวลานี้ ห้องลับมีของจัดวางเอาไว้อย่างเต็มที่แล้ว

สี่เหลี่ยมหยกสามสิบสองอันวางเรียงตามแนวทแยงมุมเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ และภายในสี่เหลี่ยมแต่ละอันจะมี ‘เนื้อไม้’ สีขาวแข็ง

นี่คือ กระดาษที่ใช้ทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

พวกมันเหล่านี้ยังผ่านกระบวนการหลายสิบขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบ เพื่อรักษาลมปราณของสิ่งมีชีวิต และสามารถบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังเซียนได้

เมื่อหลี่ฉางโซ่วสร้างตุ๊กตากระดาษ ก็ดูเหมือนว่า เขาจะใช้กระดาษแผ่นเดียวแล้วตัดมันด้วยมือ และอันที่จริงแล้ว กระดาษนั้นก็ถือเป็นอาวุธเวทแบบหนึ่งเช่นกัน…

หลี่ฉางโซ่วม้วนกระดาษที่แขวนไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็คลุมมันด้วยชิ้นส่วนของหนังสัตว์ที่สลักด้วยกฎห้ามพิเศษ แล้วเขาก็เดินไปที่หลังโต๊ะ

การทำตุ๊กตากระดาษนั้น ต้องใช้กระดาษจำนวนมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องสร้าง ‘กระดาษ’ ขึ้นมาชุดหนึ่งในทุกๆ สองปี

ซึ่งส่งผลให้พฤกษาวิญญาณโบราณที่เขาเคยย้ายมันมาก่อนหน้านี้บางลงมากอย่างเห็นได้ชัด…

ตอนนี้ เราต้องเริ่มประหยัดกระดาษ

เวลานี้ ตุ๊กตากระดาษยังคงไม่เสถียร การใช้กระดาษมากเกินไปจะทำให้สิ้นเปลือง

เมื่อเขาคิดว่าจะสามารถสัมผัสกับกลุ่มค่ายกลระดับสูง สมบัติและอาวุธเวทระดับสูง รวมทั้งยังคงพัฒนาวิธีการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบต่อไป หลี่ฉางโซ่วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้…

คนเรานั้น ยามเมื่อมีความสุข ก็ย่อมจะต้องยิ้มบ่อยๆ และโชคก็จะส่งมาที่พวกเขาเอง